“อนุทิน” เร่งปั่นผลงาน นัดถก ครม.เศรษฐกิจทุกบ่ายวันจันทร์เข็นมาตรการเศรษฐกิจ “ณัฐพงษ์” ห่วงรัฐบาลทำประชามติยกเลิกเอ็มโอยู 43 และ 44 หรือไม่ หวั่นกัมพูชารู้ข้อมูลฝ่ายไทยทำเสียเปรียบลากขึ้นศาลโลก “สีหศักดิ์” แจงสัปดาห์หน้าหารือ “บวรศักดิ์” ทำแผนให้รอบคอบชัดเจน วอนอย่านำไปเป็นประเด็นการเมือง กองปราบฯจ่อชง ป.ป.ช.ลุยคดี “สินบนดีอี 40 ล้าน” สัปดาห์หน้า ส่งทีมลงพื้นที่เรียก 4 พยานมาให้ปากคำ “ไชยชนก” เบี้ยวแจง กมธ.ไอซีที-กมธ.ความมั่นคงฯ “สยาม” จี้มาชี้แจงด่วน ชี้แก๊งคอลฯฟื้นชีพอาละวาด “ธรรมนัส-นฤมล” เมิน “โรม” เชิญชี้แจงข้อมูล “เบน สมิท” “รังสิมันต์” ลั่นมีข้อมูลเปิดโปงอาณาจักรฟอกเงินมโหฬาร มีบางรัฐอยู่เบื้องหลัง ปูดจ่ายคริปโตซื้อข้อมูลสแกนม่านตายกหมู่บ้าน พท.งงข่าวทาบ “วราวุธ” เหาะนั่งแคนดิเดตนายกฯ พท. “สรวงศ์” อู้อี้ทุกอย่างเป็นไปได้หมดรัฐบาลนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกฯ และ รมว.มหาดไทย มีเวลาแสดงฝีมือในการบริหารประเทศเพียงสั้นๆ 4 เดือนตามเอ็มโอเอที่ตกลงกับพรรคประชาชน (ปชน.) จึงพยายามเร่งปั่นผลงาน โดยนายกฯระบุจะเรียกประชุม ครม.เศรษฐกิจเป็นประจำทุกบ่ายวันจันทร์ เพื่อเร่งขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจนายกฯถก ครม.ศก.ทุกจันทร์บ่ายเมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 9 ต.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกฯ และ รมว.มหาดไทย กล่าวถึงการประชุมคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจจะเริ่มได้เมื่อใดว่า ครม.เศรษฐกิจตั้งขึ้นมาแล้ว คาดว่าจะประชุมทุกบ่ายวันจันทร์จะได้กลั่นกรองชั้นหนึ่งก่อน ใน ครม.เศรษฐกิจมีหลายคนที่อยู่ใน ครม.อยู่แล้ว เวลามีเรื่องที่จะเข้าสู่การประชุม ครม.ประจำสัปดาห์จะได้ทำความเข้าใจและพิจารณาได้รวดเร็วยิ่งขึ้น เมื่อถามว่าทำงาน 4 เดือนจะตั้งคู่สมรส ครม.มาช่วยทำงานและสนับสนุนภารกิจด้วยหรือไม่ นายอนุทินระบุว่าเอาไว้หลังเลือกตั้ง ตอนนี้เป็น “ครม.มู” ก่อนขอตัวขึ้นไปไหว้องค์นรสิงห์จำลองที่ด้านบนตึกไทยคู่ฟ้าเปลี่ยนลงชาดฉัตรทอง 7 ชั้น “นรสิงห์”ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า หลังนายกฯ ย้ายรูปปั้นนรสิงห์จำลองกลับไปไว้ที่ตึกไทยคู่ฟ้า เมื่อวันที่ 26 ก.ย. พร้อมครอบฉัตรสีทอง 7 ชั้น ตามคำแนะนำของนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ รองนายกฯ ล่าสุดเวลา 12.45 น. เจ้าหน้าที่ได้นำฉัตรสีทองอันเดิมลงเปลี่ยนเป็นฉัตรทองลงชาดสีแดง เพื่อให้ถูกต้องตามหลักศิลปกรรมไทย ทั้งนี้นายกฯร่วมทานอาหารเที่ยงกับคณะอดีตปลัดกระทรวงสาธารณสุขที่มาแสดงความยินดี มีนายเพิ่มพูน ชิดชอบ ที่ปรึกษานายกฯ และนายสันติ พร้อมพัฒน์ อดีต รมช.สาธารณสุขและสมาชิกพรรคภูมิใจไทย (ภท.)