เพื่อไทยตีปี๊บ คิกออฟแคมเปญ "ยกเครื่องเพื่อไทย ยกเครื่องประเทศไทย" รีบเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร สส. ส่ง "แพทองธาร" โชว์วิชันจุดเริ่มต้นเดินหน้าครั้งใหม่ แซะ ภูมิใจไทย-ประชาชน แก้รัฐธรรมนูญฉบับ "แกงส้มต้มประชาชน" เลขานายกฯโต้ฝ่ายค้านอย่ามุ่งแต่มุมการเมือง ย้ำรัฐบาลแก้ปัญหาชายแดนไปพร้อมน้ำท่วม “บ้านรัตนเศรษฐ” ยกทีมซบภูมิใจไทย “เบน สมิท” ส่งทนายฟ้อง “โรม” 100 ล้าน “รังสิมันต์” ไม่กังวล เดินหน้า กมธ.มั่นคงดับเครื่องชนแก๊งคอลฯ จับไต๋ใช้ทีมงาน “ธรรมนัส” ไหนบอกไม่รู้จักส่วนตัว โพลชี้หลังแถลงนโยบายความเชื่อมั่นรัฐบาลตกคนหนุนประชามติเลิก MOU 2 ฉบับ กมธ.จ่อเรียก “สีหศักดิ์” แจงเหตุผลพรรคเพื่อไทยเร่งตีปี๊บแคมเปญ “ยกเครื่องเพื่อไทย ยกเครื่องประเทศไทย” ถือโอกาสเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร สส.ลอตแรก ขณะที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคเพื่อไทย เตรียมโชว์วิสัยทัศน์ จุดเริ่มต้นการเดินหน้าครั้งใหม่ของพรรคเพื่อไทยเพื่อไทยตีปี๊บเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร สส.เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 5 ต.ค. ที่พรรคเพื่อไทย น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล สส.บัญชีรายชื่อ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงกรณีนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ประกาศยุบสภา ใน 4 เดือน ไม่บิดพลิ้วว่า พรรคเพื่อไทยยืนยันความพร้อมเต็มที่ในการเลือกตั้ง ไม่ว่าจะเกิดขึ้นตามกำหนดหรือเร็วกว่าเดิม วันที่ 7 ต.ค.นี้ เราจะเริ่มแคมเปญ “ยกเครื่องเพื่อไทย ยกเครื่องประเทศไทย” เปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร สส.ของพรรค น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคเพื่อไทย จะขึ้นเวทีแสดงวิสัยทัศน์ นี่คือจุดเริ่มต้นเดินหน้าครั้งใหม่ ให้เห็นความมุ่งมั่นของเรา พรรคเพื่อไทยรับฟังทุกเสียงจากทั้งใน และนอกพรรคทุกคำวิจารณ์ ว่าไม่ใช่การตำหนิ แต่คือความปรารถนาดีที่มีต่อพรรค รวบรวมข้อคิดเห็นเหล่านั้นมาศึกษาถอดบทเรียน จัดทำเป็นข้อเสนอปรับปรุงพรรคให้เป็นสถาบันการเมือง ที่ประชาชนฝากความหวังได้มากกว่าเดิมห่วงแก้ รธน. “แกงส้มต้มประชาชน”น.ส.ขัตติยากล่าวต่อว่า ส่วนการผลักดันแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคภูมิใจไทย พรรคเพื่อไทยกังวล MOA ระหว่างส้ม-น้ำเงิน ที่ระบุตัวละคร 3 ตัว คือ ครม. พรรคภูมิใจไทย และพรรคประชาชน แต่สิ่งที่นายอนุทินชี้แจงไม่พูดถึงการเสนอร่างโดยคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยเฉพาะข้ออ้างว่าไม่สามารถคุยกับ สว.ให้เห็นชอบแก้รัฐธรรมนูญได้ ถือว่าน่ากังวลใจ เพราะไม่มีสิ่งใดการันตีว่าเราจะได้สมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ที่ยึดโยงกับประชาชน ทำให้เข้าใจว่าร่างที่จะผ่านความเห็นชอบของรัฐสภาอาจมีร่างเดียว คือร่างของพรรคภูมิใจไทยที่ไม่มีประชาชนอยู่ในสมการ ขอเรียกร้องให้พรรคภูมิใจไทย และพรรคประชาชนถอนร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญออกมาก่อน แล้วไปคุยกันให้ชัดเจนจะเลือกแนวทางที่มา ส.ส.ร. อย่างไร ให้ยึดโยงประชาชนมากที่สุด ไม่เช่นนั้นจะถูกครหาอ้างการแก้รัฐธรรมนูญเพื่อหาเสียงเท่านั้น หรือเป็นรัฐธรรมนูญฉบับแกงส้มต้มประชาชนรบ.