“อนุทิน” ทำขึงขังรัฐบาลนี้ยึดหลักนิติธรรม ยันไม่มีการใช้อำนาจค้ำยันเพื่อผลประโยชน์ การเมืองพวกพ้อง หรือกลั่นแกล้งฝ่ายตรงข้าม ลั่นคนทำผิดใครก็ช่วยไม่ได้ ชิ่งสินบน 40 ล้าน ดีอีโยนถาม “ไชยชนกเอง” พนักงานสอบสวนกองปราบฯหาหลักฐานเพิ่ม ยังไม่ ส่งสำนวนถึง ป.ป.ช.“เกรียง” ดอดเข้าพูลแมนหารือ “เนวิน” ปัดวุ่นคุยธุระไม่เกี่ยวย้ายยกกลุ่มอุบลฯ ซบอก ภท. ยันปักหลักอยู่ พท.ร่วมเปิดตัวไปแล้ว “ณัฐพงษ์” ป้องภูมิใจดูดยังไม่เข้าข่ายขัดเอ็มโอเอ บลัฟกลับ พท.ค่ายส้มตั้งเป้าโกย 20 ล้านเสียง กวาด 250 สส. วิป 3 ฝ่ายเคาะถกแก้ รธน. 14-15 ต.ค.ให้ฝ่ายค้านจ้อ 10 ชั่วโมง รัฐบาล 3 ชั่วโมง สว. 5 ชั่วโมง “ภราดร” มั่นใจตั้ง กมธ.พิจารณาวาระ 2-3 เสร็จทันเดือน ธ.ค. ป.ป.ช.เผยคดี 44 สส.ก้าวไกลชงแก้ รธน.มาตรา 112 สะเด็ดน้ำ พ.ย.-ธ.ค. โต้ไม่ได้ ยื้อโยงไทม์ไลน์เลือกตั้งกรณีสังคมจับตารัฐบาลนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย จะเข้ามาใช้อำนาจเพื่อบิดเบือนคดีทางการเมืองที่เกี่ยวข้องกับพรรคพวกตนเอง ทั้งคดีเขากระโดงและคดีฮั้วเลือก สว. ขณะที่นายอนุทินยืนยันรัฐบาลชุดนี้จะยึดหลักนิติธรรมจะไม่มีการใช้กระบวนการยุติธรรมเพื่อผลประโยชน์ทางการเมือง“อนุทิน” ยึดกฎหมายใครทำผิดช่วยไม่ได้เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 8 ต.ค. ที่ห้องคอนเฟอเรนซ์ ฮอลล์ ชั้น 2 สถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย (TIJ) กรุงเทพฯ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกฯ และ รมว.มหาดไทย ร่วมงานเวทีสาธารณะด้านหลักนิติธรรม ครั้งที่ 3 มีนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ รองนายกฯ พล.ต.ท.รุทธพล เนาวรัตน์ รมว.ยุติธรรม เข้าร่วม โดยนายอนุทินกล่าวปาฐกถาพิเศษหัวข้อ “ความพร้อมของกลไกเชิงสถาบันกับความสามารถในการแข่งขันของประเทศ” ตอนหนึ่งว่า คำว่าหลักนิติธรรมเป็นคำที่ถูกอ้างถึงบ่อยที่สุด ตนเป็นวิศวกรให้ความสำคัญการวางรากฐานที่มั่นคง กฎหมายต้องอำนวยความยุติธรรมให้ทุกคน ภาษาอังกฤษใช้คำว่า justice for all หรือความยุติธรรมสำหรับทุกคน บางคนกลัวว่าพวกตนจะมาใช้อำนาจ justice for some (ความยุติธรรมสำหรับบางคน) ให้คำยืนยันจะไม่เกิดขึ้น หน่วยงานรัฐควรยึดหลักนิติธรรม กล้าหาญใช้กฎหมายเพื่อความถูกต้องเที่ยงธรรม ไม่ถูกครอบงำและชักจูงให้ใช้กระบวนการยุติธรรมมาเพื่อผลประโยชน์ทางการเมืองหรือกลั่นแกล้งบุคคลที่คิดว่าเป็นปฏิปักษ์ ใครก็ช่วยใครไม่ได้ ถ้าคนนั้นผิด และใครจะทำให้คนนั้นผิดไม่ได้ถ้าเขาถูกรีเซ็ตประเทศทุกภาคส่วนต้องร่วมมือต่อมาเวลา 13.30 น. ที่โรงละครอักษรา คิงเพาเวอร์ ถนนรางน้ำ เขตราชเทวี กรุงเทพฯ นายอนุทิน เป็นประธานเปิดงานสัมมนาใหญ่เศรษฐกิจไทย ประจำปี 2568 “เมื่อโลกเปลี่ยน...