สลด “ปราโมทย์ ธรรมพนิชวัฒน์” รองประธานแผนกคดียาเสพติดในศาลอุทธรณ์ ยิงตัวตายคาบ้านพักย่านจันทรเกษม คาดเครียดจากอาการป่วยเข้า รพ. หลายครั้ง เผยเลขาฯเข้าไปพบศพเป็นคนแรกคืนวันที่ 7 มิ.ย. โทร.แจ้งลูกสาวมาดูศพ ตำรวจ สน.พหลโยธินตรวจสอบไม่พบพิรุธ ลูกสาวและญาติไม่ติดใจรับศพไปตั้งสวดที่วัดพระศรีมหาธาตุ บางเขน เผยผู้ตายถือว่าเป็นหนึ่งในผู้ที่มีความเชี่ยวชาญด้านการเมือง นโยบาย และกฎหมายเป็นอย่างมากช็อกรองประธานแผนกคดียาเสพติดในศาลอุทธรณ์ยิงตัวตายครั้งนี้ เปิดเผยขึ้นเมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 8 มิ.ย. ที่สถาบันนิติเวช รพ.ตำรวจ น.ส.กนกรัตน์ ธรรมพนิชวัฒน์ อายุ 27 ปี พร้อมญาติเข้าติดต่อรับศพนายปราโมทย์ ธรรมพนิชวัฒน์ อายุ 60 ปี รองประธานแผนกคดียาเสพติดในศาลอุทธรณ์ บิดา ไปประกอบพิธีกรรมทางศาสนา ที่วัดพระศรีมหาธาตุ บางเขน หลังใช้ปืนยิงตัวเองเสียชีวิตในบ้านพัก ซอยพหลโยธิน 32 แขวงจันทรเกษม เขตจตุจักร กทม. เมื่อคืนวันที่ 7 มิ.ย. เบื้องต้นผลชันสูตรศพมีบาดแผลกระสุนปืนทำลายสมองเหตุสลดครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อเวลา 21.30 น. วันที่ 7 มิ.ย. ร.ต.อ.ปวิช พวงสมบัติ รอง สว. (สอบสวน) สน.พหลโยธิน รับแจ้งเหตุยิงตัวตายที่บ้าน 2 ชั้น เลขที่ 1124/148 ซอยพหลโยธิน 32 แขวงจันทรเกษม เขตจตุจักร กทม. ไปตรวจสอบพร้อมเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน แพทย์เวรสถาบันนิติเวช รพ.ตำรวจ และอาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู ที่เกิดเหตุอยู่ชั้นล่าง ภายในห้องรับแขกพบศพนายปราโมทย์ ธรรมพนิชวัฒน์ อายุ 60 ปี รองประธานแผนกคดียาเสพติด ในศาล อุทธรณ์ เจ้าของบ้านในสภาพสวมเสื้อยืดแขนสั้นสีขาวมีเสื้อกันหนาวแขนยาวสีดำใส่ทับ กางเกงขาสั้นสีดำ ใช้ปืนยิงตัวเองเสียชีวิต มีบาดแผลถูกปืนไม่ทราบขนาดเข้าขมับขวาทะลุซ้าย นั่งบนโซฟาขาขวาพาดอยู่บนโต๊ะ ขาซ้ายห้อย หลังเอนพิงโซฟา มีปืนสั้นแบบแมกกาซีนหล่นบนท้องด้านขวาใกล้มือขวา เก็บไว้เป็นหลักฐานสอบสวน น.ส.กนกรัตน์ ธรรมพนิชวัฒน์ อายุ 27 ปี ลูกสาวให้การว่า ก่อนเกิดเหตุวันที่ 7 มิ.ย. เวลาประมาณ 21.00 น. รับแจ้งจาก น.ส.มัลลิกา งามจบวิทยานนท์ อายุ 26 ปี เลขาฯนายปราโมทย์ ว่า มาหาผู้ตายเพื่อจะแจ้งให้ผู้ตายทราบว่าพรุ่งนี้มีงานด่วน แต่เห็นนายปราโมทย์นั่งอยู่บนโซฟาหน้าซีดคิดว่าเป็นลม ได้เขย่าตัวเห็นเลือดที่ตัวรีบโทรศัพท์แจ้งให้ตนทราบรีบมาที่เกิดเหตุและแจ้งเจ้าหน้าที่ ทั้งนี้ ศพแข็งตัวเลือดแห้งกรัง คาดเสียชีวิตมาหลายชั่วโมง เบื้องต้นยังไม่ทราบสาเหตุการเสียชีวิตส่งศพไปที่สถาบันนิติเวชวิทยา รพ.ตำรวจ เพื่อชันสูตรหาสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริงต่อไปขณะที่ พ.ต.อ.ชิศณุพงศ์ สุริยานนท์ ผกก.สน.