อย่ากลัวสานต่อนโยบายดีๆน.ส.ขัตติยายังกล่าวเรียกร้องให้รัฐบาลภูมิใจไทยเดินหน้าสานต่อนโยบายเดิมของรัฐบาลเพื่อไทยหลายนโยบาย ที่เป็นผลดีต่อพี่น้องประชาชน อาทิ การยืดอายุโครงการนำร่องรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย นโยบาย 30 บาทรักษาทุกที่ ที่พรรคเพื่อไทยวางรากฐานไว้หมดแล้ว หรือหวยเกษียณที่ประชาชนรอคอย หวังว่ารัฐบาลจะเดินหน้าต่อ ไม่จำเป็นต้องกังวลจะถูกกล่าวหาเป็นภูมิใจเคลม เพราะท้ายที่สุดประชาชนจะเป็นผู้ตัดสินเองในการเลือกตั้งครั้งหน้า ขอให้รัฐบาลทำงานตรงไปตรงมา ให้ตรงปก เดินหน้าสานต่อโครงการที่เป็นประโยชน์โดยไม่สะดุด“อิ๊งค์” ล้มหาเสียงลุยช่วยน้ำท่วมน.ส.ขัตติยากล่าวอีกว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกฯ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ได้ยกเลิกภารกิจลงพื้นที่ช่วยผู้สมัครเลือกตั้งซ่อม สส.กาญจนบุรี วันที่ 5 ต.ค. เปลี่ยนโปรแกรมไปลงพื้นที่ช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัยน้ำท่วม จ.อุตรดิตถ์ และพิษณุโลก พรรคเพื่อไทยให้ความสำคัญกับความเดือดร้อนของประชาชนเป็นอันดับแรก แม้การเลือกตั้งซ่อมจะสำคัญเพียงใด แต่เมื่อประชาชนทุกข์ยาก พรรคเพื่อไทย พร้อมยืนเคียงข้างลงมือช่วยทันที ไม่ทอดทิ้งใครไว้ข้างหลัง ที่ผ่านมา สส.เพื่อไทย ทำงานเต็มที่ ประสานเครื่องจักรกลขุดทางระบายน้ำ ทำแนวกั้นน้ำ แจกเครื่องอุปโภคบริโภค ดูแลจุดอพยพ ที่หัวหน้าพรรคลงพื้นที่ด้วยตัวเอง เพื่อยืนยันถึงความตั้งใจ“หนู” บินด่วนภารกิจหัวใจติดปีก ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวของนาย อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 5 ต.ค. นายอนุทินมีภารกิจขับเครื่องบินส่วนตัว ออกจาก Private Jet Terminal ดอนเมือง นำทีมแพทย์ นำโดย นพ.พัชร อ่องจริต อาจารย์ศัลยแพทย์ หัวหน้าสาขาศัลยศาสตร์หัวใจและทรวงอก โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย เดินทางไปยัง จ.อุดรธานี เพื่อมารับหัวใจจากผู้บริจาคเป็นชายอายุ 28 ปี ที่โรงพยาบาลอุดรธานี เพื่อส่งต่อการรักษายังโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ในภารกิจ “หัวใจติดปีก” ของนายอนุทินที่ดำเนินการมาต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2557แวะดูผู้ประสบอุทกภัยอุดรธานีต่อมาเวลา 16.30 น. ระหว่างที่นายอนุทินปฏิบัติภารกิจหัวใจติดปีกที่ทีมแพทย์เดินทางไปผ่าตัดรับอวัยวะอยู่นั้น นายอนุทินได้แยกคณะไปลงพื้นที่ให้กำลังใจ และมอบถุงยังชีพแก่ผู้ประสบภัยที่เขื่อนห้วยหลวง ต.โคกสะอาด อ.เมืองอุดรธานี และยังลงไปตรวจดูการซ่อมสะพานขาดจากเหตุอุทกภัย และยังเหมาขนมจีบ 1,000 บาท แจกชาวบ้านบริเวณนั้นเลขาฯโต้อย่ามองแต่มุมการเมืองน.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล เลขาธิการนายกรัฐมนตรี โพสต์เฟซบุ๊กชี้แจงถึงเสียงวิจารณ์โจมตีนายกฯนำคณะลงพื้นที่ จ.สุรินทร์ และบุรีรัมย์ที่ผ่านมา แค่การหาเสียงว่า การลงพื้นที่ดังกล่าวเพื่อรับฟังปัญหา และความ ต้องการของประชาชนในจังหวัดชายแดนอีสานใต้ ที่ได้รับผลกระทบจากการสู้รบ และเป็นรัฐบาลใหม่จำเป็นต้องลงไปสร้างความเชื่อมั่นแก่ประชาชน ส่วนกรณีน้ำท่วมนายกฯลงพื้นที่ด้วยตัวเองที่ จ.