ประเทศไทยไปทางไหน?” และได้กล่าวปาฐกถาพิเศษ ในหัวข้อ “Reset โครงสร้างประเทศ Recover เศรษฐกิจไทย” โดยมีเนื้อหาตอนหนึ่งว่า วันนี้ประเทศไทยต้องคิดเหมือนองค์กรที่ต้องปรับระบบการทำงานทั้งโครงสร้าง แต่ประเทศต่างจากบริษัทที่มีกำไรเป็นเป้าหมายสูงสุด สำหรับประเทศเป้าหมายคือความมั่นคงในหลายมิติ การรีเซ็ตประเทศจึงไม่ใช่แค่เปลี่ยนนโยบาย แต่เปลี่ยนวิธีคิดวิธีทำงานบริหารความร่วมมือ ต้องการความร่วมมือจากทุกภาคส่วนแย้มก่อนยุบสภาฯมีกระตุ้น ศก.อีกจากนั้นเวลา 13.30 น. นายกฯให้สัมภาษณ์หลังเดินหน้าโครงการคนละครึ่งพลัส จะมีมาตรการอะไรต่อว่า เราพยายามวางรากฐานเศรษฐกิจให้มั่นคงแข็งแกร่ง โดยเฉพาะช่วงสิ้นปีนี้ จะใช้ 4 เดือนที่รัฐบาลชุดนี้ทำงานได้เต็มที่ วางแนวทางและหลักฐานที่ดี เพื่อรัฐบาลชุดต่อไปจะต่อยอดได้ ก่อนยุบสภาอาจจะมีมาตรการออกมาอีกเรื่อยๆ เฟส 1 เฟส 2 เตรียมคิดไว้อยู่แล้ว รวมถึงการท่องเที่ยวด้วย การใช้งบฯยึดถือวินัยการเงินการคลังเป็นสำคัญที่สุด ไม่ใช่เราเอาเงินมาแจกอย่างเดียว แต่ให้ประชาชนมีส่วนร่วมด้วย ที่สำคัญเรานำงบฯ 3 หมื่นกว่าล้านบาทไปชำระหนี้ให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) รักษาวินัยการเงินการคลัง ที่จะผลักดันเศรษฐกิจให้ไทยผงาดในภูมิภาค เราเคยเป็นผู้นำภูมิภาคนี้ มีภูมิรัฐศาสตร์ได้เปรียบประเทศอื่นๆมากมายพรรคไหนทำดีมีฝีมือคนเลือกกลับมาเมื่อถามย้ำว่าแต่ปัญหาใหญ่ที่เศรษฐกิจไม่ต่อเนื่องคือเรื่องการเมือง นายอนุทินกล่าวว่า ไม่ใช่การเมืองแต่เป็นการคอร์รัปชัน เราต้องสร้างระบบ เช่น สังคมดิจิทัล เพื่อให้ตรวจสอบได้ สังคมข้อมูล เอไอ สังคมข่าวสาร ทำให้คนในสังคม ไปคิดแหวกแนวหรือพิเรนทร์ไม่ได้อีกต่อไป การเมืองมันนิ่งพอสมควรแล้วไม่ได้มีปัญหาอะไร ทำตามที่เรามีคำมั่นสัญญากับทุกฝ่าย ตั้งหน้าตั้งตาทำงานเต็มที่ พรรคไหนทำดีฝีมือดีก็เลือกเขากลับมาทำงาน ที่มองการเปลี่ยนตัวรัฐบาลและผู้นำบ่อยมีผลต่อความเชื่อมั่น ญี่ปุ่น อังกฤษเปลี่ยนบ่อยกว่าเรา ความเชื่อมั่นอยู่ที่ระบบอยู่ที่ประชาชน เมื่อถามว่าคนส่วนใหญ่จะเชื่อมั่นคนนอกมากกว่า นายอนุทินหันไปทางนายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกฯ และ รมว.คลัง และนายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ รมว.พลังงาน พร้อมกล่าวว่า ตรงนี้เป็นนักการเมืองหมด เป็นรัฐมนตรี เป็น politician (นักการเมือง) เราอย่าไปแบ่งแยกอย่างนั้น เขาเป็นคนมีฝีมือโยนถาม “ไชยชนก” ปมสินบน 40 ล.นายอนุทินกล่าวถึงกรณีนายไชยชนก ชิดชอบ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เข้าแจ้งความกับ พ.ต.ท.เผ่าภูมิ สมหมาย รอง ผกก. (สอบสวน) กก.1 บก.ป.หลังการอภิปรายในสภาฯวันแถลงนโยบายต่อรัฐสภาว่า ให้ไปถามนายไชยชนกเอง ไม่ได้พบกันมา 2-3 วันแล้ว เพราะนายไชยชนกติดภารกิจทำระบบเตือนภัย และเมื่อวันที่ 7 ต.