นายกฯขออภัยประชาชน บกพร่องการสื่อสาร หลังหลุดปากไทยก็รุกล้ำแดนกัมพูชา ย้ำอีกไม่ยอมให้ไทยเสียดินแดน รวมถึงการเปิดด่านต้องถามประชาชนก่อน ขณะที่ คปท.ดักคอไม่เห็นด้วยไทยเปิดด่านก่อน จับตา “การปักหมุดชายแดน” 17 พฤศจิกายนนี้ พร้อมจับพิรุธรัฐบาลอนุทินเปลี่ยนไปจากเคยประกาศกร้าวกลับเริ่มอ่อนข้อให้เขมร หวั่นพฤติกรรมเป็นมวยล้มต้มคนดู ส่วนคนชายแดน “สุรินทร์-บุรีรัมย์” วอนรัฐบาล-ทหารเอาจริงซะที หลังจ่อเสีย “ปราสาทตาควาย” ถาวรทั้งที่เป็นของไทย เตรียมรวมตัวแสดงจุดยืนเรียกร้องเอาปราสาทกลับคืนมาจากข้อตกลงในการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) ที่มาเลเซีย และการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (JBC) ที่ไทยและกัมพูชาจะร่วมกันถอนกำลังทหารและถอนอาวุธหนักตามขั้นตอน ล่าสุดทหารไทยเริ่มทยอย ถอนอาวุธหนักที่เข้าไปประจำการกลับที่ตั้งแล้ว โดยเมื่อวันที่ 2 พ.ย. เพจเฟซบุ๊กที่ใช้ชื่อว่า “ชุมชนคนสุรินทร์” ได้โพสต์ภาพและคลิปภาพการเคลื่อนกำลังพลและถอนอาวุธหนักของหน่วยทหาร BHQ ของกัมพูชา พร้อมระบุข้อความว่า “โชว์ โชว์ โชว์ ทหารคะแมร์กัมปูเจีย โชว์ แสดงศักยภาพการรื้อถอน อาวุธหนักออกจากพรมแดนไทย-กัมปูเจีย” วานนี้กองทัพคะแมร์ได้เตรียมถอนอาวุธหนักออกจากพื้นที่ ชายแดนไทย-กัมปูเจีย ออกจากฐานที่มั่นในเขตจังหวัด เปรียะวิเฮียร (จ.พระวิหาร) และจังหวัดอุดรเมียนเจีย (จ.อุดรมีชัย) กลับฐานที่ปฏิบัติการเดิมคืน มีคณะ ผู้สังเกตการณ์อาเซียน (AOT) ที่คอยสังเกตการณ์อย่างใกล้ชิดอีกด้วยขณะที่ประชาชนในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นถึงการถอนกำลังทหารของทั้งสองฝ่าย ต่างเห็นตรงกันว่า ไม่เชื่อใจเขมร นายสำนวน บุญเลิศ ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ม.9 บ.โคกเจริญ ต.ด่าน อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ กล่าวว่า ไม่เชื่อว่าเขมรจะถอนกำลังจริง จากภาพที่ปรากฏน่าจะหลอกมากกว่า ไม่เชื่อใจเขมร ส่วนทหารไทยเห็นถอนบ้าง ตนไม่อยาก ให้ทหารไทยถอนกำลัง เพราะทหารอยู่ที่ชายแดน ชาวบ้านรู้สึกอบอุ่น อยากให้นายกรัฐมนตรีจัดการให้เบ็ดเสร็จ ถ้าเจรจาด้วยสันติภาพให้เขมรออกจากปราสาทตาควาย เขมรไม่ยอมออกแน่นอน สถานการณ์จะยืดเยื้อไปอีก ชาวบ้านก็อยู่อย่างหวาดระแวง ทำมา หากินลำบาก ส่วนใหญ่ชาวบ้านชายแดนอยากให้ จบเร็วๆ ฝากทหารจัดการให้เบ็ดเสร็จเรียบร้อย ปล่อยไว้อนาคตคงกลับมายิงใหม่อีก และชอบยิงมั่ว ใส่ชาวบ้าน โดยเฉพาะที่หมู่บ้านโจรก ต.ด่าน ทำให้ชาวบ้านและเด็กตายหลายศพเช่นเดียวกับนายไพรัช คำมณี ชาวสุรินทร์ อินฟลูฯชื่อดัง เจ้าของเพจเฟซบุ๊ก “อ้อ ไพรัช-คนกรุงเทพ เหลา” ที่โพสต์เชิญชวนประชาชนร่วมงานแสดงจุดยืนทวงคืนปราสาทตาควาย ในวันที่ 7 พ.ย.นี้ ที่โรงเรียนโคกตะเคียนวิทยา ต.โคกตะเคียน อ.กาบเชิง งานเริ่มเวลาบ่ายโมงจนถึง 3 ทุ่ม ระบุ ว่า ปราสาทตาควายเป็นความผูกพันของชาวสุรินทร์และชาว อ.