ก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์หนักมาก ผลงาน 3 ปีของรัฐบาล และ คสช. เมื่อไม่สามารถ “คืนความสุขให้ประเทศไทย” ตามเสียงเพลงที่กรอกหูประชาชนทุกวัน “เราจะทำตามสัญญา ขอเวลาอีกไม่นาน แล้วแผ่นดินที่งดงามจะคืนกลับมา เราจะทำอย่างซื่อตรง ขอแค่เธอจงไว้ใจและศรัทธา แผ่นดินจะดีในไม่ช้า ขอคืนความสุขให้เธอ ประชาชน”แต่ผ่านไป 3 ปี ยังไม่มีอะไรดีขึ้น การลงทะเบียนคนจนปีนี้กลับเพิ่มขึ้น 5.8 ล้านคน จาก 8.3 ล้านคนในปี 2559 เป็น 14.1 ล้านคนในปี 2560สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา “สวนดุสิตโพล” ได้เผยแพร่ผลสำรวจ ความคิดเห็นของประชาชนต่อผลงาน รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในรอบ 3 ปีที่ผ่านมา ส่วนที่ดียังเหมือนเดิม เช่น ไม่มีการชุมนุมประท้วง การปราบคอร์รัปชัน การจัดระเบียบสังคม แต่ส่วนที่แย่ลง มีดังนี้ อันดับ 1 ร้อยละ 77.06 สภาพเศรษฐกิจ ราคาสินค้าอุปโภคบริโภค ชีวิตความเป็นอยู่ อันดับ 2 ร้อยละ 72.39 การบังคับใช้กฎหมายการจำกัดสิทธิเสรีภาพ อันดับ 3 ร้อยละ 69.30 ราคาและผลิตผลทางการเกษตรนอกจากนี้ ประชาชน ยังได้ ให้คำแนะนำรัฐบาล ผ่าน สวนดุสิตโพล ให้ทำใน 10 เรื่อง เพื่อช่วยสร้างความมั่นใจต่อรัฐบาลในการก้าวสู่ปีที่ 4อันดับ 1 ร้อยละ 80.15 ให้กระตุ้นเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน อันดับ 2 ร้อยละ 78.99 ให้แก้ปัญหาปากท้องของประชาชน อันดับ 3 ร้อยละ 77.08 ให้ใช้งบประมาณอย่างเหมาะสมคุ้มค่า อันดับ 4 ร้อยละ 74.22 ให้ช่วยเหลือเกษตรกร ดูแลราคาพืชผลการเกษตร อันดับ 5 ร้อยละ 72.65 ให้รับฟังความเห็นก่อนมีการบังคับใช้กฎหมาย ฯลฯผมคิดว่าความเห็นของประชาชนเหล่านี้ เป็นความเห็นที่ พล.อ.ประยุทธ์ ควรรับฟังมากกว่า ความเห็นและข้อเสนอที่เลอะเทอะ ของ สภาปฏิรูปประเทศ และ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ ในหลายเรื่องที่มุ่งประจบเอาใจ คงฝันหวานถึง วุฒิสมาชิก ในอนาคตประเด็นที่ผมจะขอให้ พล.อ.ประยุทธ์ ให้ความสนใจเป็นพิเศษก็คือ การให้ความช่วยเหลือเกษตรกรชาวไร่ชาวนาให้ลืมตาอ้าปากได้ เพราะ เกษตรกรที่ยากจน แตกต่างจาก คนยากจน ตามนัยทะเบียนคนจนของรัฐบาล เกษตรกรแม้จะยากจน แต่ก็มีอาชีพหลักของตนเอง และมีถึง 20 ล้านครัวเรือน คิดคร่าวๆก็ประมาณ 40 ล้านคน กว่าครึ่งหนึ่งของประชากรทั้งประเทศ กำลังซื้อของเกษตรกร จึงมีผลโดยตรงต่อ การฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ แต่ที่ผ่านมา รัฐบาลให้ความช่วยเหลือเกษตรกรน้อยเกินไป เมื่อเทียบกับรัฐบาลก่อน โดยเฉพาะ รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตรจึงไม่แปลกที่มีคนวิเคราะห์กันว่า มีเลือกตั้งเมื่อไร พรรคเพื่อไทยก็ชนะการเลือกตั้งเมื่อนั้น ไม่ว่าจะใช้วิธีการเลือกตั้งแบบไหนก็ตามคิดด้วยบัญญัติไตรยางค์ง่ายๆ ก่อนปฏิวัติชาวนาขายข้าวได้ตันละ 15,000 บาท มีชีวิตความเป็นอยู่สบาย แต่วันนี้ขายข้าวได้ตันละประมาณ 8,000 บาท รัฐบาล คสช.บริหารประเทศมา 3 ปี ก็ยังขายได้ตันละ 8,000 บาท แล้วชาวนาจะอยู่กันอย่างไร คุณภาพชีวิตจะเป็นอย่างไร กระทรวงเกษตรฯ ที่มี รัฐมนตรีทหาร บริหารมา 3 ปี ก็ไม่ได้ช่วยให้ราคาข้าวดีขึ้น ถ้า พล.อ.ประยุทธ์ ยังปล่อยให้ปัญหาเกษตรกรของชาติเป็นอย่างนี้ต่อไป ต่อให้เขียนกฎหมายพิสดารแค่ไหน ก็แก้ปัญหาเศรษฐกิจการเมืองไม่ได้ถ้า รัฐบาลอยากอยู่ต่อไป ก็ต้องทำให้รายได้ของเกษตรกรเพิ่มขึ้น เมื่อไม่ชอบวิธี จำนำข้าว ประกันราคาข้าว ที่เป็นประชานิยม จะทำง่ายๆ “แจกเงินฟรี” อย่างที่เคยทำก็ได้ ถ้าไม่ทำอะไรเลย เศรษฐกิจไทยก็จะเป็นอยู่อย่างนี้ จีดีพีเพิ่มขึ้น แต่ประชาชนรู้สึกแย่ลง และ ความเหลื่อมล้ำเพิ่มขึ้น เพราะ เศรษฐกิจคนรวย กับ เศรษฐกิจคนจน ต่างกันลิบลับเมื่อ นายกฯประกาศไม่ปรับ ครม.หันซ้ายก็พี่ หันขวาก็เพื่อน ก็ต้อง เร่งแก้ปัญหาของเกษตรกรให้ได้ในฤดูกาลผลิตปีนี้ ก่อนที่จะสายเกินไป อย่าลืมว่า เกษตรกร คือ รากแก้วของเศรษฐกิจไทย และเป็น พลังเศรษฐกิจฐานรากที่สำคัญที่สุดของชาติ ถ้ารัฐบาลยังปล่อยให้ เกษตรกรร้องจนเสียงแห้ง อยู่อย่างนี้ เลือกตั้งกี่ครั้งก็แพ้แน่นอน.“ลม เปลี่ยนทิศ”