“อนุทิน” นั่งหัวโต๊ะติวเข้ม สส.พรรคร่วม และกลุ่มสนับสนุนรัฐบาล ถกวาระแก้รัฐธรรมนูญ 14-15 ต.ค. ออกตัวทำตาม MOA กับพรรคประชาชนแล้ว โฆษก ภท.ย้ำจุดยืนไม่แตะหมวด 1-2 เห็นชอบยึดร่างฯ ภท.เป็นร่างหลัก “ณัฐพงษ์” มองมุมบวกใช้ร่างของใครได้หมด ค่อยไปว่ากันในวาระ 2-3 แจงต้องใช้เสียงจากทุกฝ่ายถึงเดินหน้าได้ ไม่หวั่นโพลค่ายน้ำเงินแซงหน้าส้ม ชี้แค่กระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น “บวรศักดิ์” ให้รอฟังข้อสรุป 3 ปมร้อน “แก้ รธน.-MOU 43-44- ขออภัยโทษทักษิณ” 16 ต.ค.นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกฯ และ รมว.มหาดไทย หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย นำทีมติวเข้ม สส.พรรคร่วมรัฐบาล และ สส.กลุ่มที่สนับสนุนรัฐบาล ก่อนการประชุม รัฐสภา เพื่อพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยแก้ไขเพิ่มเติม ในวันที่ 14-15 ต.ค.นี้ ที่ประชุมเห็นชอบให้ยึดร่างฯของพรรคภูมิใจไทยเป็นหลัก“อนุทิน” นำทีมติวเข้ม สส.ถกแก้ รธน.เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 13 ต.ค. ที่พรรคภูมิใจไทย นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) เป็นประธานการประชุม สส.พรรคภูมิใจไทย และประชุม สส.พรรคร่วมรัฐบาล เตรียมความพร้อมการประชุมร่วมกันของรัฐสภา เพื่อพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่...) พ.ศ. ในวันที่ 14-15 ต.ค. มีรัฐมนตรี แกนนำพรรคร่วมรัฐบาล แกนนำกลุ่มการเมือง และ สส.เข้าร่วม อาทิ นายสุชาติ ชมกลิ่น รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แกนนำกลุ่ม 16 นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รมว.พาณิชย์ พล.ต.ท.รุทธพล เนาวรัตน์ รมว.ยุติธรรม นายวรโชติ สุคนธ์ขจร รมช.สาธารณสุข น.ส.พิมภัทรา วิชัยกุล สส.นครศรีธรรมราช พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรค รทสช. นายอัครเดช วงศ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี พรรค รทสช.“บวรศักดิ์” ให้รอฟังข้อสรุป 3 ปมร้อนขณะที่นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ รองนายก รัฐมนตรี ฝ่ายกฎหมาย ตามมาสมทบในช่วงบ่าย เพื่อชี้แจงเนื้อหาและขั้นตอนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ก่อนมีการประชุมร่วมรัฐสภา ทั้งนี้ นายบวรศักดิ์ปฏิเสธให้สัมภาษณ์กล่าวเพียงสั้นๆว่า วันที่ 16 ต.ค. จะแถลงข่าวทุกเรื่องที่อยู่ในความสนใจ ทั้งประเด็น MOU 43—44 การแก้ไขรัฐธรรมนูญ และการยกฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี“หนู” ย้ำทำตาม MOA กับพรรค ปชน.ต่อมาเวลา 11.50 น. นายอนุทินให้สัมภาษณ์ว่า ขอให้รอหารือกันในที่ประชุมรัฐสภา วันที่ 14-15 ต.