พนมดงรัก เราบูรณะทำถนนมากว่า 40 ปี อยู่ๆตกไปเป็นของเขมร ทางผู้นำของประเทศเรา ไม่ว่าทหารยศใหญ่หรือนักการเมืองไม่เคยพูดถึงปราสาทตาควายเลย เรารู้สึกน้อยใจ ทำไมเสียดินแดน ง่ายจัง อยากเปิดพื้นที่ให้ชาวสุรินทร์ได้ออกมาพูด และเรียกร้องทวงคืนปราสาทตาควาย ถ้าไม่คืน เราก็ ไม่สนับสนุนการเปิดด่าน แต่ถ้ารัฐบาลจะเปิดด่าน เราห้ามไม่ได้ แต่จะแสดงจุดยืนและไม่ไปซื้อของที่ หน้าด่านชายแดนส่วนการถอนกำลังทหารของกัมพูชา นายไพรัช ระบุว่า มองว่าเป็นการถ่ายภาพหลอกกัน เป็นคอนเทนต์ คงไม่ได้ออกจริง เขาก็ระแวงเราเราก็ระแวงเขา ตนคิด ว่าน่าจะถอยหากผลประโยชน์ของผู้ใหญ่ลงตัว ล่าสุด เห็นมีการเซ็นกันเรียบร้อยแล้วกับทรัมป์ สุดท้าย ผลประโยชน์ก็อยู่ที่ผู้ใหญ่ ไม่ได้อยู่ที่ประชาชนขณะที่นายพลวรรธน์ โสดา อายุ 43 ปี ชาว อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ พ่อของพลทหารพิทยุตม์ หรือ น้อย โสดา อายุ 20 ปี ที่เสียชีวิตด้วยโรคประจำตัว ขณะปฏิบัติหน้าที่รักษาอธิปไตยที่ปราสาทตาเมือนธม อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ระบุถึงกรณีดังกล่าวว่า หากย้อนไปตั้งแต่เริ่มมีการปะทะระหว่างกัมพูชากับไทย ในห้วงวันที่ 24 ถึงวันที่ 28 กรกฎาคม ฝั่งไทยเกิด ความสูญเสียมากที่สุด เพราะทหารกัมพูชาพุ่งโจมตีพลเรือนมากกว่าทหาร ส่วนตัวอยากให้ไทยตรึงกำลัง เอาไว้ก่อนเพราะไม่เชื่อว่าผู้นำกัมพูชาจะปฏิบัติตาม ข้อตกลงได้จริง เพราะที่ผ่านมายังทำไม่ได้ หากเราถอนอาวุธหนักออกทั้งหมดแล้วฝั่งกัมพูชาโจมตีเข้ามา จะเกิดอะไรขึ้น ตนสูญเสียลูกชายไปแล้วไม่อยากจะให้ใครสูญเสียอีกส่วนที่บ้านหนองจานและบ้านหนองหญ้าแก้ว ต.โนนหมากมุ่น อ.โคกสูง จ.สระแก้ว ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่า ช่วงเช้าวันที่ 2 พ.ย. ไม่พบการรวมกลุ่มใดๆของ ฝั่งกัมพูชา จากนั้นช่วงสายที่ชายแดนบ้านหนองจาน เครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) นำโดยนายพิชิต ไชยมงคล เคลื่อนมวลชนกว่าสองร้อยคน จากกรุงเทพมหานคร มาให้กำลังใจทหาร ตํารวจที่ ปฏิบัติหน้าที่ป้องกันชายแดน มวลชนมารวมตัว ที่บ้านหนองจาน บนถนนศรีเพ็ญ ทำกิจกรรมแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ นำข้าวสาร อาหารแห้ง และเครื่องดื่ม มามอบให้กับเจ้าหน้าที่ พร้อมปราศรัยย่อยแสดงจุดยืนของกลุ่ม คปท.ใช้เวลาประมาณ 30 นาที ก่อนเปิดเวทีเล็กแสดงดนตรีโฟล์กซองให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ทั้งนี้ นายพิชิต แกนนำ คปท. กล่าวว่า หนองจานคือแผ่นดินไทย เรามายืนยันสิทธิ ไม่ยอมให้ใครยึดครอง และมุ่งหวังให้ภาครัฐเร่งรัดกระบวนการทวงคืนพื้นที่อธิปไตยของไทยที่กัมพูชาเข้ามายึดครอง แม้รัฐบาลไทยและกัมพูชาจะลงนามสัญญาสันติภาพร่วมกัน แต่ฝ่าย คปท.เห็นว่าข้อตกลงนี้อาจเป็น “ดาบสองคม” เพราะที่ผ่านมา กัมพูชาไม่เคยปฏิบัติตามข้อตกลงใดอย่างจริงจัง ไม่ว่าจะเป็นการถอนกำลัง การเก็บกู้ทุ่นระเบิดหรือการรักษาพื้นที่ปลอดอาวุธ บางครั้งยังพบว่ามีการฝังทุ่นระเบิดเพิ่ม หรือซ่อนอาวุธอื่นไว้ในพื้นที่ สร้างความไม่ไว้วางใจให้กับประชาชนชายแดนนายพิชิตยังกล่าวถึงการประชุม JBC ที่เตรียมเริ่มปักหมุดเขตแดนในวันที่ 17 พฤศจิกายนนี้ว่า คปท. และภาคประชาชน จะเฝ้าติดตามอย่างใกล้ชิด หากผลการปักหมุดทำให้ไทยเสียเปรียบ หรือเสียดินแดนอธิปไตยแม้เพียงเล็กน้อย กลุ่มอาจรวมพลังเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมและปกป้องอธิปไตยของชาติ“การแสดงออกของ คปท. และของนายวีระ สมความคิด แม้จะมีวิธีการต่างกัน แต่มีเป้าหมายเดียวกันคือการทวงคืนแผ่นดินไทย เพียงแต่ครั้งนี้ คปท.