ปิดสมัยประชุมสภาผู้แทนราษฎร เรียบร้อยแล้ว ภาพรวมการทำงานพิจารณาร่างกฎหมายฉบับต่างๆ ร่วม 4 เดือน ตั้งแต่วันที่ 3 ก.ค.–30 ต.ค.2568 เป็นไปอย่างกระท่อนกระแท่น เนื่องจากมีปัญหาเรื่ององค์ประชุม ต้องลุ้นใจหายใจคว่ำทุกครั้งว่าจะมีสมาชิกแสดงตนเป็นองค์ประชุมครบหรือไม่ ทำให้การพิจารณากฎหมายล่าช้าปัญหาเรื้อรังเดิมๆในเรื่องขององค์ประชุมสภาฯ มีมาต่อเนื่อง ตั้งแต่ยุครัฐบาลพรรคเพื่อไทย กระทั่งเปลี่ยนอำนาจสู่รัฐบาลพรรคภูมิใจไทย ปัญหานี้ก็ยังวนเวียนซ้ำซาก ยิ่งช่วงสัปดาห์ท้ายๆ ก่อนปิดสมัยประชุมปัญหาองค์ประชุมยิ่งหนักหน่วงเกิดถี่มากขึ้น กว่าจะระดมสมาชิกแสดงตนครบองค์ประชุมได้ ต้องใช้เวลานานมากผลสืบเนื่องการเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อยที่ขาดเอกภาพและความมั่นคงในการทำงาน ลำพังเสียงพรรคร่วมรัฐบาลไม่สามารถยืนด้วยลำแข้งตัวเองในการควบคุมเสียงในสภาผู้แทนราษฎรได้เบ็ดเสร็จ ต้องอาศัยความร่วมมือจากพรรคฝ่ายค้านช่วยเป็นองค์ประชุม จึงเลี่ยงยากที่จะถูกตีรวน จนต้องชิงปิดประชุมบ่อยครั้งอย่างที่เห็นฝ่ายค้านมักท่องสคริปต์ ว่าการรักษาองค์ประชุมเป็นหน้าที่ฝ่าย รัฐบาล ทำให้ สส.รัฐบาลต้องวิ่งรอกหัวหก ก้นขวิด ทั้งประชุมคณะกรรมาธิการชุดต่างๆ และประชุมสภาฯประจำสัปดาห์ แม้แต่รัฐมนตรียังต้องมาร่วมประชุมสภาฯ ส่งผลกระทบไปถึงการทำงานฝ่ายบริหารต้องห่วงหน้าพะวงหลัง คอยป้องกันไม่ให้สภาล่มสภาวะเปราะบางจากรัฐบาลเสียงข้างน้อยสร้างผลกระทบกระบวนการนิติ บัญญัติถูกสั่นคลอนเกือบตลอดทั้งปี ประชาชนขาดความเชื่อถือ บ่อยครั้งที่องค์ประชุมมีปัญหา ทำให้การพิจารณาร่างกฎหมายสำคัญ ถูกเลื่อนออกไป อาทิ ร่าง พ.ร.บ.บริหารจัดการเพื่ออากาศสะอาด ที่ใช้เวลาอภิปรายหลายสัปดาห์กว่าจะผ่านสภาได้ กลไกการแสดงตนเพื่อร่วมเป็นองค์ประชุม ถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง เพื่อประโยชน์ของฝ่ายตัวเอง ฝ่ายค้านใช้กลไกการไม่แสดงตนเป็นองค์ประชุม ทดสอบเสถียรภาพของรัฐบาลในยามเสียงปริ่มน้ำ ขณะที่ฝ่ายรัฐบาลก็ใช้กลไกองค์ประชุมเป็นเหตุเลี่ยงการลงมติในวาระที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อฝ่ายตัวเองการทำหน้าที่ของ สส.แตกต่างจากตอนหาเสียงที่ทุกพรรคให้สัญญาว่าจะทำงานเต็มที่ เพื่อประโยชน์ประชาชนและประเทศชาติ แต่ถึงเวลาปฏิบัติหน้าที่จริง กลับลืมสิ่งที่รับปาก จิตสำนึกการเป็นสส.เลือนหาย ขาดความรับผิดชอบในการทำหน้าที่เป็นตัวแทนประชาชนได้แค่ขึ้นชื่อเป็นผู้แทนฯ แต่ไม่สามารถเป็นผู้แทนฯที่ดีได้.คลิกอ่านคอลัมน์ “บทบรรณาธิการ” เพิ่มเติม