ค. ไม่ได้เข้าประชุมกรรมการบริหารพรรค เพราะติดภารกิจต่างจังหวัด ผู้สื่อข่าวถามถึงมีนโยบายในการตรวจสอบการรับสินบนจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์หรือไม่ นายอนุทิน ตอบว่า ต้องไม่มี เรื่องรับสินบนต้องไม่มีอะไรทั้งนั้นเผย “คิว ภูวศิษฐ์” พันสินบนเว็บพนันผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการตรวจสอบประวัติ นายภูวศิษฐ์ ไชยอรุณโรจน์ หรือคิว หนึ่งในบุคคลที่ถูกพาดพิงว่าเป็นตัวละครสำคัญที่พยายามติดสินบนนายไชยชนก ชิดชอบ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ด้วยเงิน 40 ล้านบาท เพื่อแลกกับการไม่ให้เร่งปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ สแกมเมอร์ และพนันออนไลน์ เบื้องต้นพบว่าเคยมีส่วนเกี่ยวข้องเครือข่ายเว็บพนันออนไลน์จริง ช่วง ก.ย.ปี 65 เคยถูกตำรวจภูธรภาค 3 จับกุมดำเนินคดีพร้อมพวกรวม 5 คน จากการตรวจค้นจับกุมเป้าหมายหลายจุดในพื้นที่ 8 จ.ภาคอีสานตอนล่าง ก่อนขยายผลติดตามยึดทรัพย์สินมาได้ในพื้นที่กรุงเทพฯและ จ.สมุทรปราการ การจับกุมครั้งนั้นเจ้าหน้าที่ยึดเงินสด 18 ล้านบาท รถยนต์หรู 9 คัน และทรัพย์สินกว่า 80 ล้านบาท พบมีเงินหมุนเวียนกว่า 3 พันล้านบาท ถูกดำเนินคดีข้อหา “ร่วมกันจัดให้มีการเล่นพนันทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์” “ร่วมกันฟอกเงิน” และ “สมคบกันเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน” ยังมีผู้ต้องหาหลบหนีการจับกุมอีก 8 คน กำลังอยู่ระหว่างสืบสวนติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดี ทั้งนี้ จากการตรวจสอบยังพบข้อมูลสำคัญว่านายภูวศิษฐ์ ไชยอรุณโรจน์ หรือคิว เป็นหนึ่งใน 2 ลูกชายของเสี่ยตือ คอสโม่ หรือนายสมบูรณ์ สุขเจริญไกรศรี อดีตนายทุนรายใหญ่ ที่เคยลงทุนทำธุรกิจอยู่ที่กาสิโนประเทศเพื่อนบ้านพงส.หาหลักฐานเพิ่มสินบนดีอีวันเดียวกัน พ.ต.อ.มนูญ แก้วก่ำ ผกก.1 บก.ป. กล่าวถึงคดีสินบน 40 ล้าน กระทรวงดีอี ว่า ขณะนี้พนักงานสอบสวนได้รับคำให้การของนายไชยชนก ชิดชอบ รมว.ดีอี ลงบันทึกไว้หมดแล้ว คำให้การเป็นไปตามที่สื่อได้นำเสนอไปก่อนหน้านี้ แต่รายละเอียดเชิงลึกไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลได้ อยู่ระหว่างตรวจสอบข้อเท็จจริงและรวบรวมข้อมูลหาหลักฐานเพิ่มเติม เพื่อพิจารณาว่าต้องเรียกพยานหรือบุคคลใดมาให้ปากคำเพิ่มเติมอีกหรือไม่ ต้องใช้เวลาทำงานสักระยะหนึ่งก่อน ทั้งนี้ พนักงานสอบสวนยังไม่ได้ส่งสำนวนไปให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) พิจารณา ยังอยู่ในขั้นตอนการพิจารณา รวบรวมพยานหลักฐาน จนกว่าทุกอย่างจะครบถ้วนแล้วตามกรอบระยะเวลาภายใน 30 วัน“เกรียง” ดอดเข้าพูลแมนหารือ “เนวิน”ช่วงบ่าย นายเกรียง กัลป์ตินันท์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย แกนนำ สส. จ.อุบลราชธานีพรรคเพื่อไทย ปรากฏตัวบริเวณด้านหน้าล็อบบี้ โรงแรมพูลแมน คิง เพาเวอร์ กรุงเทพ โดยคาดว่า ได้มาพบกับแกนนำคนสำคัญของพรรคภูมิใจไทย เพื่อหารือถึงการย้ายเข้าสังกัดในการเลือกตั้งสมัยหน้า โดยนายเกรียงให้สัมภาษณ์ว่า เป็นความจริง แต่ยืนยันว่าตนและกลุ่ม สส.