รัฐปรับเกณฑ์เยียวยาน้ำท่วมแบบขั้นบันได จ่ายจริง 4 ขั้น ตามระยะเวลาตั้งแต่ 1-4 เดือน ชงเรื่องเข้า ครม.พิจารณา 18 พ.ย.นี้ ขณะที่สถานการณ์น้ำยังวิกฤติ ที่พิษณุโลก ชาวบ้านพื้นที่บางระกำโมเดลเครียดหนัก น้ำเก่าใกล้แห้งจ่อมีมวลน้ำใหม่มาอีกระลอก ส่วนชาวชุมแสง นครสวรรค์ โอดปีนี้น้ำท่วมนานและลดช้า ทำใจคงต้องอยู่กับน้ำยาวถึงปีใหม่ ด้านเขื่อนเจ้าพระยาปรับลดระบาย 2,755 ลบ.ม./วินาที ช่วยบรรเทาทุกข์จังหวัดท้ายเขื่อนรัฐบาลปรับเกณฑ์เยียวยาผู้ประสบอุทกภัยแบบขั้นบันได เปิดเผยเมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 17 พ.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายภราดร ปริศนานันทกุล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแลสำนักงบประมาณ กล่าวถึงมาตรการเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์น้ำท่วมเป็นเวลานานว่า ให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) จัดทำแผนหลักเกณฑ์เยียวยาเพิ่มเติม จะจ่ายเป็นขั้นบันได 4 ขั้นสำหรับผู้ที่ได้รับผลกระทบอยู่กับน้ำนานมากกว่า 30 วัน มากกว่า 60 วัน มากกว่า 90 วัน และมากกว่า 120 วัน นับแต่วันแรกที่ถูกน้ำท่วม เป็นการตั้งเกณฑ์ไว้คร่าวๆชดเชยรายเดือน ส่วนเท่าไหร่ ปภ.กำลังจะทำข้อมูล“พยายามจะนำเกณฑ์การเยียวยาดังกล่าวให้ทันเข้าที่ประชุม ครม. วันที่ 18 พ.ย.นี้ อย่างที่พระนครศรีอยุธยาน้ำท่วมขังเป็นเวลา 4 เดือนแล้ว รัฐบาลเห็นใจและเห็นว่าเป็นค่าเสียโอกาสของประชาชนจริงๆ ต้องเยียวยาให้สมน้ำสมเนื้อมากกว่า 9,000 บาท ที่จ่ายไปแล้วทุกครัวเรือน มากที่สุดตอนนี้ที่คุยไว้ 4 เดือน โดยใช้งบประมาณกลาง” นายภราดรกล่าวส่วนสถานการณ์น้ำท่วมหลายพื้นที่ยังหนัก ที่ จ.พิษณุโลก นายธนสาร รักเรือง พยาบาลวิชาชีพชำนาญการ ปฏิบัติหน้าที่รองผู้อำนวยการฝ่ายบริหาร รพ.จิตเวชพิษณุโลก นำเจ้าหน้าที่ออกหน่วยเยียวยาจิตใจให้คำแนะนำชาวบ้านที่ประสบอุทกภัยบ้านแม่ระหัน หมู่ 10 ต.บ้านกร่าง อ.เมืองพิษณุโลก ส่วนใหญ่วิตกกังวลที่ต้องกินอยู่กับน้ำเป็นเวลานานถึงขั้นนอนไม่หลับ บางรายมีความเครียดสูง นอกจากนี้ ยังมอบถุงยังชีพให้ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนรวม 200 ครอบครัวด้านนายอนุชิต โมลา กำนันตำบลบ้านกร่าง อ.เมืองพิษณุโลก เปิดเผยว่า สถานการณ์น้ำท่วมใน ต.บ้านกร่าง ที่อยู่ในพื้นที่บางระกำโมเดล ถึงตอนนี้ระดับน้ำลดลงเรื่อยๆบางจุดน้ำยังสูง แต่สิ่งที่กังวลคือมวลน้ำเหนือระลอกใหม่ที่กำลังไหลลงมา ไม่สามารถคาดเดาได้ว่าปริมาณน้ำจะมากหรือน้อยแค่ไหน เดิมคาดการณ์ไว้ว่าน้ำจะกลับมาสู่สภาวะปกติไม่เกินวันที่ 15 พ.ย. แต่ปีนี้น้ำมากและท่วมขังนาน คาดว่ากว่าน้ำจะแห้งน่าจะลากยาวไปถึงสิ้นเดือน ธ.ค.จ.นครสวรรค์ ชาวบ้านหมู่ 5 ต.บางเคียน อ.ชุมแสง ยังคงอพยพหนีน้ำสร้างเพิงพักชั่วคราวริมถนน หลังน้ำในคลองท่ามะนาว คลองสาขาแม่น้ำยมที่รับน้ำจาก จ.พิจิตร เอ่อล้นท่วมบ้านสูงกว่า 1 เมตรนานกว่า 3 เดือน ส่วนบ้านที่ติดคลองน้ำสูงถึงพื้นชั้นสอง ชาวบ้านยอมรับว่าปีนี้น้ำท่วมยาวนานกว่าทุกปีและลดช้ามาก หากสถานการณ์เป็นแบบนี้สงสัยคงต้องอยู่กับน้ำไปถึงเทศกาลปีใหม่ส่วนสถานการณ์น้ำในลุ่มน้ำเจ้าพระยา ที่สถานีวัดน้ำ C.2 อ.