ร่วมด้วยเล็งเกลี่ยงบฯกลางไล่สางหนี้ สปสช.นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกฯ และ รมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี พล.ต.นพ.เหรียญทอง แน่นหนา ผอ.รพ.มงกุฎวัฒนะ ทวงค่ารักษาผู้ป่วยสิทธิบัตรทองจากสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) อ้างค้างชำระรวมกว่า 110 ล้านบาท หากถึงวันที่ 16 ต.ค.ยังไม่จ่าย จะหยุดรับผู้ป่วยนอกสิทธิบัตรทองชั่วคราวว่า สปสช.ต้องเร่งบริหารจัดการการเงิน ติดหนี้ คงไม่ใช่เรื่องที่เกิดกับบางโรงพยาบาลเท่านั้น รู้สึกจะติดหนี้อยู่แทบทุกโรงพยาบาลเลย กำลังพิจารณาเตรียมเสนอพิจารณางบกลางไปเคลียร์บัญชีเหล่านี้ อยู่ระหว่างการพิจารณาของสำนักงบฯ ถ้าจำเป็นเร่งด่วนและเข้าเกณฑ์จะเร่งดำเนินการให้ทำประชามติเอ็มโอยูเสี่ยงกัมพูชารู้ไต๋เมื่อเวลา 12.00 น. ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาฯ มีนายฉลาด ขามช่วง รองประธานสภาฯ ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามสดนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) ถามนายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รมว.ต่างประเทศ ถึงแนวคิดการจัดทำประชามติยกเลิกเอ็มโอยู 43 และ 44 ว่าจากผลสำรวจความเห็นประชาชนที่ตอบคำถามเกือบ 70% ยังไม่เข้าใจเนื้อหาเอ็มโอยู จึงควรให้ความรู้อย่างถี่ถ้วนก่อนลงคะแนน โดยเฉพาะผลกระทบที่จะเกิดขึ้นทั้งข้อได้เปรียบเสียเปรียบ กังวลอาจทำให้กัมพูชารู้ข้อมูลฝ่ายไทยได้หรือหากยกเลิกแล้วมีมาตรการรองรับที่ดีกว่าหรือไม่ หากผิดพลาดกัมพูชาจะนำเรื่องขึ้นสู่ศาลโลกได้จ่อถก “บวรศักดิ์” ขั้นตอนประชามตินายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รมว.ต่างประเทศชี้แจงว่า อธิปไตยเขตแดนควรให้ประชาชนมีส่วนร่วม แต่ต้องทำอย่างรอบคอบ ไม่อยู่บนพื้นฐานที่ขาดข้อมูล การทำประชามติต้องศึกษาและคำนึงให้ดีทั้งการให้ข้อมูลข่าวสารที่เปิดเผยต่อสาธารณชน การเยียวยาภาคเอกชน สัปดาห์หน้านายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ รองนายกฯจะประชุมดูขั้นตอนวิธีทำประชามติ ถ้ามีแผนงานชัดเจนจะชี้แจงต่อสภาอีกครั้ง กรณีจะยกเลิกเอ็มโอยูต้องรอบคอบ ชัดเจน หากไม่มีเอ็มโอยูจะมีอะไรเป็นทางเลือกไม่ให้ผลประโยชน์ประเทศเสียหาย หากยกเลิกเอ็มโอยูจะต้องเยียวยา ผู้ได้รับผลกระทบเนื่องจากสิทธิอันชอบธรรมได้รับผลกระทบ ไม่อยากเห็นการนำเอ็มโอยูไปเป็นประเด็นการเมืองรมว.ดีอีเบี้ยวแจงสินบน กมธ.ไอซีทีเมื่อเวลา 09.40 น. ที่รัฐสภา นายสยาม หัตถสงเคราะห์ สส.หนองบัวลำภู พรรค พท. ประธานคณะ กมธ.การสื่อสารฯ สภาฯ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี กมธ.เชิญนายไชยชนก ชิดชอบ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) กรณีดีลสินบน 40 ล้านบาท เพื่อไม่จัดการกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ว่า กมธ.