อุบลราชธานี ไม่ได้จะย้ายมาสังกัดพรรค ภท. เป็นเพียงการมาพบกับนายเนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ยูไนเต็ด เพื่อพูดคุยธุระกัน ตนคบกับนายเนวินมานานแล้ว คุยกันอยู่เรื่อย ไม่ใช่คบกันวันนี้แต่ไม่เกี่ยวข้องกับการเมืองหรือการลงเลือกตั้ง และกลุ่ม สส.ของตนยังอยู่ที่เดิมตามที่ได้เปิดตัวที่พรรคเพื่อไทย (พท.) เมื่อวันที่ 7 ต.ค.“อนุทิน” บอกเป็นเพื่อนซี้กันมานานนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกฯ และ รมว.มหาดไทย หัวหน้าพรรค ภท. กล่าวถึงเรื่องดังกล่าวว่า นายเกรียงกับนายเนวิน เขาเป็นเพื่อนกัน ส่วนจะมีผลอย่างไรต่อทางการเมืองหรือไม่ ไม่ได้คุยกับนายเนวินมา 2 วัน วันนี้เริ่มคิดถึงเดี๋ยวโทร.หา เมื่อถามว่านายอนุทินเดินหน้าบริหารแต่หลังบ้านเดินเรื่องการเมืองเต็มที่ใช่หรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า ตนหน้าบ้านหลังบ้านคนเดียวกันหมด เมื่อถามว่าวันที่ 11 ต.ค. จะไปร่วมทานอาหารกับนายนิพนธ์ บุญญามณี อดีต รมช.มหาดไทย ที่ จ.สงขลา นายอนุทินตอบว่า ไปราชการประชุม 7 จังหวัดภาคใต้ มีเรื่องไม่ค่อยดีในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เครื่องบินต้องไปลงหาดใหญ่ นายนิพนธ์ส่งทีมมาเป็นทีมการเมืองเดียวกัน การกินข้าวด้วยกันเป็นเรื่องปกติ เมื่อถามย้ำว่านายนิพนธ์ยังอยู่ค่ายสีน้ำเงินไม่มีกลับไปค่ายสีฟ้าใช่หรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า สีฟ้าเข้ม เมื่อถามว่ายังมั่นใจใช่หรือไม่ว่านายนิพนธ์จะย้ายมาอยู่กับพรรค ภท. นายอนุทินกล่าวว่า “เมื่อเช้านี้ยังมั่นใจอยู่”ปชน.จี้แก้น้ำท่วมไม่ช้าไม่จมไม่ซ้ำรอยเมื่อเวลา 10.30 น. ที่รัฐสภา นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรค แถลงข่าวข้อเสนอมาตรการช่วยเหลือน้ำท่วมว่า รัฐบาลต้องบริหารจัดการเงินเยียวยาให้ไม่ช้า ไม่จม ไม่ซ้ำรอย บางพื้นที่กว่า 2 เดือนกว่าจะได้เงินเยียวยา 9,000 บาท ขอให้ใช้จ่ายอย่างคุ้มค่า ชาญฉลาด รัฐบาลอนุทินเพิ่งทำหน้าที่ไม่นาน แต่อยากให้เร่งจัดการหลักเกณฑ์ในพื้นที่น้ำท่วมให้สอดคล้องกับปัญหา ข้อวิจารณ์นายอนุทินลงพื้นที่ไม่มากพอ เลือกไปวันเกิดนายเนวิน ชิดชอบ ผู้นำจิตวิญญาณพรรค ภท. นายกฯคงมีภารกิจหลากหลายอยู่ที่วิจารณญาณนายกฯ คงไม่สามารถลงพื้นที่น้ำท่วมได้ครบทุกพื้นที่ แต่ประชาชนคาดหวังผู้บริหารประเทศลงไปรับฟังปัญหาครบถ้วนและเกิดการกระทำด้วยป้องภูมิใจดูดยังไม่เสี่ยงขัด MOAนายณัฐพงษ์กล่าวถึงกรณีนักการเมืองเริ่มเข้าพรรค ภท.จนเป็นพรรคภูมิใจดูดว่า อาจเป็นเรื่องปกติเข้าใกล้ฤดูกาลเลือกตั้งจะมีสลับขั้วย้ายค่ายกันบ้าง รัฐธรรมนูญปัจจุบันเป็นกลไกที่ปฏิเสธไม่ได้ทำให้ย้ายพรรคง่าย แบบ สส.งูเห่า พรรค ปชน.