พหลโยธิน เผยว่า คดีดังกล่าวพนักงานสอบสวนและเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานได้เข้าตรวจสอบบ้านพักนายปราโมทย์ เก็บรวบรวมพยานหลักฐาน พบปืน 9 มม. ตกอยู่ข้างผู้เสียชีวิต ตรวจสอบบ้านบริเวณโดยรอบไม่พบจุดใดผิดสังเกต ไม่มีทรัพย์สินสูญหาย ไม่มีการต่อสู้ มีแนวโน้มสูงที่จะเป็นการฆ่าตัวตาย สอบปากคำคนในบ้านทราบว่า นายปราโมทย์มีเรื่องเครียดเกี่ยวกับการทำงาน มีโรคประจำตัวชอบวูบอยู่บ่อยๆ ต้องกินยาอยู่ตลอดเวลา แต่นายปราโมทย์ไม่ยอมไปพบแพทย์เพื่อรักษาอาการทำให้คนในครอบครัวไม่ทราบว่ามีโรคประจำตัวอะไร ขณะนี้กองพิสูจน์หลักฐานได้นำเลขทะเบียนปืนไปตรวจสอบดูว่าใครเป็นผู้ครอบครอง และจะนำมาเปรียบเทียบกับเขม่าดินปืนที่เก็บหลักฐานไว้ว่าปืนที่ใช้เป็นกระบอกเดียวกันหรือไม่ ต้องใช้เวลาในการรวบรวมพยานหลักฐาน ก่อนจะสรุปว่าเป็นการฆ่าตัวตาย“นายปราโมทย์อาศัยอยู่บ้านพักเกิดเหตุเพียงลำพัง มีเลขาฯส่วนตัวพักอยู่ใกล้กัน แวะเวียนมาดูความเรียบร้อยเป็นประจำ คืนวันเกิดเหตุได้เข้ามาที่บ้านพบว่านายปราโมทย์เสียชีวิตแล้ว เบื้องต้นญาติไม่ติดใจเหตุที่เกิดขึ้น” ผกก.สน.พหลโยธิน กล่าวขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจากผู้พิพากษานายหนึ่งว่า นายปราโมทย์เดิมเป็นคนร่าเริงแต่พักหลังซึมเศร้า ที่ทราบคือมีอาการเจ็บป่วยด้วยโรคประจำตัวของคนวัย 60 ปี อยู่หลายโรค ในปี 2566 ป่วยเข้าห้องไอซียูหลายครั้ง ปัญหาครอบครัวไม่มี เพราะลูกสาวคนเดียวก็สอบเป็นอัยการได้แล้ว ก่อนหน้านี้เคยมีผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์เสียชีวิตล้มฟุบขณะทำงานมาแล้ว สาเหตุอาจจะมาจากความเครียดในการทำงาน ที่ผ่านมาผู้พิพากษาในชั้นศาลอุทธรณ์ต้องพิจารณาสำนวนคดียาเสพติดที่มีโทษถึงประหารชีวิต เพราะตาม พ.ร.บ.วิธีพิจารณาความคดียาเสพติดปี 2550 มาตรา 18 ที่บัญญัติว่า ในความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดให้คดีถึงที่สุดในชั้นอุทธรณ์เท่านั้น ย่อมหมายถึงว่า การที่ผู้พิพากษาในคดียาเสพติดจะตัดสินชีวิตใครจะต้องคิดทบทวนซ้ำแล้วซ้ำอีกเพราะจะฎีกาต่อไปไม่ได้ (ยกเว้นในส่วนที่ไม่เกี่ยวกับยาเสพติดฎีกาได้) ที่น่าตกใจคือขณะนี้มีคดียาเสพติดเข้ามาในศาลอุทธรณ์มากถึง 6 หมื่นกว่าคดี ในเพียง 5 เดือนของปี 66 ในช่วงเวลาเดียวกันของปี 65 มีเพียง 12,000 คดีเท่านั้น จำเป็นต้องจ่ายสำนวนเพื่อให้คดีเสร็จไปอย่างเป็นธรรมทุกฝ่าย เป็นไปได้ว่าการตรวจสำนวนคดีที่มีโทษประหารจะทำให้ผู้พิพากษาเกิดความเครียด และกระทบต่อสุขภาพอย่างรุนแรงก็เป็นไปได้ทั้งสิ้นสำหรับประวัตินายปราโมทย์ เป็นชาว จ.อุดรธานี จบการศึกษาระดับมัธยมจากโรงเรียนมัธยมวัดเบญจมบพิตร จากนั้นศึกษาที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และศึกษาจบระดับปริญญาเอก สาขาวิชาการเมือง จากมหาวิทยาลัยรามคำแหง ส่วนเส้นทางรับราชการ เริ่มจากอัยการผู้ช่วย สอบเป็นผู้ช่วยผู้พิพากษา และผู้พิพากษา ปี 2534-2540 ดำรงตำแหน่งผู้พิพากษา ศาลจังหวัดเชียงราย-ศรีสะเกษ นครนายก ปี 2540 เป็นผู้พิพากษา ศาลอาญากรุงเทพใต้ ปี 2554 เป็นผู้พิพากษา ศาลอุทธรณ์ ภาค 8 ปี 2555 เป็นผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ ปี 2563 เป็นผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา กระทั่งปี 2564-2566 รองประธานแผนกคดียาเสพติดในศาลอุทธรณ์ จัดว่าเป็นหนึ่งในผู้ที่มีความเชี่ยวชาญด้านการเมือง นโยบายและกฎหมายเป็นอย่างมาก ตลอดชีวิตการทำงานคลุกคลีอยู่ในเส้นทางอาชีพสายกฎหมายตั้งแต่เริ่มต้น เปิดเพจสอนกฎหมายให้คำปรึกษาฟรี