สนใจเชื่อว่าสิ่งที่นายไชยชนกพูดเป็นเรื่องจริง เพราะติดตามสแกมเมอร์มาตลอด เมื่อได้เจอกับนายไชยชนกจึงเชิญมาชี้แจงต่อ กมธ.ว่าใครเป็นผู้นำเสนอเงิน 40 ล้านบาท จะได้ดำเนินการต่อ ตอนแรกนายไชยชนกรับปากจะมาชี้แจง แต่ติดภารกิจเร่งด่วนไม่ได้มาส่งตัวแทนมา เชื่อว่าเมื่อเกิดช่องว่างเปลี่ยนแปลงรัฐบาล แก๊งคอลเซ็นเตอร์กลับคืนมาได้อีก ข้อเท็จจริงจากศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านอาชญากรรมออนไลน์ (AOC) ชัดว่าคนที่โทร.ฉ้อโกงทางไซเบอร์และพนันออนไลน์เกิดขึ้นมาอีก ดังนั้น จะเชิญมาอีก รัฐมนตรีพูดกลางสภาฯคือข้อเท็จจริง ตัวละครที่พูดถึงทั้งหมดมีอยู่จริง บุคคลเหล่านี้ต้องรับผิดชอบกับคำพูดกองปราบฯจ่อส่ง ป.ป.ช.สัปดาห์หน้าด้าน พล.ต.ท.ณัฐศักดิ์ เชาวนาศัย ผบช.ก.กล่าวว่า พนักงานสอบสวนได้รับคำให้การของนายไชยชนกเตรียมนำส่ง ป.ป.ช. กำลังตรวจสอบข้อกฎหมายว่าเข้าข่ายกฎหมายของตำรวจหรือ ป.ป.ช. แต่แนวโน้มส่วนใหญ่จะเข้าข่ายกฎหมายของ ป.ป.ช. หากมีการเรียกรับสินบนเกิดขึ้นจริง ตำรวจ บก.ป. อยู่ระหว่างสืบสวนตรวจสอบยังไม่ขอเปิดเผยรายละเอียด เมื่อถามว่าเป็นกลุ่มข้าราชการหรือบุคคลทั่วไป มีกี่คน พล.ต.ท.ณัฐศักดิ์กล่าวว่า ขอสืบสวนให้ละเอียดก่อน มีข้อมูลว่าเป็นบุคคลธรรมดา ยังไม่มีข้อมูลว่าเป็นนักการเมืองหรือข้าราชการ วันที่ 10 ต.ค. จะหารือเรื่องนี้ คาดว่าจะส่งสำนวนให้ ป.ป.ช. ภายในสัปดาห์หน้าส่งทีมลงพื้นที่จ่อเรียก 4 พยานให้ปากคำมีรายงานว่าขณะนี้เจ้าหน้าที่ชุดคลี่คลายคดีของกองปราบฯอยู่ระหว่างพิสูจน์ทราบข้อเท็จจริงเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมด พร้อมจัดส่งกำลังตำรวจ กก.1 บก.ป. ลงพื้นที่ตรวจสอบสถานที่ที่กล่าวอ้างจากคำให้การว่าเป็นสถานที่นายภูวศิษฐ์ หรือคิว ไชยอรุณโรจน์ นัดเจรจาพูดคุยกับคนกลาง จะนำข้อเสนอสินบน 40 ล้านบาท แลกการให้หยุดหรือชะลอการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ พนันออนไลน์ไปเสนอต่อนายไชยชนก ชิดชอบ รมว.ดีอี เพื่อพิสูจน์ทราบให้แน่ชัดว่ามีการนัดเจรจาพูดคุยกันที่สถานที่ดังกล่าวจริงหรือไม่ ขณะเดียวกันพนักงานสอบสวน กก.1 บก.ป. เตรียมออกหมายเรียกเชิญตัวพยานบุคคล 3-4 คนที่ถูกพาดพิงว่าเกี่ยวข้องมาให้ปากคำในฐานะพยานซักถามข้อเท็จจริง ก่อนนำไปรวบรวมประกอบสำนวนคดีควบคู่กับพยานหลักฐานต่างๆ ส่งต่อให้ ป.ป.ช.พิจารณาต่อไป“ธรรมนัส-นฤมล-ไชยชนก” เมิน กมธ.ขณะที่เวลา 10.30 น. ที่รัฐสภา มีการประชุมคณะ กมธ.ความมั่นคงแห่งรัฐฯ สภาฯ ที่นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรค ปชน. ประธาน กมธ.ทำหน้าที่ประธานการประชุม เชิญกองทัพเรือและผู้เกี่ยวข้องชี้แจงปัญหาก่อสร้างอาคารสแกมเมอร์รุกล้ำชายแดนไทย จ.