จึงให้ความสำคัญจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ณ ตอนนี้ยังไม่เห็นว่าจะกลายเป็นรัฐบาลเสียงข้างมาก เสี่ยงขัดเอ็มโอเอ คงไม่ปล่อยให้สถานการณ์ไหลไปถึงจุดนั้น ถ้าเล็งเห็นแล้วว่ามีความเสี่ยงเป็นเสียงข้างมาก จะยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจล้มรัฐบาลทันที ฝากนายกฯตักเตือนผู้ใต้บังคับบัญชา เช่น รองนายกฯ หรือรัฐมนตรี การอภิปรายในสภาฯตรวจสอบคุณสมบัติผู้ดำรงตำแหน่งเป็นเรื่องปกติ ไม่ควรใช้เครื่องมือทางกฎหมายมาเล่นงานกัน รมว.ยุติธรรมแต่งตั้งบุคคลเป็นคณะทำงานเกี่ยวข้องกับกรณีเขากระโดงและฮั้ว สว.จะติดตามต่อใกล้ชิดถ้าใช้อํานาจโดยมิชอบพร้อมยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจบลัฟ พท.พรรคส้มกวาด 250 เสียงเมื่อถามว่ารัฐบาลที่เป็นอยู่ขณะนี้ เป็นไปตามที่พรรค ปชน.วางไว้หรือไม่ นายณัฐพงษ์กล่าวว่า เขามีอิสระในฐานะฝ่ายบริหาร เราเป็นฝ่ายค้าน แต่ทิศทางใหญ่ๆยังอยู่ในกรอบที่พรรค ปชน. โหวตเลือกนายอนุทินเป็นนายกฯยังอยู่ในกรอบที่เราประเมินไว้อยู่ ยังไม่มีอะไรที่เป็นข้อห่วงใยหรือข้อกังวล ที่เราจะยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ เมื่อถามว่าได้พูดคุยกับนายอนุทิน หลังแถลงนโยบายหรือไม่ นายณัฐพงษ์กล่าวว่า ได้ยกหูสายตรงพูดคุยกับนายอนุทิน 1 ครั้งไม่กี่วันมานี้ อยากให้ท่านกํากับพรรคร่วมรัฐบาลมาเป็นองค์ประชุมและโหวตผ่าน พ.ร.บ.อากาศสะอาด เราพยายามดันอากาศสะอาดให้ผ่านสภาเร็วที่สุด ส่วนกรณีนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองหัวหน้าพรรค พท. ประกาศพรรค พท.น่าจะได้ สส. 200 ที่นั่ง เพราะพรรค ปชน.กระแสตกจะได้ สส.ลดลง เป็นสิ่งที่ทุกพรรคประเมินว่าตัวเองได้เยอะอยู่แล้ว ตั้งเป้าหมายให้สูง แต่เราเชื่อมั่นว่าเลือกตั้งข้างหน้า เป้าหมายเราได้ 20 ล้านเสียง อาจคำนวณเป็นที่นั่งไม่ได้ แต่หากสะท้อนตรงไปตรงมาจะประมาณ 250 ที่นั่ง“โรม” หยันผู้กองไม่กล้าเผชิญหน้า กมธ.นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคปชน.ประธานคณะ กมธ.ความมั่นคงแห่งรัฐฯ กล่าวถึงกรณี ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกฯ และรมว.เกษตรฯ ไม่ชี้แจง กมธ.ฯเรื่องนายเบน สมิทหรือเบนจามิน เมาเออร์เบอร์เกอร์ นักธุรกิจชาวต่างชาติว่า สับสนควรจะเชื่อ ร.อ.ธรรมนัสเรื่องอะไรบ้าง ก่อนหน้า ร.อ.ธรรมนัสระบุพร้อมมาให้ข้อมูล เช่นเดียวกับทนายความของ ร.อ.ธรรมนัสเอง แต่ไปๆมาๆ ร.อ.ธรรมนัสไม่มาแล้ว จะส่งทนายความมาเอง ไหนบอกว่าอย่าปากกล้าขาสั่นแล้วกัน ตกลงแล้ว ร.อ.ธรรมนัสไม่กล้ามาเผชิญหน้าความจริง ท่านควรมาชี้แจงให้ชัดเจนกับสื่อมวลชน วันที่ 9 ต.ค.เตรียมไว้ทั้งเรื่องนายเบนจามิน อาคารของกัมพูชาล้ำเข้ามา จ.ตราด ยังไม่พบว่าเชื่อมโยงนายเบนจามิน แต่เราจะสอบเรื่องนายเบนจามินแน่นอน จะเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาให้ข้อมูล ดูเส้นเงินฟุ้งไล่ล่าข้อมูลจะเอาให้ตายยกรังเมื่อถามว่าข้อมูลขณะนี้เพียงพอจะนำไปสู่การอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลได้หรือไม่ นายรังสิมันต์กล่าวว่า อยู่ในขั้นตอนเรียกข้อมูลทั้งหมด ทีมงาน ร.