ค. ก่อนว่า ตกลงจะยึดร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของใครเป็นร่างหลัก ทุกอย่างให้เป็นไปตามกลไกรัฐสภา ผู้สื่อข่าวถามว่าการจะให้ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญผ่านไปได้ต้องมีเวลาทำงาน 4 เดือนเต็มใช่หรือไม่ นายอนุทินตอบว่า ทุกอย่างเป็นไปตามที่เราประชุมร่วมกับอีกหลายพรรคการเมือง และเป็นส่วนหนึ่งใน MOA ที่ให้ไว้กับพรรคประชาชน ต้องทำตามข้อตกลงกันไว้ เมื่อถามย้ำว่าหากรัฐบาลอยู่ไม่ถึง 4 เดือนอาจทำไม่เสร็จ นายอนุทินตอบว่า อย่างน้อยก็ได้นำเข้าสภาฯ ถือว่าได้เริ่มแล้ว เมื่อถามว่าเช็กเสียงฝั่ง สว.บ้างหรือไม่ว่าเป็นอย่างไร นายอนุทินตอบว่า ไม่ได้เช็ก เพราะทุกอย่างเป็นไปตามกลไกประชาธิปไตย เมื่อถามว่าแนวโน้มจะผ่านหรือไม่ นายอนุทินตอบว่า แต่ละพรรคมีจุดยืนของตัวเอง พรรคภูมิใจไทยไม่แตะหมวด 1 หมวด 2 ส่วนมาตราอื่นค่อยไปว่ากัน หวังว่าจะผ่านในวาระรับหลักการ เข้าสู่ชั้นกรรมาธิการ เมื่อถามว่าในฐานะพรรคแกนนำรัฐบาลจะผลักดันเรื่องนี้ให้ผ่านวาระ 3 เพื่อทำประชามติไปพร้อมการเลือกตั้งได้หรือไม่ นายอนุทินตอบว่า ต้องช่วยกัน ส่วนหนึ่งที่พรรคประชาชนต้องการให้พรรคภูมิใจไทยเข้ามา เพื่อมาเริ่มกระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญชัดเจนมาตลอดไม่แตะหมวด 1—2น.ส.แนน บุญธิดา สมชัย โฆษกพรรคภูมิใจไทย แถลงหลังการประชุมว่า วันนี้เป็นการประชุม 2 ส่วน คือ ส่วนของ สส.พรรคภูมิใจไทย อีกส่วนเป็น สส.กลุ่มที่สนับสนุนรัฐบาล สาระสำคัญคือการเตรียมความพร้อมประชุมร่วมรัฐสภา พิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่มี 3 ร่าง มีเนื้อหาและหลักการสำคัญอะไรบ้าง ประเด็นที่ สส.ทุกคนเห็นตรงกันคือไม่แก้ไขในหมวด 1 และหมวด 2 เมื่อถามว่าพรรคเพื่อไทยห่วงกังวลว่ารัฐสภาลงมติรับเฉพาะร่างของพรรคภูมิใจไทยและพรรคประชาชน เพราะได้ทำ MOA ร่วมกันไว้ น.ส.แนนยืนยันว่า จะพิจารณาจากเนื้อหา ไม่ได้พิจารณาว่าร่างกฎหมายเป็นของพรรคไหน วันที่ 14 ต.ค.มีการประชุมวิปรัฐบาลจะหยิบยกเอาประเด็นเหล่านี้มาหารือกันอีกครั้ง ส่วนการแก้ไขรัฐธรรมนูญหากพรรคประชาชนเสนอแก้ไขหมวด 1 และหมวด 2 พรรคภูมิใจไทยมีความชัดเจนมาตลอดว่าจะไม่แก้ไขในหมวดดังกล่าวแน่นอนยึดร่างแก้ไขของภูมิใจไทยเป็นหลักผู้สื่อข่าวถามว่า จะให้เอกสิทธิ์ สส.ลงมติร่างของพรรคประชาชนใช่หรือไม่ น.ส.แนนตอบว่า สส.จะลงมติอย่างไรถือเป็นเอกสิทธิ์ เพราะไม่ใช่มติพรรคร่วม แต่เชื่อว่าการลงมติของพรรคภูมิใจไทย และพรรคร่วมรัฐบาล คงเป็นไปในทิศทางเดียวกัน เมื่อถามว่าที่ประชุมวันนี้มีความห่วงกังวลในประเด็นใดบ้าง น.ส.