ยืนยันชัดเจนว่าจะไม่พามวลชนเข้าไปในพื้นที่พิพาทเพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบต่อการเจรจาของรัฐบาล” นายพิชิตกล่าวและระบุถึงท่าทีของรัฐบาลชุดปัจจุบัน โดยเฉพาะนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายก รัฐมนตรี ว่าในช่วงก่อนรับตำแหน่งเคยประกาศชัดว่าจะไม่ยอมเสียดินแดนแม้แต่เซนติเมตรเดียว แต่หลังการเจรจาสันติภาพ กลับแสดงท่าทีอ่อนลง และยอมรับว่าบางส่วนของไทยอาจรุกล้ำไปในฝั่งกัมพูชา ซึ่งเป็นถ้อยคำที่อาจส่งผลกระทบต่อขวัญกำลังใจของเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติและประชาชน รวมถึงอาจถูกต่างชาตินำไปตีความต่อในทางเสียหาย เรากังวลว่าจะกลายเป็นมวยล้มต้มคนดู เพราะตอนนี้รัฐบาลดูจะอ่อนข้อให้กับกัมพูชาเกินไป และไม่เห็นด้วยกับการเปิดด่าน ไทยมีศักยภาพทั้งด้านเศรษฐกิจและกองกำลังเหนือกว่า และพร้อมรวมพลังหากไทยถูกมองว่าเสียเปรียบหลังการปักหมุดเขตแดนในช่วงกลางเดือนพฤศจิกายนนี้ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 21.05 น. วันที่ 1 พ.ย.ที่ท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 ดอนเมือง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกฯและ รมว.มหาดไทย กล่าวถึงสถานการณ์บ้านหนองจาน และหนองหญ้าแก้ว จ.สระแก้ว เมื่อวันที่ 31 ต.ค.ว่า ขอบคุณทุกฝ่ายร่วมกันทำให้สถานการณ์ที่ จ.สระแก้ว คลี่คลายไปในทางที่ดี ไม่ทำให้เกิดการปะทะกันของทั้ง 2 ฝ่าย และยืนยันจะใช้วิธีการทุกๆด้าน ทั้งด้านความมั่นคง การเจรจาตามกรอบคณะกรรมการชุดต่างๆในการที่จะทำให้ไทยผ่านพ้นและเกิดสันติสุข มีสันติภาพ ส่วนที่มีการพูดถึงเรื่องรุกล้ำเขตแดน ตนถือโอกาสกราบขออภัยประชาชนจริงๆ ตนโทษตัวเองว่ามีความผิดพลาดและบกพร่องการสื่อสารต่อประชาชน และจะระมัดระวังไม่ให้เกิดขึ้นอีก ขอยืนยันไม่มีทางที่ประเทศไทยเราจะเสียดินแดน เสียอธิปไตย เสียเกียรติภูมิ เสียศักดิ์ศรีและประชาชนทุกคนต้องมีความปลอดภัย ตนจะไม่ยอมให้เกิดความสูญเสียเพิ่มขึ้นอีกเป็นอันขาดนอกจากนี้ นายอนุทินยังกล่าวถึงการที่กัมพูชาถอนจรวดหลายลำกล้อง BM-21 ออกจากพื้นที่ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี ส่วนการเปิดด่านชายแดนนั้น ขอยืนยันถ้าตนยังอยู่ในรัฐบาล ถ้าจะเปิดด่าน ต้องขอประชาชนก่อน และเราจะไม่เปิดด่านจนกว่าจะมั่นใจว่า ภัยต่อความมั่นคงของชาติลดลงไป สามารถวางใจ และควบคุมได้ ส่วนกรณี 18 เชลยศึกกัมพูชา จะขอลี้ภัยในไทย เรื่องนี้ไม่ได้อยู่ในปฏิญญาตรงนี้ฝ่ายกองทัพได้มีการพูดคุย เราเป็นผู้กำหนด และตนต้องขออนุญาตไม่ใช้คำว่าเชลยศึก ยุคนี้มีคำว่าเชลยไม่ได้ และเราสงวนสิทธิเป็นผู้ประเมิน แต่เราไม่เอาชีวิตมนุษย์มาเป็นสิ่งกดดัน ส่วนเรื่องลี้ภัยน่าจะมีกฎสากลอยู่แล้ว เอาเป็นว่าเราควบคุมตัวเขาไว้อยู่ ถ้าถึงเวลาที่สมควรก็ส่งกลับไปอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่