เมืองนครสวรรค์ มีปริมาณน้ำไหลผ่านอยู่ที่ 2,925 ลบ.ม./วินาที ที่สถานี C.13 เขื่อนเจ้าพระยา อ.สรรพยา จ.ชัยนาท มีปริมาณน้ำด้านเหนือเขื่อนอยู่ที่ 17.51 เมตร/รทก. ปริมาณน้ำทางด้านท้ายเขื่อนอยู่ที่ 16.41 เมตร/รทก. สูงกว่าตลิ่ง 7 ซม. เขื่อนเจ้าพระยาปรับลดการระบายเป็น 2,755 ลบ.ม./วินาที ส่งผลให้ระดับน้ำลดลงประมาณ 5-10 ซม. เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้กับจังหวัดท้ายเขื่อนขณะที่ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ท้ายเขื่อนเจ้าพระยาใน ต.บางหลวง อ.สรรพยา กว่า 400 หลังคาเรือนได้รับผลกระทบจากคันดินกั้นน้ำแตก ส่งผลให้น้ำไหลทะลักท่วมบ้านมา 4 วันแล้ว ระดับน้ำสูงถึง 2 เมตร ต้องย้ายมาอาศัยริมถนนสายสรรพา-อินทร์บุรี การสัญจรไปมาต้องใช้เรือเพียงอย่างเดียว นางสมบัติ กลิ่นเจริญ อายุ 61 ปี เผยว่า ตอนนี้น้ำลดลงไปนิดหน่อย แต่ยังสูงเลยหัวไม่รู้จะทำอย่างไร เพราะแก้ไขอะไรไม่ได้ด้านนางจำเนียร โปร่งปลอด ชาวบ้านหมู่ 6 ต.โผงเผง อ.ป่าโมก จ.อ่างทอง เปิดเผยว่า น้ำยังท่วมสูง บ้านชั้นเดียวจมมิดหลังคา ชาวบ้านอพยพมานอนในเต็นท์เพิงพักชั่วคราวริมถนนและตามศาลาริมทาง ต้องกินนอนอยู่อย่างลำบาก ทุกคนต่างอยู่ในอาการเครียดนอนไม่หลับ ต้องกินยาคลายเครียดทุกวัน ทุกวันนี้เฝ้าแต่รอคอยว่าเมื่อไหร่น้ำจะลดจะได้เข้าไปซ่อมแซมบ้านและข้าวของเครื่องใช้ที่จมน้ำเสียหาย ที่สำคัญจะได้ออกไปทำมาหากินกันเสียที เพราะน้ำท่วมไม่มีรายได้มีแต่รายจ่ายด้านนางสาวสุกันยาณี ยะวิญชาญ อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา ออกประกาศกรมอุตุนิยมวิทยาเรื่องอากาศหนาวเย็นบริเวณประเทศไทยตอนบนฝนตกหนักถึงหนักมากบริเวณภาคใต้ และคลื่นลมแรงบริเวณอ่าวไทย ฉบับที่ 6 ว่าช่วงวันที่ 17-23 พ.ย.ประเทศไทยตอนบนมีสภาพอากาศแปรปรวน มีฝนเพิ่มขึ้นในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก ภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานคร ปริมณฑล และภาคเหนือตามลำดับในระยะแรก หลังจากนั้นช่วงวันที่ 19-20 พ.ย. อุณหภูมิจะลดลง และอากาศเย็นถึงหนาว กับมีลมแรง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อุณหภูมิจะลดลง 5-7 องศาเซลเซียส ภาคเหนืออุณหภูมิจะลดลง 4-6 องศาเซลเซียส ส่วนภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานคร ปริมณฑล และภาคตะวันออก อุณหภูมิจะลดลง 2-5 องศาเซลเซียสสำหรับภาคใต้มีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ช่วงวันที่ 18-23 พ.ย. เนื่องจากมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทย ภาคใต้ และทะเลอันดามันจะมีกำลังแรงขึ้น ประกอบกับจะมีคลื่นกระแสลมฝ่ายตะวันออกเคลื่อนเข้าปกคลุมภาคใต้ ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันจะมีกำลังค่อนข้างแรง อ่าวไทยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ขอให้ประชาชนบริเวณภาคใต้ ระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่มไว้ด้วย รวมทั้งประชาชนในภาคใต้ฝั่งตะวันออกระวังอันตรายจากคลื่นที่ซัดเข้าหาฝั่งอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่