แนนตอบว่า ส่วนใหญ่กังวลเรื่องเนื้อหาในแต่ละร่าง เนื่องจากมีการวิเคราะห์ และตีความไปว่า หากรับร่างไปแล้วจะมีปัญหาในส่วนไหนบ้าง ตอนนี้กำลังหารือกันอยู่ เมื่อถามว่าเมื่อพรรคภูมิใจไทยเป็นแกนนำตั้งรัฐบาล จะใช้ร่างของพรรคภูมิใจไทยเป็นร่างหลักหรือไม่ น.ส.แนนตอบว่า จากที่คุยกันเบื้องต้น ใช้ร่างของพรรคภูมิใจไทยเป็นร่างหลัก นาย บวรศักดิ์ อุวรรณโณ รองนายกฯ เข้ามาให้คำแนะนำแก่ สส. เกี่ยวกับเนื้อหาของรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน และเนื้อหาที่เกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อใช้ประกอบการอภิปรายนายอัครเดช วงศ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี พรรค รทสช.กล่าวว่า การมาในวันนี้ ไม่ใช่ในนาม สส.พรรคร่วมรัฐบาล แต่มาในนาม สส.ที่สนับสนุนรัฐบาลและนายอนุทิน ขอให้สื่อมวลชนทำความเข้าใจด้วย หลังมีการรายงานข่าวเป็นการประชุม สส.พรรคร่วมรัฐบาล“จุรินทร์” จี้จุดยืนห้ามแตะหมวด 1—2ด้านนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ สส.บัญชีรายชื่อ อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้ง 3 ร่างของพรรคเพื่อไทย, พรรคประชาชน และพรรคภูมิใจไทย มีความแตกต่างกัน ทั้งจำนวนและที่มาของสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) เพื่อมาทำหน้าที่ยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ แต่ไม่ว่าร่างใดต้องยึดคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ ส.ส.ร.ต้องไม่มาจากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชน เคยถามรัฐบาลในวันประชุมแถลงนโยบายว่า หากมีร่างใดอนุญาตให้มีการยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยไม่มีข้อแม้เรื่องการห้ามแตะหมวด 1 หมวด 2 รัฐบาลชุดนี้มีจุดยืนจะโหวตให้หรือไม่ แต่ไม่ได้รับคำตอบ เลยอยากถามจุดยืนรัฐบาลต่อประเด็นนี้อีกครั้ง เพราะเห็นว่ารัฐบาลต้องมีความชัดเจนเรื่องนี้ เป็นจุดยืนที่หลายพรรคเคยยึดถือมาตลอด รวมทั้งพรรคประชาธิปัตย์ ว่าสนับสนุนให้จัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่โดย ส.ส.ร.ได้ แต่ต้องไม่แตะหมวด 1 หมวด 2 และตนเป็นหนึ่งในผู้ที่ขออภิปรายด้วย“เท้ง” มองบวกใช้ร่างของใครก็ได้ขณะที่นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) ผู้นำฝ่ายค้าน ให้สัมภาษณ์ว่า เรื่องรูปแบบที่มาหรือสูตรของผู้ยกร่างรัฐธรรมนูญ ทิศทางตอนนี้ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายค้าน ฝ่ายรัฐบาล หรือ สว. น่าจะเป็นไปในทิศทางเดียวกันคือรับทุกร่าง เพียงแต่จะใช้ร่างใครเป็นหลัก ที่เวลานี้ยังไม่ได้ข้อสรุป เมื่อถามว่าฝ่ายรัฐบาลจะใช้ร่างของพรรค ภท.