อ.ธรรมนัสช่วงที่ผ่านมา ให้ข้อมูลค่อนข้างดี เช่น นายเบนจามิน เป็นที่ปรึกษาสมเด็จฮุน เซนที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯแนะนำให้ ร.อ.ธรรมนัสรู้จักกันมานานเป็นปี จัดที่ปรึกษาดูแลนายเบนจามินเรื่องธุรกิจ ส่วนตัวไม่เชื่อว่าจะเป็นความสัมพันธ์ลักษณะนอมินี ต้องสอบกันต่อไป ธุรกิจหลายอย่างที่เชื่อมโยงไปถึงนายเบนจามิน ฟังดูแล้วคล้ายนอมินี จะให้ความเป็นธรรมมากที่สุดและเรียกข้อมูลมาสอบ ตอนนี้อยากเก็บข้อมูล นำไปสู่เรียกว่าตายยกรัง สาวถึงใคร เจอใครดำเนินการแน่นอน ไม่ต้องห่วง บางคนบอกว่าเรื่องนี้มีมูลหรือไม่ เต้าข่าวหรือไม่ รอดูค่อนข้างมั่นใจว่าข้อมูลที่ได้รับมาชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่ใช่แค่หยุดที่คุณธรรมนัส มันใหญ่มาก เป็นเรื่องที่อยากให้สื่อมวลชนและประชาชนให้ความสำคัญ ประเทศไทย กำลังเผชิญทุนเทากำลังจะยึดชาติเรา ผ่านธุรกิจบริษัทที่สำคัญต่อความมั่นคงของชาติ สุดท้ายพวกทุนเทาจะมีมาตรการนิติสงคราม จะปิดปากก็ให้รู้กันไปว่าคนที่ออกมาพูดเรื่องแบบนี้สุดท้ายจะได้รับผลเสียหายเองวิป 3 ฝ่ายเคาะแก้ รธน. 14–15 ต.ค.เมื่อเวลา 14.00 น. ที่รัฐสภา ในการประชุมคณะกรรมการประสานงานร่วมสภาฯ (วิป) รัฐบาล ฝ่ายค้านและ สว.ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาฯ เป็นประธานการประชุมพิจารณากรอบเวลาประชุมร่วมรัฐสภาพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเพิ่มเติมมาตรา 256 แก้ไขเพิ่มเติมหมวด 15/1 วันที่ 14-15 ต.ค.ของพรรค ภท. พรรค ปชน.และพรรค พท. จากนั้นนายวันมูหะมัดนอร์ให้สัมภาษณ์ว่า วิป 3 ฝ่ายเห็นว่าจะพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ 3 ฉบับรวมกัน แต่การลงมติวาระที่ 1 แยกกันลงมติ และจะตั้งคณะ กมธ.วิสามัญเพื่อพิจารณาวาระ 2 และ 3 รวม 42 คน จะใช้เวลาอภิปรายรวม 19 ชั่วโมงครึ่ง แบ่งเป็นเวลาของประธานที่ประชุม 1 ชั่วโมง สว. 5 ชั่วโมงครึ่ง พรรคร่วมรัฐบาล 3 ชั่วโมง และพรรคร่วมฝ่ายค้าน 10 ชั่วโมง การลงมติอาจใช้เวลานานเพราะลงมติแบบขานชื่อจะรับหลักการทั้ง 3 ร่างหรือไม่รับหลักการทั้ง 3 ร่าง วิป 3 ฝ่ายไม่มีข้อกังวลเนื้อหา หากเดินไปคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญจะพิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญได้“วุฒิชาติ” ย้ำ สว.ไม่แตะหมวด 1–2ด้านนายวุฒิชาติกล่าวถึง สว.ต้องมาร่วมโหวตร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญวาระ 1 ว่า สว.เห็นด้วยว่ารัฐธรรมนูญบางมาตราเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาทางการเมือง สว.ส่วนใหญ่ 80-90 เปอร์เซ็นต์เห็นตรงกันไม่เห็นด้วยกับการแตะต้องหมวด 1 และหมวด 2 ไม่เอาด้วยแน่นอน เมื่อถามว่า สว.ติดใจที่มา ส.ส.ร.ทั้งทางตรงและทางอ้อมหรือไม่ นายวุฒิชาติกล่าวว่า สำหรับตนไม่ติดใจ เพราะความจริงต้องปฏิบัติตามคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญเป็นหลัก คือการได้มาซึ่ง ส.