พระนคร ศรีอยุธยา จากนั้นมอบหมายให้รัฐมนตรีหลายกระทรวงลงพื้นที่ และยังแต่งตั้งคณะกรรมการอำนวยการและบริหารสถานการณ์ภัยพิบัติทางธรรมชาติ (คอภ.) ที่จะประชุมกันวันที่ 6 ต.ค. ก่อนลงพื้นที่อีกครั้งเร็วๆนี้ ไม่ควรเอาสถานการณ์น้ำท่วมมาโจมตีทางการเมือง เพราะทั้งน้ำท่วมกับปัญหาชายแดน สำคัญเหมือนๆกัน รัฐบาลพยายามแก้ไขปัญหาไปพร้อมกัน ไม่อาจละทิ้งปัญหาใดปัญหาหนึ่งได้“บ้านรัตนเศรษฐ” ซบภูมิใจไทยผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในงานวันเกิดนายเนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เมื่อวันที่ 4 ต.ค.ที่ผ่านมา ปรากฏภาพนายทวิรัฐ รัตนเศรษฐ อดีต สส.นครราชสีมา และนายตติรัฐ รัตนเศรษฐ อดีตข้าราชการการเมือง ลูกชายนายวิรัช รัตนเศรษฐ อดีตรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ พร้อมนางทัศนียา รัตนเศรษฐ อดีต สส.นครราชสีมา สวมเสื้อฟุตบอลทีมบุรีรัมย์เข้าร่วมงาน ส่วนนายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ อดีต รมช.คมนาคม ลูกชายคนโต ไม่ได้เดินทางมาด้วย โดยนายทวิรัฐและนายตติรัฐ เตรียมสมัครเป็นสมาชิกพรรคภูมิใจไทยในสัปดาห์หน้า“เบน สมิท” สั่งฟ้อง “โรม” 100 ล้านวันเดียวกัน นายธนดล สุวัณณะฤทธิ์ โพสต์เฟซบุ๊กแจ้งถึงสื่อมวลชนร่วมทำข่าวในวันที่ 6 ต.ค.เวลา 10.30 น. ที่ศาลอาญารัชดา หลังได้รับมอบอำนาจจากนายเบน สมิท (Benjamin Mauerberger) ให้ยื่นฟ้องร้องดำเนินคดีกับนายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในข้อหาหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา พร้อมฟ้องเรียกร้องค่าเสียหายทางแพ่งเป็นจำนวนเงิน 100 ล้านบาท นายธนดลระบุว่า จะแถลงข่าวแสดงหลักฐานต่อสื่อมวลชน ก่อนหน้านี้นายเบน สมิธ ถูกนายรังสิมันต์อภิปรายพาดพิงถึงความสัมพันธ์กับนักการเมืองไทย กล่าวหาว่ามีความเกี่ยวข้องกับแก๊งสแกมเมอร์และธุรกิจสีเทา เมื่อวันที่ 2 ต.ค.ที่ผ่านมา นายเบน สมิท ออกแถลงการณ์อย่างเป็นทางการปฏิเสธข้อกล่าวหาทั้งหมด ยืนยันว่าไม่เคยทำผิดอาญาไม่เกี่ยวข้องกับการฟอกเงิน หรือแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ข่าวดังกล่าวทำให้ตนเองและธุรกิจได้รับความเสียหาย พร้อมประกาศดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องหากไม่หยุดคุกคามกมธ.มั่นคงดับเครื่องชนแก๊งคอลผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติ และการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน เป็นประธาน ได้นัดประชุม กมธ. วันที่ 9 ต.ค. เพื่อพิจารณาศึกษาใน 3 ประเด็น คือ 1.ศึกษาและติดตามปัญหาการฟอกเงินของกลุ่มทุนกัมพูชาที่เชื่อมโยงกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในไทย ในกรณีนายเบนจามิน เมาเออร์เบอร์เกอร์ หรือเบน สมิธ ที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศ และกรณีปัญหาการก่อสร้างอาคารของแก๊งสแกมเมอร์รุกล้ำชายแดนไทยในพื้นที่ จ.ตราด 2.ศึกษาปัญหาการฟอกเงินของกลุ่มทุนกัมพูชาที่เชื่อมโยงกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในไทย กรณีของนายเบน สมิธ และแนวทางการสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนในการแก้ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์และความมั่นคงของประเทศ 3.