เป็นหลัก ยอมรับได้หรือไม่ นายณัฐพงษ์ตอบว่า แต่ละพรรคน่าจะชูร่างของตัวเองเป็นหลักอยู่แล้ว แต่สิ่งสำคัญกว่าคือเราต้องมีผู้ยกร่างรัฐธรรมนูญที่มีความยึดโยงกับประชาชนมากที่สุด คงต้องมีการให้เหตุผล มีการพูดคุยกันในกลไกของวิปช่วง 2 วันนี้ ว่าจะเอาอย่างไร แต่สุดท้ายแต่ละส่วนมีสิทธิ์เสนอร่างของตัวเองเป็นร่างหลัก และให้ลงมติกันไปตามนั้น เมื่อถามว่าพรรค พท.แสดงความกังวลว่า พรรค ปชน.กับพรรค ภท. อาจรวมกันแล้วผลักร่างพรรค พท.ออก นายณัฐพงษ์ตอบว่า ไม่น่ามีข้อห่วงใยตรงนั้น ตอนนี้เอาเฉพาะส่วนของพรรค ปชน.เอง เท่าที่มีการพูดคุยก็เห็นไปในทิศทางเดียวกับที่พรรคอื่น หรือ สว.บางส่วนสะท้อนความเห็นออกมาว่า ควรต้องรับทุกร่างของทุกพรรค เพื่อไปพูดคุยกันในรายละเอียดในวาระ 2 และ 3ต้องใช้เสียงทุกฝ่ายถึงเดินหน้าได้เมื่อถามว่าหากเสียงฝั่งรัฐบาลมีเพิ่มขึ้นจากเดิม 146 เสียง ส่อขัดต่อ MOA ที่ทำไว้หรือไม่ นายณัฐพงษ์ตอบว่า เรื่องเสียงของรัฐบาลจะเพิ่มขึ้นหรือลดลงอย่างไร อาจต้องดูเป็นวาระหรือดูเป็นเรื่องๆไป อย่างเรื่องการอภิปรายไม่ไว้วางใจ อันนั้นเป็นการแบ่งได้ชัดที่สุดว่าใครเป็นฝ่ายค้านหรือฝ่ายรัฐบาลแน่ แต่เรื่องการแก้รัฐธรรมนูญอาจไม่ได้แบ่งระหว่างฝ่ายค้านกับฝ่ายรัฐบาลขนาดนั้น เพราะเป็นประเด็นที่ต้องอาศัยเสียงของทุกภาคส่วนผลักดัน ถ้าเราดูเรื่องเงื่อนไขของการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ทั้งในวาระ 1 และวาระ 3 นอกจากจะใช้เสียง สว. 1 ใน 3 แล้ว อาจต้องอาศัยเสียงฝ่ายค้านด้วย ทำให้วาระการแก้ไขรัฐธรรมนูญอาจไม่ได้เป็นวาระที่ใช้เป็นจุดตัดว่าใครเป็นฝ่ายค้านหรือรัฐบาล เพราะต้องอาศัยเสียงของทุกคน จึงจะสามารถเดินหน้าแก้ไขได้ไม่หวั่นโพลค่ายน้ำเงินปาดหน้าส้มนายณัฐพงษ์ยังกล่าวถึงกรณีสวนดุสิตโพล ระบุผลสำรวจพบว่าคะแนนพรรคภูมิใจไทย แซงหน้าพรรค ปชน. เกี่ยวกับแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจว่า ดูผลโพลแล้ว ไม่คิดว่าน่าเป็นห่วงอะไร เป็นข้อคิดเห็นของประชาชน และเห็นตรงกันว่าประชาชนส่วนใหญ่ ก็มองเห็นว่ามาตรการต่างๆของรัฐบาลในช่วงนี้ เป็นการแก้ปัญหาในระยะสั้นจริง ส่วนปัญหาใหญ่ๆของประเทศ เราใช้การแก้ปัญหาระยะสั้นอย่างเดียวไม่พอ จำเป็นต้องใช้การลงทุนที่ถูกจุดแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้าง และแก้ปัญหาระยะยาวมากกว่านี้ แต่ละพรรครวมถึงผู้ที่เป็นรัฐบาลมีสิทธิ์ทำนโยบายต่างๆ มุมหนึ่งอาจเป็นนโยบายที่ช่วยเหลือประชาชนจริง แต่อีกมุมหนึ่งเชื่อว่าสังคมและประชาชนรู้เท่าทัน และเฝ้ามองอยู่ว่าการดำเนินนโยบายบางอย่างของรัฐบาลในช่วงนี้ มีวัตถุประสงค์พุ่งเป้าไปเพื่อการหาเสียงคะแนนนิยมอย่างเดียวเท่านั้น หรือว่าจริงๆแล้ว ต้องการแก้ไขปัญหาประเทศในระยะยาวชี้แค่ทำกระตุ้นเศรษฐกิจช่วงสั้นๆนายณัฐพงษ์กล่าวว่า