ตราด เชิญ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกฯ และ รมว.เกษตรฯ นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมว.ศึกษาธิการ ชี้แจงเรื่องนายเบน สมิท หรือนายเบนจามิน เมาเออร์เบอร์เกอร์ นักธุรกิจชาวต่างชาติ นางนฤมลแจ้งติดภารกิจตรวจโรงเรียนแห่งหนึ่ง ร.อ.ธรรมนัสส่งตัวแทนมาชี้แจง นายโรมขอปฏิเสธไม่รับผู้แทนคนอื่น นอกเหนือ ร.อ.ธรรมนัสมาเอง ส่วนนายไชยชนกแจ้งเป็นหนังสือว่าติดภารกิจ แม้ให้การกับตำรวจ แต่นายโรมระบุนายไชยชนกควรมาตอบเอง“ธนดล” โวย กมธ.ไม่ให้ชี้แจงแทนนายต่อมาเวลา 11.10 น. ที่รัฐสภา นายธนดล สุวัณณะฤทธิ์ ที่ปรึกษา รมว.เกษตรฯ ตัวแทน ร.อ.ธรรมนัสมา รอหน้าห้องประชุม กมธ.กว่า 40 นาที ด้วยท่าทีไม่พอใจ เพราะ กมธ.ปฏิเสธไม่ให้ชี้แจงแทน หลังการประชุมเสร็จนายรังสิมันต์เดินออกมา นายธนดลเดินเข้าไปคุยแจ้งว่า ร.อ.ธรรมนัสไปลงพื้นที่ จ.นครสวรรค์ นายรังสิมันต์ยืนยันไม่ได้ใช้อำนาจเรียก แต่ใช้หนังสือเชิญเขียนชัดเจน เชิญ ร.อ.ธรรมนัสมาชี้แจงด้วยตัวเอง ยืนยันไม่เคยปรักปรำ ร.อ.ธรรมนัสเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ไม่ได้ต้องการฆ่ารัฐมนตรี อย่ากังวลมาทำงานด้วยกันลั่นมีข้อมูลเปิดโปงอาณาจักรฟอกเงินนายรังสิมันต์ให้สัมภาษณ์กรณีสินบน 40 ล้านบาท ติดต่อให้เงินสินบนผ่านทีมงาน จ.พระนคร ศรีอยุธยาว่าต้องไล่ไทม์ไลน์และเส้นทางติดสินบน และจะเรียกนายไชยชนก ชิดชอบ รมว.ดีอี ชี้แจงครั้งที่ 2 ต่อไป ทั้งนี้ได้รับเอกสาร 48 หน้าเปิดโปงอาณาจักรการฟอกเงิน มีตัวละครต่างๆ ไม่ใช่แค่นายเบน สมิท หลักฐานบางอย่างเป็นระดับทางการ เป็นการฟอกเงินที่ใหญ่มโหฬารระดับที่อาจมีรัฐบางรัฐอยู่เบื้องหลัง เมื่อถามว่ามีรายชื่อนักการเมืองอยู่หรือไม่ นายรังสิมันต์กล่าวว่าขอเก็บไว้ก่อน แต่ในเอกสารมีบุคคลมากกว่า 1 คน วันที่ 30 ต.ค.จะเชิญนายวรภัค ธันยาวงษ์ รมช.คลัง มาให้ข้อมูลด้วย ที่ ร.อ.ธรรมนัสบอกนายเบน สมิท ที่รู้จักคนละคนกับที่เกี่ยวโยงแก๊งคอลเซ็นเตอร์ อย่าไปคิดว่าชื่อไม่เหมือนกันแล้วเป็นคนละคน บริษัทถูกสร้างต้มตุ๋นคนต้องมีตัวละครจริงปูดจ่ายคริปโตซื้อข้อมูลสแกนม่านตานายรังสิมันต์กล่าวว่า วันนี้มีการซื้อขายข้อมูลชีวภาพโดยสแกนม่านตาจ่ายเป็นคริปโตเคอเรนซีเลี่ยงกฎหมาย ให้แลกเปลี่ยนข้อมูลชีวภาพ เอาไปสร้างตัวตนปลอมในโลกออนไลน์ได้ เป็นแหล่งที่มาสำคัญการทำบัญชีม้าแก๊งสแกมเมอร์ มีผู้สแกนม่านตาไปแล้วล้านคน ทั้งไทยและต่างด้าว เรากังวลเริ่มเจอบริษัทที่อาจเชื่อมโยงกับคีย์แมนบริษัทธนาคารแห่งหนึ่ง เป็นพาร์ตเนอร์คนสำคัญของนายเบน สมิท หากเป็นจริงจะไม่ใช่แค่การฟอกเงินแล้ว เป็นเรื่องชีวมิติต้องสอบสวนต่อไป มีมูลค่าเสียหายกว่า 2,000 ล้านบาท ไม่ใช่เรื่องระดับชาติแต่เป็นเรื่องระดับโลกเกี่ยวพันกับประเทศต่างๆ เรากำลังพูดคุยแนะนำให้ ก.ล.ต.