ตำรวจไซเบอร์บุกทลายบริษัทคริปโตเถื่อน เข้าค้น 7 จุด รวบผู้ต้องหา 9 คน หลังผู้เสียหายเข้า แจ้งความถูกหว่านล้อมร่วมลงทุน ในแพลตฟอร์มต่างๆ สูญเงินไปกว่า 3 ล้านบาท ตำรวจชุดสืบสวน ตรวจสอบแบงก์และ ก.ล.ต.พบเป็นบริษัทเถื่อนเปิดมานานกว่า 1 ปี เพื่อฟอกเงินให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์มีเงินหมุนเวียน 1,000 ล้านบาทต่อเดือน ออกหมายจับ 11 คน จับกุมได้แล้ว 9 คน เหลืออีก 2 คน เร่งติดตามตัวตำรวจค้น 7 จุดทลายแก๊งคริปโตฯเถื่อนรายนี้ เปิดเผยเมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 10 ต.ค. ที่กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) พล.ต.ท.สุรพล เปรมบุตร ผบช.สอท. พล.ต.ต.ชัชปัณกาณฑ์ คล้ายคลึง รอง ผบช.สอท. พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ ผบก.สอท.1 พล.ต.ต.ศรายุทธ จุณณวัตต์ ผบก.สอท.2 พล.ต.ต.ทรงกลด เกริกกฤตยา ผบก.ตรวจสอบและวิเคราะห์อาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ต.อ.คุณาปะโยชน์ อารีย์รัตนะธร ผกก.3 ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สอท.2 ร่วมกันแถลงปฏิบัติการบุกทลายบริษัทคริปโตเคอร์เรนซี่เถื่อน แหล่งฟอกเงินแก๊งคอลเซ็นเตอร์มีเงินหมุนเวียนกว่า 1 พันล้านบาทพล.ต.ต.ชัชปัณกาณฑ์ คล้ายคลึง รอง ผบช.สอท. กล่าวว่า กรณีมีผู้เสียหายถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกลวงสูญเงินไปกว่า 3,000,000 บาท ตำรวจชุดสืบสวน กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สอท.2 ดำเนินการสืบสวนและประสานข้อมูลจากทีมสืบสวนทุจริตด้านดิจิทัลฝ่ายป้องกันอาชญากรรมทางการเงินของธนาคารไทยพาณิชย์ กระทั่งพบข้อมูลสำคัญว่า ขบวนการดังกล่าวใช้บัญชีม้าถอนเงินที่หลอกลวงจากเหยื่อคนไทยให้เข้ามาร่วมลงทุนในรูปแบบต่างๆตามแพลตฟอร์มในสื่อโซเชียลมีเดีย นำเงินสดไปซื้อเงินสกุลดิจิทัลเพื่อปกปิดเส้นทางการเงินจากบริษัทแอ้นท์ เคอร์เรนซี แอคเคาท์ จำกัด เป็นบริษัทซื้อขายเงินสกุลดิจิทัลที่ไม่ได้รับอนุญาตจดทะเบียนจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (กลต.) เปิดดำเนินธุรกิจมานานกว่า 1ปี ในลักษณะเป็นการฟอกเงิน ตรวจสอบข้อมูลเส้นทางการเงินพบว่า บริษัทดังกล่าวมีเงินหมุนเวียนมหาศาลกว่า 1,000 ล้านบาทต่อเดือน หรือปีละกว่า 1.2 หมื่นล้านบาท รวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติศาลจังหวัดฉะเชิงเทราออกหมายจับผู้ที่เกี่ยวข้องในการกระทำความผิดรวม 11 รายต่อมา พ.ต.อ.สมพล ใจดี รอง ผบก.สอท.2 พ.ต.อ.ขจร อบทอง รอง ผบก.สอท.2 พ.ต.อ.คุณาปะโยชน์ อารีย์รัตนะธร ผกก.3 ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สอท.2 นำกำลังเปิดปฏิบัติการนำกำลังค้นเป้าหมายรวม 7 จุด ในพื้นที่ กรุงเทพฯ จ.สมุทรปราการ จ.ราชบุรี จ.นครปฐม จ.ฉะเชิงเทรา จ.ชลบุรี และ จ.เชียงใหม่เป้าหมายสำคัญตำรวจชุดสืบสวนนำหมายค้นศาลอาญาธนบุรี ที่ 481/68 ลงวันที่ 8 ต.ค.68 ค้นบ้านเลขที่ 222/311 ถนนราชพฤกษ์ แขวงบางจาก เขตภาษีเจริญ กรุงเทพฯ จับกุมนายชินภัทร เลิศวงศ์กรกิจ อายุ 21 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดฉะเชิงเทรา 295/2568 ลงวันที่ 6 ต.ค.68 ทำหน้าที่กรรมการบริษัทของบริษัทแอ้นท์ เคอร์เรนซี แอคเคาท์ จำกัด พร้อมตรวจยึดโทรศัพท์มือถือ 4 เครื่อง คอมพิวเตอร์ 2เครื่อง แท็บเล็ต 1 เครื่อง สมุดบัญชีธนาคาร 22 เล่ม และบัตรเอทีเอ็ม 5 ใบนอกจากนี้ติดตามจับกุมผู้ร่วมขบวนการอีก 8 ราย ประกอบด้วย น.ส.พัชรนาฎ มั่งคั่ง อายุ 35ปี ทำหน้าที่ฟอกเงินสดเป็นสกุลเงินดิจิทัล นายณัฐนันท์ ปินตาแสน อายุ 35 ปี นายกฤษฎา ศิริ อายุ 20 ปี ทำหน้าที่เปิดบัญชีม้าและถอนเงินสด นายศราวุธ แซ่เฉิง อายุ 31 ปี ทำหน้าที่ควบคุมบัญชีม้าไปถอนเงินสด และตัดตอนเส้นทางการเงิน น.ส.เดือนฉาย ชั่งแต้ม อายุ 48 ปี นายเกียรติบดินทร์ นวลวิลัย อายุ 50 ปี นายทรงยศ แจ้งเสมอ อายุ 49 ปี และนายทวีศักดิ์ ชัดเจน อายุ 43 ปี ทั้ง 4 คนทำหน้าที่เปิดบัญชีม้า สอบสวนเบื้องต้นนายชินภัทรตัวการสำคัญยังให้การปฏิเสธ ส่วนผู้ต้องหารายอื่นมีบางรายให้การรับสารภาพ แจ้งข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่ทำให้เกิดความเสียหายแก่ประชาชนร่วมกันซ่องโจรและร่วมกันฟอกเงินฯ ตำรวจชุดสืบสวนอยู่ระหว่างการขยายผลต่อไปอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่