การเลือกตั้งครั้งหน้าถ้ามีการรณรงค์หาเสียง มีการนำเสนอนโยบาย หรือถึงวันที่ประชาชนได้ไปใช้อำนาจผ่านคูหาเลือกตั้ง ทุกคนจะไม่ได้มุ่งหวังแต่การแก้หรือกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นอย่างเดียวเท่านั้น เพราะนโยบายแจกเงิน ที่ผ่านมาอย่างดิจิทัลวอลเล็ต เราก็เห็นว่าไม่ได้ช่วยแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจได้จริง เชื่อว่าการเลือกตั้งครั้งหน้าประชาชนจะเลือกรัฐบาลที่เขาเชื่อมั่นว่า แก้ปัญหาได้ทั้งระยะสั้น และระยะยาว ได้อย่างยั่งยืนมากขึ้น“พินิจ” ขนทีมลำพูนซบก๊วนสีน้ำเงินช่วงเที่ยงที่พรรคภูมิใจไทย นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกฯและ รมว.มหาดไทย หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย พร้อมนายทรงศักดิ์ ทองศรี รมช.มหาดไทย นายสันติ พร้อมพัฒน์ แกนนำพรรคภูมิใจไทย ให้การต้อนรับนายพินิจ จันทรสุรินทร์ อดีต สส.ลำปาง และอดีตรมว.เกษตรและสหกรณ์ ที่นำสมาชิกองค์การบริหารส่วนจังหวัดลำพูน (ส.อบจ.ลำพูน) จำนวน 5 คน เข้าสมัครเป็นสมาชิกพรรคภูมิใจไทย นายอนุทินกล่าวว่า นายทรงศักดิ์เป็นผู้ประสานงานกับนายพินิจ เข้ามาร่วมงานกับพรรคภูมิใจไทย ขณะที่นายทรงศักดิ์กล่าวว่า ในกลุ่มของนายพินิจ เป็นผู้สมัคร สส.ลำปาง จำนวน 4 คน และ ส.อบจ. 5-6 คน ทั้งหมดจะเป็นผู้สมัครของพรรคในการเลือกตั้งครั้งหน้าล้าง ขรก.สายแดงสิงห์น้ำเงินคืนชีพผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า การประชุม ครม.วันที่ 14 ต.ค. ที่มีนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกฯและ รมว.มหาดไทย เป็นประธาน จับตาวาระจรเพื่อทราบที่มีกระแสข่าวเตรียมโยกย้ายลอตใหญ่ ล้างบางบิ๊กข้าราชการสายพรรคเพื่อไทย คืนให้ข้าราชการสายสีน้ำเงิน ทั้งหมด 19 ตำแหน่ง อาทิ นายเชษฐา โมสิกรัตน์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย(ปภ.) เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายจุมพฎ วรรณฉัตรสิริ รองปลัดกระทรวงฯ เป็นอธิบดี ปภ. นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร อธิบดีกรมการปกครอง เป็นผู้ตรวจราชการฯ นายพรพจน์ เพ็ญพาส รองปลัดกระทรวงฯ เป็นอธิบดีกรมปการปกครอง นายสุรศักดิ์ อักษรกุล อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน เป็นผู้ตรวจราชการฯ นายสยาม ศิริมงคล ผวจ.สมุทรปราการ เป็นอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน ร.ต.ท.ภพชนก ชลานุเคราะห์ อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น เป็น ผวจ.แม่ฮ่องสอน นายปิยะ ปิจนำ ผวจ.บุรีรัมย์ เป็นอธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่