คุยกับธนาคารกลางสิงคโปร์แสวงหาความร่วมมือปราบปรามบริษัทข้ามชาติกับทุนสีเทา เป็นห่วงข้อมูลชีวมิติ มีข้อมูลบ่งชี้หลายอย่าง ล่าสุดมีการเกณฑ์คนจังหวัดแห่งหนึ่งทั้งหมู่บ้านเพื่อนำมาสแกนม่านตา ให้เงิน 500 บาทผ่านเอเย่นต์ หากทำไปเรื่อยๆ ไม่รู้ว่าการจัดการข้อมูลส่วนบุคคลเป็นอย่างไร อันตรายมาก เจ้าหน้าที่รัฐไทยพร้อมแค่ไหนที่จะจัดการกรณีนี้อย่าเพิ่งตั้งธง 44 สส.ส้มโดน ป.ป.ช.ฟันนายรังสิมันต์กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีโฆษก ป.ป.ช.เปิดเผยคดี 44 สส.จะสรุปได้เดือน ธ.ค. อาจรู้ผลช่วงใกล้เลือกตั้งจะกระทบกับยุทธศาสตร์พรรค ปชน.หรือไม่ อย่าเพิ่งตั้งธงว่าจะโดนฟันแน่ หากเชื่อว่ามีธง แสดงว่าเรารู้คำตอบล่วงหน้า กระบวนการยุติธรรมไม่มีอยู่จริง อยากให้สื่อมวลชนถาม ป.ป.ช.ว่ามีธงหรือไม่ เมื่อถามว่าหากรอดจะถูกมองเป็นการดีลกับการเมืองสีน้ำเงินหรือไม่ นายรังสิมันต์ ยืนยันเราไม่เคยมีการสนทนาทั้งซีเรียสและไม่ซีเรียสกับพรรค ภท.ในการช่วยเหลือทั้ง 44 คน เราเห็นบทเรียนการสร้างดีลต่างๆแล้ว เมื่อมีข้อกล่าวหาต้องว่าตามกระบวนการ ยืนยันล้านเปอร์เซ็นต์ด้วยเกียรติและศักดิ์ศรี เราไม่มีดีลกับสีน้ำเงินหรือค่ายไหนทั้งสิ้นร้อง กมธ.ก.ม.ดูคดีเขากระโดงเมื่อเวลา 11.00 น. ที่รัฐสภา นายภัทรพงศ์ ศุภักษร หรือทนายอั๋น บุรีรัมย์ ยื่นหนังสือถึงคณะกมธ.การกฎหมาย และการยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน ที่มีนายกมลศักดิ์ ลีวาเมาะ สส.นราธิวาส พรรคประชาชาติ ประธาน กมธ.รับหนังสือ นายภัทรพงศ์กล่าวว่า มายื่นหนังสือถึง กมธ.กฎหมาย ให้ดำเนินการคดีที่ดินเขากระโดง จ.บุรีรัมย์ ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาล มีผู้พยายามเบี่ยงเบนข้อเท็จจริง เพื่อให้ที่ดินตกเป็นของนายทุน นำที่ดินดังกล่าวไปจำนองธนาคารเป็นหลักประกันกู้เงิน ธนาคารไม่ยอมต้องหาหลักประกันมาเปลี่ยน แต่มีการเจรจากับธนาคารพร้อมขอเวลาจึงขอให้ กมธ.เรียกผู้เกี่ยวข้อง และธนาคารต่างๆมาด้วยทสท.ชงร่างแก้ รธน.สอยองค์กรอิสระวันเดียวกัน ที่พรรคไทยสร้างไทย (ทสท.) นายโภคิน พลกุล ประธานยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนประเทศ พรรค ทสท.แถลงชี้แจงสาระสำคัญร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ นายโภคินกล่าวว่า ขอเสนอร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญสาระสำคัญ 1.การเปิดให้ประชาชนมีส่วนร่วมตรวจสอบและถอดถอนผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินได้ เข้าชื่อไม่น้อยกว่า 50,000 คน ยื่นคำร้องต่อประธานสภาฯให้ถอดถอนได้ จะทำให้กระบวนการตรวจสอบโปร่งใส ลดอิทธิพลกลุ่มผลประโยชน์ทางการเมือง 2.เสนอปรับปรุงบทบัญญัติมาตรา 77 ให้การยกเลิกหรือปรับปรุงกฎหมายที่เป็นอุปสรรคต่อการดำรงชีพและการประกอบอาชีพเกิดขึ้นจริง หากหน่วยงานของรัฐละเลย ประชาชนยื่นเรื่องต่อผู้ตรวจการแผ่นดินพิจารณาได้ 3.