ส.ร.ให้รัฐสภาเป็นผู้เลือก ประชาชนไม่สามารถเลือกได้โดยตรง คำวินิจฉัยมีมาชัดเจน เมื่อถามย้ำว่า จะเป็นสัญญาณบวกทั้ง 3 ฉบับในวาระ1 เลยหรือไม่ นายวุฒิชาติกล่าวว่า เชื่อว่าไม่เป็นประเด็นปัญหาทั้ง 3 ร่าง ส่วนรายละเอียดค่อยไปว่ากัน“ภราดร” เชื่อ ธ.ค.ถกวาระ 2–3 ทันขณะที่นายภราดร ปริศนานันทกุล รมต.ประจำสำนักนายกฯ กล่าวถึงกรณีนายนิกร จำนงอดีตเลขานุการ กมธ.ร่วมกันพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติระบุว่าหากตั้ง กมธ.แล้วพิจารณาเสร็จไม่ทันจะติดเงื่อนไข 90 วัน ตามกฎหมายประชามติ จำเป็นต้องเร่งทำให้เสร็จภายในเดือน พ.ย. จะทำได้หรือไม่ว่า หลังพิจารณาวาระที่ 1 หลังวันที่ 14-15 ต.ค. จะตั้ง กมธ.จากที่ฟัง สว.ไม่ติดใจในหลักการการแก้ไขรัฐธรรมนูญ หมายความว่าทุกฝ่ายเห็นไปในทิศทางเดียวกันจะเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่เนื้อหาสาระทั้ง 3 ร่างยังแตกต่างกันอยู่ ปลายทางทุกฝ่ายเห็นตรงกันว่าต้องแก้ไขโดยต้องยึดเอาคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญเป็นหลัก หากทุกฝ่ายเห็นตรงกันคงใช้เวลาชั้น กมธ.ไม่นาน และคงพิจารณาแล้วเสร็จก่อนเปิดสมัยประชุมหน้าช่วงเดือน ธ.ค. การพิจารณาวาระที่ 2 และวาระที่ 3 จะพิจารณาสมัยประชุมหน้าชี้ ก.ม.ประชามติทันใช้รอถก กมธ.เมื่อถามว่า ครม.มองไทม์ไลน์การทำประชามติพร้อมเลือกตั้งจะมีปัญหาหรือไม่ นายภราดรกล่าวว่า กฎหมายประชามติขณะนี้ยังอยู่ในขั้นตอนการรอโปรดเกล้าฯ และตัวร่างที่ทูลเกล้าฯขึ้นไป น่าจะอยู่ในไทม์ไลน์ 60-120 วัน คิดว่ายังพอเป็นไปได้อยู่ต้องพูดคุยในชั้น กมธ.เพื่อหารือกันทุกฝ่าย การพิจารณาวันที่ 14 ต.ค. จะเริ่มตั้งแต่เวลา 09.00-23.30 น. ส่วนวันที่ 15 ต.ค. คาดว่าจะเริ่มลงมติได้เวลา 14.00 น.ป.ป.ช.เผยคดี ม.144 ไต่สวนเสร็จแล้วเมื่อเวลา 14.30 น.ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นายสุรพงษ์ อินทรถาวร รองเลขาธิการ ป.ป.ช. รักษาราชการแทนเลขาธิการ ป.ป.ช. กล่าวถึงความคืบหน้าคดีกล่าวหา ครม. น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญมาตรา 144 โยกย้ายงบฯใน พ.ร.บ.งบฯ ปี 68 ไปใช้จ่ายผิดประเภทว่า องค์คณะไต่สวนเสร็จแล้ว อยู่ระหว่างสรุปสำนวน ส่งให้ที่ประชุม ป.ป.ช. พิจารณา คาดว่าไม่ล่าช้า ส่วนการกล่าวหา น.ส.แพทองธารฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมร้ายแรง กรณีคลิปเสียงสนทนาสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ป.ป.ช.เพิ่งได้คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญมาไม่นาน ตั้งองค์คณะไต่สวนแล้ว อาจแยกการกระทำเป็น 2 ส่วนคือ 1.ความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ 2.ความผิดมาตรฐานจริยธรรม องค์คณะไต่สวนจะพิจารณาการกระทำของ น.ส.