ทรพีหลอนยาคลั่งฆ่าแม่บังเกิดเกล้าดับสลดกลางชุมชนย่านพระประแดง ปมเหตุจากเมายาบ้าหาเรื่องทะเลาะกับเมีย แม่เข้าห้ามปรามกลับถูกผลักล้มเลยคว้าไม้กวาดฟาด ทำเอาลูกชายสติแตกคลุ้มคลั่งปรี่เข้าชกต่อยชักมีดคัตเตอร์กรีดหน้ายับก่อนจ้วงแทงคอสิ้นใจ หลังก่อเหตุจับลูกชายตัวเองวัย 12 ปีเป็นตัวประกันเข้าไปหลบซ่อนตัวในห้องน้ำบ้านใกล้เคียง ตำรวจบุกเข้าชาร์จจับกุมได้ทุลักทุเล ยังหลอนหนักพูดจาไม่รู้เรื่อง เช็กประวัติเพิ่งพ้นโทษคดีค้ายาบ้าออกจากคุกมาได้ปีเดียวยังไม่เลิกเสพหนักจนเมาหลอนคลุ้มคลั่งฆ่าแม่ตัวเองพิษภัยยาเสพติดชนวนเหตุสลดใจ หนุ่มหลอนยาคลุ้มคลั่งฆ่าแม่ตัวเองรายนี้เปิดเผยเมื่อเวลา 23.30 น. วันที่ 5 ก.พ. ร.ต.อ.ชาย พลศรี รอง สว. (สอบสวน) สภ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ รับแจ้งเหตุชายคลุ้มคลั่งใช้มีดคัตเตอร์ทำร้ายมารดาตัวเองและยังไล่แทงชาวบ้าน เหตุเกิดภายในชุมชน 40 ห้อง ซอยดิเรก แยกจากซอยสุขสวัสดิ์ 70 แยก 7 ต.บางครุ อ.พระประแดง รายงานให้ พ.ต.อ.ประภาส มั่งคั่ง รอง ผบก.ภ.จ.สมุทรปราการ รรท.ผกก.สภ.พระประแดง พ.ต.ท.อดุลย์ มงคลเจริญ สว.สส. นำกำลังฝ่ายสืบสวน สายตรวจ พร้อมแพทย์เวร รพ.บางจาก และอาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญูไปตรวจสอบที่เกิดเหตุมีชาวบ้านพากันมุงดูจำนวนมาก บริเวณหน้าบ้านเลขที่ 10/9 พบร่างนางสมร ปานสง่า อายุ 67 ปี นอนหงายจมกองเลือดหายใจรวยรินอยู่บนพื้น ถูกของมีคมปาดที่ใบหน้า แก้มขวา และใต้คาง เป็นแผลเหวอะหวะ และถูกแทงลำคอซ้ายมีใบมีดคัตเตอร์ยาวประมาณ 6 ซม.หักคาอยู่ เจ้าหน้าที่กู้ชีพกู้ภัยช่วยกันทำซีพีอาร์ปฐมพยาบาลนานกว่า 40 นาทีแต่เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ ส่วนมือมีดคือนายศุภชัย เถอะมา อายุ 40 ปี ลูกชายแท้ๆของผู้ตายอยู่ในอาการคลุ้มคลั่ง หลังก่อเหตุยังใช้มีดคัตเตอร์ไล่แทงภรรยาและชาวบ้านต้องวิ่งหนีกระเจิง จากนั้นเข้าไปจี้จับลูกชายคนเล็กของตัวเองอายุ 12 ปีเป็นตัวประกันวิ่งหลบหนีเข้าไปหลบซ่อนตัวอยู่ในห้องน้ำบ้านเลขที่ 8/1 ที่อยู่ใกล้กันต่อมาตำรวจกระจายกำลังปิดล้อมพยายามพูดคุยเจรจาให้นายศุภชัยปล่อยตัวลูกชายและออกมามอบตัวแต่โดยดี เกลี้ยกล่อมอยู่นานกว่า 20 นาทีไม่เป็นผล ตัดสินใจใช้อุปกรณ์ไม้ง่ามและปืนช็อตไฟฟ้าวางแผนบุกเข้าชาร์จตัว แบ่งกำลัง 2 ชุด ชุดแรกอยู่หน้าประตูห้องน้ำพูดคุยเรียกร้องความสนใจ ส่วนอีกชุดปีนเข้าไปทางห้องน้ำอีกห้องที่อยู่ติดกันกระโดดเข้าล็อกตัวพร้อมเปิดประตูให้ชุดที่อยู่หน้าห้องเข้ามาช่วยกันรุมจับกุมหนุ่มคลั่งไว้ได้อย่างทุลักทุเล และช่วยเหลือลูกชายวัย 12 ปีที่ถูกจับเป็นตัวประกันไว้ได้ปลอดภัย ขณะชุลมุนปรากฏว่า จ.