เมื่อสภาฯไม่สามารถเลือกนายกฯจากรายชื่อในบัญชีพรรคได้ ให้เสนอชื่อ สส.คนใดคนหนึ่งที่เห็นสมควรให้ดำรงตำแหน่งนายกฯ เพื่อไม่ให้ประเทศเผชิญสุญญากาศทางการเมือง 4.ปรับหลักเกณฑ์การพ้นสมาชิกภาพ สส. ให้มติของพรรคต้องผ่านความเห็นชอบจากทั้งคณะกรรมการบริหารพรรคและ สส.ในพรรค ไม่น้อยกว่า 3 ใน 4 เปิดโอกาสให้ผู้ถูกขับอุทธรณ์ต่อศาลรัฐธรรมนูญได้ 5.ยกเลิกผลทางกฎหมายของประกาศ คำสั่ง และการกระทำของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ถือเป็นสิ่งที่ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ ไม่มีผลใช้บังคับชงรื้อด่วนใน 1 เดือนไม่ทำประชามติด้านคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรค ทสท.กล่าวว่า พรรค ทสท.มีข้อเสนอเร่งด่วนผ่าทางตันรัฐธรรมนูญ มี 3 พรรคเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเข้ามา แต่เป็นเพียงการไขกุญแจเข้าประตูบ้าน ต้องเผชิญขั้นตอนอีกหลายชั้น การรอไม่เพียงพอ เพราะกติกาการเมืองที่ไม่เป็นธรรม การได้มาซึ่งตำแหน่งนายกฯโดยพรรคอันดับ 1 กลับไม่มีโอกาสเสนอแคนดิเดตเอง รวมถึงปัญหาคุณธรรมจริยธรรมนักการเมือง จนประชาชนขาดศรัทธาต่อพรรคการเมืองและระบอบประชาธิปไตยไทย จึงจะนำไปหารือกับทุกภาคส่วนผลักดันให้แก้ไขได้ทันที ไม่ต้องรอประชามติใน 1 เดือน มุ่งเน้นสร้างระบบการเมืองที่เป็นธรรม มีประสิทธิภาพและตอบสนองต่อความต้องการของประชาชน“หมอเปรม” โวยตัดชื่อพ้น กมธ.แก้ รธน.ที่รัฐสภา นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ สว. แถลงถึงกรณี กมธ.กฎหมายและการยุติธรรม วุฒิสภา มีหนังสือเรียกประชุมด่วนวันที่ 10 ต.ค.เวลา 10.00 น. ทั้งที่ปกติต้องแจ้งล่วงหน้า 3 วัน ตรงกับวันที่ตนมีภารกิจ เพื่อยกเลิกมติเดิมพิจารณารายชื่อตัวแทน กมธ.กฎหมายไปเป็น กมธ.วิสามัญพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญใหม่ จากเดิมตนเป็นตัวแทน กมธ. สงสัยมีใบสั่งให้เปลี่ยนไปเป็นคนอื่นที่ควบคุมได้ใช่หรือไม่ หรือเกรงว่าตนจะเข้าไปขัดขวางการล็อกสเปกการแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือไม่ กังวลรัฐธรรมนูญที่จะยกร่างขึ้นนี้ อาจมีล็อกสเปกกลายเป็นรัฐธรรมนูญสีน้ำเงิน ขอเรียกร้องถึงนายกฯอย่าชักใยอยู่เบื้องหลัง จะอ้างว่าไม่รู้จัก สว.สีน้ำเงินไม่ได้ นายกฯควรพูดโน้มน้าว สว.ให้เห็นชอบวาระ 1 ต้องใช้เสียง สว.สนับสนุนไม่ต่ำกว่า 67 เสียง หากล็อกสเปกเช่นนี้เกรงจะเกิดเป็นวิกฤติรัฐธรรมนูญหรือแก้วาระแรกไม่สำเร็จ เป็นอาถรรพณ์รัฐธรรมนูญปี 60 ที่ใครก็ไม่สามารถแก้ไขได้ พรรค ภท.ไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่ต้องทำเพราะอยู่ใน MOA หากไม่ทำจะผิดข้อตกลงลูกสาว–ลูกเขยเข้าเยี่ยม “ทักษิณ”เมื่อเวลา 09.00 น. ที่เรือนจำกลางคลองเปรม น.