ว่าที่พันตรี ดร.สมบัติ วงศ์กำแหง กรรมการพัฒนาการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติ อดีตเลขาธิการสภาทนายความ เผยว่า ตามกฎหมายโทษปรับมีอยู่ 3 ประเภท1.โทษปรับทางอาญา คือโทษซึ่งผู้กระทำผิดได้รับเนื่องจากการฝ่าฝืนกฎหมายอาญา ผู้มีอำนาจให้ผลร้ายต้องมีอำนาจตามที่กฎหมาย และผลร้ายที่ผู้กระทำผิดได้รับนั้น เป็นการตอบแทนการฝ่าฝืนกฎหมายการตอบแทนจะมีลักษณะตำหนิผู้กระทำความผิด มักเป็นความผิดที่กระทบต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน หรือผลประโยชน์ร่วมกันของคนในสังคม เมื่อมีผู้กระทำความผิดอาญาเกิดขึ้นจึงเป็นหน้าที่ของรัฐที่จะดำเนินการเพื่อให้ได้ตัวผู้กระทำความผิดมาลงโทษ2.โทษปรับทางปกครอง เป็นมาตรการลงโทษผู้กระทำความผิดที่ฝ่าฝืน หรือไม่ปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ของกฎหมายมีลักษณะคล้ายโทษทางอาญา แต่โทษทางปกครองมักนำมาใช้กับการกระทำความผิดลักษณะการละเมิดหน้าที่ตามกฎหมายที่บุคคลต้องกระทำ หรือละเว้นกระทำเพื่อประโยชน์แห่งการจัดทำบริการสาธารณะความผิดดังกล่าวไม่มีลักษณะเป็นความชั่วร้าย หรือกระทบต่อความสงบเรียบร้อย หรือศีลธรรมอันดี โทษทางปกครองมีลักษณะพิเศษแตกต่างไปจากมาตรการลงโทษลักษณะอื่นคือ เมื่อมีผู้ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองมีอำนาจวินิจฉัยสั่งลงโทษผู้ฝ่าฝืนโดยไม่ต้องนำคดีขึ้นสู่ศาลวัตถุประสงค์เพื่อให้การบังคับใช้กฎหมายบรรลุผลและเพื่อความจำเป็นเร่งด่วนในการจัดทำบริการสาธารณะ มักใช้ควบคู่กับระบบการอนุญาต3.โทษปรับเป็นพินัย คือการสั่งให้ผู้ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายต้องชําระเงินจำนวนหนึ่งไม่เกินกฎหมายกำหนด ไม่ใช่โทษทางอาญาค่าปรับเป็นพินัย คือเงินค่าปรับที่ต้องชําระให้แก่รัฐ เป็นมาตรการทางกฎหมายที่นำมาใช้แทนโทษอาญาสำหรับผู้กระทำความผิดไม่ร้ายแรง และไม่กระทบโดยตรงต่อความสงบเรียบร้อยหรือความปลอดภัยของประชาชนผลของการกระทำความผิดทางพินัยมีเพียงต้องชําระเงินค่าปรับ ไม่มีการจำคุกหรือกักขังแทนค่าปรับ และไม่บันทึกลงในประวัติอาชญากรรมหรือทะเบียนประวัติอาชญากร เพื่อให้สอดคล้องและได้สัดส่วนกับการกระทำความผิดที่ไม่ร้ายแรง...สหบาท