ส.อ.รัฐนนท์ ปิ่นตา ตำรวจสายสืบที่เข้ามาจับกุมผู้ก่อเหตุพลาดท่าถูกปืนช็อตไฟฟ้าที่กลางหลังบาดเจ็บเล็กน้อย ตำรวจยึดมีดคัตเตอร์เปื้อนเลือด 1 เล่มและยาบ้า 2 เม็ดของผู้ก่อเหตุไว้เป็นหลักฐาน ก่อนนำตัวนายศุภชัยไปสอบสวนดำเนินคดีที่โรงพัก ขณะนำตัวออกมามีชาวบ้านพยายามฮือเข้ามารุมประชาทัณฑ์จนเกิดความชุลมุนขึ้น ต้องรีบพาขึ้นรถออกไปทันทีสอบสวน น.ส.นิภาพร แสงกัน อายุ 40 ปี ภรรยานายศุภชัยให้การว่า ก่อนเกิดเหตุตลอดทั้งวันสามียังอารมณ์ดีพูดคุยปกติ แต่พอถึงช่วงค่ำมีอาการหลอนยาเสพติด กล่าวหาว่าตนขโมยพระเครื่องไป พร่ำบ่นไปเรื่อยเปื่อยและไล่ให้ไปไกลๆจนมีปากเสียงวิวาทกัน สามีคลุ้มคลั่งอาละวาดตบตีตน ระหว่างนั้น ผู้ตายเห็นเหตุการณ์พยายามเข้ามาห้ามปรามกลับถูกลูกชายตัวเองผลักล้มลง เลยคว้าไม้กวาดฟาดสวนไป สร้างความโมโหให้สามีปรี่เข้าไปชกต่อยผู้เป็นแม่ ก่อนจะชักมีดคัตเตอร์ออกมาปาดใบหน้าและจ้วงแทงคำคอจนเลือดทะลักนอนแน่นิ่ง ตนเห็นท่าไม่ดีรีบวิ่งหนีตายไปแถวบ้านเพื่อน มุดเข้าไปหลบอยู่ใต้ท้องรถ กระทั่งมีตำรวจและกู้ภัยมาที่เกิดเหตุถึงกล้าออกมาดูก็พบว่าแม่สามีเสียชีวิตแล้ว ยอมรับว่าสามีมักจะเสพยาบ้าเป็นประจำและเคยถูกจับกุมบ่อยครั้งจากการสอบปากคำนายศุภชัย ผู้ต้องหายังอยู่ในอาการหลอนยาเสพติดพูดจาวกไปวนมา อ้างว่าไม่ได้ทำร้ายเมีย หลังก่อเหตุพาลูกชายไปหลบในห้องน้ำของบ้านน้า เพราะไม่รู้จะไปหลบที่ไหนและจำไม่ได้ว่าหลังจากนั้นพูดอะไร ที่ก่อเหตุเพราะรู้สึกเก็บกดและโมโห เบื้องต้นตำรวจแจ้งข้อกล่าวหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา (บุพการี) และมียาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 (ยาบ้า) ไว้ในความครอบครอง ตรวจสอบประวัติผู้ต้องหาพบว่า เมื่อปี 53 มีคดีครอบครองยาเสพติดเพื่อจำหน่าย ปี 60 มีคดีครอบครองยาเสพติดเพื่อจำหน่าย ถูกจับกุมดำเนินคดีเพิ่งพ้นโทษออกจากเรือนจำเมื่อต้นปี 67 แต่ยังไม่เลิกเสพยาจนเมาหลอนมาก่อเหตุสะเทือนขวัญขึ้นในครั้งนี้ อย่างไรก็ตาม ตำรวจต้องรอให้เจ้าตัวมีอาการดีขึ้นก่อนจะได้สอบสวนอย่างละเอียดอีกครั้งอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่