ส.พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ หรือเอม บุตรสาวคนกลางของนายทักษิณ ชินวัตร นายณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ สามีและนายปิฎก สุขสวัสดิ์ สามี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกฯ เข้าเยี่ยมนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เมื่อมาถึงได้ทักทายกลุ่มมวลชนคนเสื้อแดงและกลุ่มเพื่อนร่วมรุ่นนายทักษิณสมัยโรงเรียนมงฟอร์ตวิทยาลัย จ.เชียงใหม่ รหัส MC 08 ที่มารอต้อนรับด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส พร้อมขอบคุณทุกคนที่มาให้กำลังใจ ก่อนเดินเข้าด้านในเรือนจำฯ“เอม” บอกพ่อเข้มแข็งแต่บ่นนิ้วชาต่อมาเวลา 10.00 น. น.ส.พินทองทาและคณะเข้าเยี่ยมนายทักษิณภายในเรือนจำกว่า 1 ชม. น.ส.พินทองทากล่าวว่า คุณพ่อสุขภาพจิตดี ยังเข้มแข็งอยู่ ตอนนี้น่าจะครบเดือนแล้ว คุณพ่อมีบ่นนิ้วชาบ้าง ด้านนายณัฐพงศ์กล่าวว่า คุณพ่อสุขภาพจิตแข็งแรงกำลังใจดีอยู่ แต่มีบ่นเรื่องนิ้วชาบ้างอะไรบ้าง ส่วนกรณีที่มีเพื่อนร่วมรุ่นจากโรงเรียนมงฟอร์ตวิทยาลัย จ.เชียงใหม่ มาให้กำลังใจได้แจ้งคุณพ่อทราบแล้ว คุณพ่อฝากคำขอบคุณมาด้วยผู้สื่อข่าวถามนายณัฐพงศ์ว่า เมื่อสักครู่ชาวบ้านแซวเป็นนายกฯคนถัดไปยังสนใจหรือไม่ ปรากฏว่า น.ส.พินทองทาและนายณัฐพงศ์ต่างยิ้มเขินไม่ได้ตอบคำถามนี้ เมื่อถาม น.ส.พินทองทา กรณี พล.ต.ท.รุทธพล เนาวรัตน์ รมว.ยุติธรรม ถวายความเห็นยกฎีกาของนายทักษิณยื่นทูลเกล้าฯถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษเฉพาะรายครั้งที่ 2 ยังคงมีลุ้นในส่วนของชั้นสำนักงานองคมนตรีได้อยู่หรือไม่ น.ส.พินทองทาไม่ได้ตอบคำถาม“สรวงศ์” งง “วราวุธ” แคนดิเดตพท.นายสรวงศ์ เทียนทอง เลขาธิการพรรค พท.ให้สัมภาษณ์กรณีมีกระแสข่าวพรรค พท.จะทาบทามนายวราวุธ ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) มาเป็นแคนดิเดตนายกฯพรรค พท.ว่างงข่าวนี้ออกมาได้อย่างไร ไม่รู้มาจากสื่อไหน แต่เป็นข่าวไม่แฟร์กับทั้ง 2 พรรค ในพรรค พท.ยังไม่มีการพูดคุยเรื่องนี้ ไม่แน่ใจ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรค ได้พูดคุยกับนายวราวุธหรือไม่ ไม่ทราบใครให้ข่าวนี้ ยังไม่ใช่การยืนยันจากพรรค พท. อย่างไรก็ตาม มองว่าไม่ใช่เรื่องแปลก ถ้าจะมีต้อง ให้หัวหน้าทั้ง 2 พรรคพูดคุยกันก่อน หากทราบรายละเอียดจะแจ้งอีกครั้ง ทุกอย่างเป็นไปได้หมด แต่ตอนนี้ยังไม่ทราบว่าใครให้ข่าวนี้ แต่ไม่ได้มาจากกรรมการบริหารพรรค พท.“สมศักดิ์” ชี้ “ท็อป” หน่วยก้านดีนายสมศักดิ์ เทพสุทิน แกนนำพรรค พท.กล่าวถึงกระแสข่าวลือพรรค พท.ทาบทามนายวราวุธ ศิลปอาชา หัวหน้าพรรค ชทพ. มาเป็นแคนดิเดตนายกฯพรรค พท.