แพทองธารจะเข้าข่ายทางไหน ระหว่างอาญากับจริยธรรม ที่องค์คณะไต่สวนต้องพิจารณา ไม่น่าใช้เวลานาน อาจมีบางขั้นตอนใช้เวลายาวคือหลังแจ้งข้อกล่าวหา และเปิดโอกาสให้ผู้ถูกกล่าวหาชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา แต่นโยบายประธาน ป.ป.ช.ไม่ช้า คดีใดที่สื่อสนใจ จะกำหนดกรอบการทำงานทุกเรื่อง ประเด็นมาตรฐานจริยธรรม เมื่อศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยมาแล้ว ป.ป.ช.จะใช้ข้อกฎหมาย แนวคำพิพากษาเดียวกัน ยกเว้นข้อเท็จจริงแตกต่าง สิ่งที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยแล้ว ถ้าไม่มีอะไรที่พลิกแพลงเปลี่ยนแปลง แนวคำวินิจฉัยไม่น่าเปลี่ยนแปลงคดี 44 สส.เสร็จเดือน พ.ย.–ธ.ค.นายสุรพงษ์กล่าวว่า ส่วนการไต่สวนคดีกล่าวหา 44 อดีต สส.พรรคก้าวไกลร่วมกันเสนอแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ว่า คดีนี้แจ้งข้อกล่าวหาไปแล้ว แต่ผู้ถูกกล่าวหามีหลายราย มีผู้ถูกกล่าวหามาชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาไปแล้วเช่นกัน บางคนขอขยายระยะเวลานำส่งพยานหลักฐานเพิ่มเติมแต่ยังอยู่ในกรอบเวลาชี้แจง องค์คณะไต่สวนจะพิจารณาพยานหลักฐาน สรุปสำนวนนำเสนอที่ประชุม ป.ป.ช.ไม่จำเป็นต้องไต่สวนเพิ่มเติมอีกคาดว่าอีกไม่นาน ป.ป.ช.ไม่ได้อยู่เฉย การพิสูจน์พยานหลักฐานคดีนี้ องค์คณะไต่สวนจะพิจารณาทีละราย ไม่เหมารวม แต่ละคนที่ลงลายมือชื่อ ข้อเท็จจริงแตกต่างกัน มีทั้งผู้ริเริ่มกับผู้ร่วมลงลายมือชื่อเสนอกฎหมาย การกระทำแต่ละคนแตกต่างกันในข้อกฎหมายและการกระทำ ยืนยัน ป.ป.ช.เป็นกลาง ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด ไม่ได้ดูไทม์ไลน์เลือกตั้ง ขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริง การพิสูจน์ความผิดจะพิจารณาคดีนี้รายคนตั้งแต่กลางเดือน ต.ค. คาดว่าเร็วสุดจะเสร็จภายใน พ.ย.หรืออย่างช้าไม่น่าจะเกิน ธ.ค.68 ก่อนเลือกตั้ง ยืนยันว่าไม่ได้มุ่งทางการเมืองปมชั้น 14 รพ.ตำรวจมี 2 ตัวละครใหม่นายสุรพงษ์กล่าวว่า สำหรับคดีกล่าวหา 12 เจ้าหน้าที่รัฐ ช่วยเหลือนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ รักษาตัวชั้น 14 รพ.ตำรวจ ได้ตั้งองค์คณะไต่สวนข้าราชการที่เกี่ยวข้อง 1 2 คน แต่ล่าสุดมีคำร้องเพิ่มเติมเข้ามา 2 ส่วนคือคำร้องช่วยเหลือที่ให้รักษาตัวอยู่ รพ.ตำรวจ 180 วัน และคำร้องช่วยเหลือหลังพักโทษ มีตัวละครเพิ่มเติม 2 คนเกี่ยวข้องกับนักการเมืองและข้าราชการระดับสูง เมื่อถามว่านายทักษิณเป็นหนึ่งในผู้ถูกกล่าวหาเพิ่มเติมคนใหม่หรือไม่ นายสุรพงษ์ตอบว่า อดีตนายกฯเป็นผู้รับโทษในคดีเดิม แต่ผลของคดีเดิมเป็นคดีใหม่ แต่ตัวอดีตนายกฯจะมีความรับผิดด้วยหรือไม่ องค์คณะไต่สวนต้องไปดูว่าอดีตนายกฯ มีความผิดหรือไม่ ยืนยันไม่หนักใจ เราทำตามหน้าที่ ถ้าข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายไปถึง ป.ป.ช.ต้องวินิจฉัยตามสำนวนอยู่แล้วอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่