นายพัฒนา พร้อมพัฒน์ รมว.สาธารณสุข เปิดเผยภายหลังประชุมคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ว่า ที่ประชุมพิจารณาเรื่องนโยบาย “30 บาทรักษาทุกที่ ฟอกไตฟรีทุกแห่ง” และขยายบริการปลูกถ่ายไต จะปรับระบบให้ผู้ป่วยตัดสินใจเลือกวิธีการฟอกไตที่เหมาะสมตามคำแนะนำของแพทย์ และตรวจสอบคุณภาพศูนย์ไตเทียมให้เข้มข้นมากขึ้น ส่วนผู้ที่อยู่ในภาวะไตเสื่อมระยะสุดท้าย จะมีทางเลือกในการรักษาประคับประคอง รวมถึงสนับสนุนการปลูกถ่ายไตที่เป็นการรักษาที่ดีที่สุดสำหรับคนไข้ไตวายระยะสุดท้าย โดยกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) จะขยายศูนย์ปลูกถ่ายไตและจัดตั้งทีมผ่าตัดนําไตออก (Renal Retrieval Team: RRT) ให้ครบทั้ง 12 เขตสุขภาพ ล่าสุดเตรียมเปิดศูนย์ปลูกถ่ายไตเพิ่มอีก 1 แห่ง ที่ รพ.สวรรค์ประชารักษ์ จ.นครสวรรค์ ทั้งกำชับให้ สปสช.ดูแลหน่วยบริการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียมในระบบบัตรทอง ห้ามเรียกค่าบริการจากผู้ป่วยเพิ่มเติม หากพบให้ดำเนินการทางกฎหมายทันที ซึ่งข้อมูลจากระบบสุขภาพ ปี 2567 พบว่า ผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังของประเทศไทย รวม 1.12 ล้านคน และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นโดยผู้ป่วยจำนวนมากไม่รู้ตัวจนกว่าจะเข้าสู่ระยะท้ายของโรค สธ.จะพัฒนาระบบบริการโรคไตแบบครบวงจรตั้งแต่การป้องกัน คัดกรอง ไปจนถึงการรักษาและฟื้นฟูเพื่อให้ประชาชนเข้าถึงบริการได้ทั่วถึงพญ.อัมพร เบญจพลพิทักษ์ อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า คนไทยรับโซเดียมจากการกินอาหาร 4,351.69 มิลลิกรัมต่อคนต่อวัน สูงกว่าเกณฑ์ที่องค์การอนามัยโลกกำหนดอยู่ที่ไม่เกิน 2,000 มิลลิกรัมต่อวัน หรือเท่าเกลือ 1 ช้อนชา เป็นหนึ่งปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้ไตเสื่อมเร็วกว่าปกติ รวมถึงดื่มน้ำน้อย การใช้ยาแก้ปวดกลุ่มเอ็นเสด การใช้สมุนไพรที่ไม่ได้มาตรฐาน การไม่ออกกำลังกาย และละเลยตรวจสุขภาพ กรมอนามัยรณรงค์ให้คนไทยปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกิน ลดเค็ม ลดอาหารแปรรูป ดื่มน้ำให้เพียงพอ หมั่นตรวจสุขภาพและออกกำลังกายสม่ำเสมอ ทั้งขับเคลื่อนโครงการคนไทย 7.2 ล้านคน รู้ค่าความเสี่ยงโรคไต เพื่อเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้าฯ เนื่องในโอกาสทรงเจริญพระชนมายุ 72 พรรษา เชิญชวนรับการคัดกรองเพื่อห่างไกลโรคไตเรื้อรัง.อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” เพิ่มเติม