ว่า นายวราวุธเป็นบุคคลหนึ่งที่สังคมจับจ้องมีคะแนนโหวต เป็นคนรุ่นใหม่มีบุคลิกท่าทางดี แต่เร็วเกินไปยังไม่ถึงขั้นตอนเลือกแคนดิเดต อีก 3 เดือนครึ่งถึงจะยุบสภา ต่อไปอีกเป็นเดือนถึงจะมีแคนดิเดตนายกฯ แต่ถ้าเป็นการโยนหินถามทางของสื่อไม่มีปัญหา ในพรรคยังต้องหาตัวที่ดีที่สุดอีก 3-4 เดือนข้างหน้า คิดว่าจะได้คนในพรรคหรือนอกพรรคไม่เป็นไร ถ้าเป็นคนที่สังคมรับได้เป็นสิ่งที่ดี ไม่ได้เน้นว่าต้องเป็นในพรรคนอกพรรค เอาคนเข้าใจบริบทสังคม บางคนเข้าใจสังคมเมือง บางคนไม่เข้าใจสังคมชนบท หรือสังคมระหว่างประเทศ ถ้ามีอะไรที่ครบเครื่องคงดีที่สุด แต่ถ้าหาไม่ได้ค่อยลดสเปกลงมาค่อยว่ากันไปลั่นเลือดหยุดไหลเลิกคิด พท.ต่ำร้อยเมื่อถามว่ามีข่าวแบบนี้จะทำให้พรรค พท.เลือดไหลอีกหรือไม่ นายสมศักดิ์กล่าวว่า ถึงเวลาเลือดน่าจะหยุดแล้ว การส่งผู้แทนฯใช่ว่าจะได้ทั้งหมด การเลือกตั้งไม่มีใครแบเบอร์ทั้งหมด อยู่ที่ประชาชนอยากเปลี่ยนหรือไม่ กรณีนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ผอ.การเลือกตั้งพรรค พท.ตั้งเป้าจะคว้า สส.ถึง 200 เสียง นายสุริยะมั่นใจเพราะอาจมีสรรพกำลังช่วยลูกพรรคได้ ตนมีหน้าที่ให้คำปรึกษา การเลือกตั้งสมัยใหม่ต้องมีของครบเครื่อง ส่วนพรรค ภท.บางเขตน่ากลัว บางเขตก็ไม่น่ากลัว เมื่อถามว่ากังวลการเลือกตั้งครั้งหน้าพรรค พท.จะได้ สส.ต่ำ 100 หรือไม่ นายสมศักดิ์ย้อนถามว่า “เท่าไหร่นะ เอาความคิดนี้ทิ้งไป เป็นไปไม่ได้หรอก ท่านสุริยะ ประกาศเอาไว้เป็นสิ่งที่ตัวตั้ง ใช้ตัวเลขนั้นมาคุยดีกว่า ต่ำร้อยเลิกคุยไปเลย เลิกคิดได้แล้ว”หน.ชทพ.ยันยังปึ้กไม่มีใครไปไหนเมื่อเวลา 19.59 น. นายวราวุธ ศิลปอาชา สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรค ชทพ. กล่าวถึงกระแสข่าวพรรค พท.จะเสนอชื่อให้เป็นแคนดิเดตนายกฯของพรรค พท.ว่า ต้องขอขอบคุณที่ให้เกียรติ ไม่ทราบว่าใครเป็นคนให้ข่าว ยืนยันว่าวันนี้ตนยังเป็นหัวหน้าพรรค ชทพ. พรรคเรามี 10 เสียง ยังอยู่ด้วยกันเป็นกลุ่มก้อน เราทำงานร่วมกัน ไม่ว่าจะทำอะไรทั้ง 10 สส.รวมทั้งกรรมการบริหารพรรค เราร่วมกันตัดสินใจ ยืนยันวันนี้เรายังไม่ได้ตกลงกับใคร เราทุกคนยังเป็นพรรค ชทพ.หากจะมีอะไรเกิดขึ้นขอยืนยันว่า 10 เสียงสส.และกรรมการบริหารพรรค รวมเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน กระแสข่าวที่ออกมาท่ามกลางการแข่งขันที่เข้มข้นของการเมืองไทยขณะนี้ ไม่แปลกใจที่จะมีข่าวเช่นนี้ออกมา วันนี้พรรคใหญ่ๆหลายพรรคต้องการสร้างความเข้มแข็งให้จำนวน สส.ของพรรคนั้น พรรคเล็กเลี่ยงไม่ได้ที่มีคนนั้นคนนี้มาพูดคุยกับ สส.ของพรรคบ้าง เป็นปกติในการแข่งขันทางการเมือง เช่น พรรค ภท.กับพรรค พท.แข่งขันกันสูง จึงเป็นที่มาของข่าวลือนี้ ยืนยันพรรค ชทพ.ยังอยู่กัน 10 คน ไม่ได้มีใครไปไหนอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่