ศึกษาแนวนโยบายและการสร้างความมั่นใจต่อการแก้ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์และสแกมเมอร์ รวมถึงเว็บไซต์ผิดกฎหมาย กรณีที่นายไชยชนก ชิดชอบ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กล่าวอ้างว่ามีบุคคลเสนอให้ผลประโยชน์เป็นเงินเดือนเดือนละ 40 ล้านบาท แลกกับการไม่ดำเนินคดีกับแก๊ง คอลเซ็นเตอร์ สแกมเมอร์ รวมถึงเว็บไซต์ผิดกฎหมาย และ กมธ.เตรียมเชิญนายไชยชนกเข้าให้ข้อมูลด้วย“โรม” จับไต๋ใช้ทีมงาน “ธรรมนัส”ที่ภูมะเขือ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ นายรังสิมันต์ โรม รองหัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) ประธาน กมธ.ความมั่นคงแห่งรัฐฯ นำคณะลงพื้นที่ภูมะเขือ จุดยุทธศาสตร์ไทย-กัมพูชา ให้สัมภาษณ์ว่าอยากฝากนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกฯ อยากเห็นความชัดเจนเรื่องการจัดการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เพราะมีตัวละครสำคัญเข้ามาอยู่ในประเทศไทย รัฐบาลต้องจัดการคนพวกนี้อย่างรวดเร็ว ไม่เช่นนั้นประชาชนจะเอาเรื่องนี้ไปตำหนิได้ เรื่องนี้ กมธ.เริ่มมีข้อมูลที่ปรากฏชัดเจนว่าตัวละครสำคัญอาจเข้าไปเกี่ยวข้องกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ นายอนุทินต้องสั่งการให้นำไปสู่การตรวจสอบเส้นทางการเงิน หากเงินเหล่านี้ไม่รู้ที่มาที่ไปเป็นเงินสีเทาสีดำถือเป็นเรื่องอันตราย ส่วนกรณีที่นายเบนจามิน สมิธ เตรียมยื่นฟ้องดำเนินคดีข้อหาหมิ่นประมาท พร้อมเรียกค่าเสียหายทางแพ่ง 100 ล้านบาทนั้น ไม่ได้กังวลอะไร เรื่องในศาลปล่อยให้เป็นไปตามหน้าที่ เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องส่วนตัว วันนี้เราต้องรักษาผลประโยชน์ชาติ คาดหวังว่ารัฐบาลจะทำเรื่องนี้จริงจัง แก๊งคอลเซ็นเตอร์เข้าไปถึงอำนาจรัฐอย่างไร เกี่ยวข้องกับบุคคลสำคัญต่างๆอย่างไร แต่แปลกใจว่าทำไมถึงใช้คณะของนายธนดล สุวัณณะฤทธิ์ ซึ่งเป็นคณะทำงานของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกฯ และ รมว.เกษตรและสหกรณ์ แต่บอกว่าไม่รู้จักกันเป็นการส่วนตัว ก็แปลกดีหลังแถลงนโยบายรัฐบาลแต้มตกด้านสวนดุสิตโพลเปิดผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนทั่วประเทศ จำนวน 1,149 คน เรื่อง “นโยบายเร่งด่วนรัฐบาลอนุทิน” ระหว่างวันที่ 1-3 ต.ค. พบว่านโยบายที่คาดหวังมากที่สุด ร้อยละ 59.36 คือด้านเศรษฐกิจ สร้างรายได้ ลดรายจ่าย รองลงมาร้อยละ 20.45 ด้านความมั่นคง ทั้งนี้ ร้อยละ 57.96 มองว่านโยบายรัฐบาลอนุทินแตกต่างจากรัฐบาลชุดที่ผ่านมาอยู่บ้าง ขณะที่ร้อยละ 43.78 ระบุหลังจากแถลงนโยบาย ประชาชนรู้สึกไม่ค่อยเชื่อมั่นรัฐบาล และร้อยละ 42.12 ค่อนข้างเชื่อมั่น สิ่งที่อยากฝากบอกรัฐบาลอนุทิน ร้อยละ 31.33 อยากเห็นผลงานการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ปากท้อง ค่าครองชีพคนหนุนประชามติเลิก MOU 2 ฉบับขณะที่นิด้าโพลเปิดผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป กระจายทุกภูมิภาค ระดับการศึกษา อาชีพ และรายได้ทั่วประเทศ รวมทั้งสิ้น 1,310 หน่วยตัวอย่าง เรื่อง “จะทำประชามติแล้ว...เข้าใจ MOU 43 และ MOU 44 หรือยัง” ระหว่างวันที่ 1-2 ต.ค. เกี่ยวกับความเข้าใจของประชาชนต่อ MOU 43 และ MOU 44 ก่อนการทำประชามติ พบว่าส่วนใหญ่ร้อยละ 44.12 ยังไม่เข้าใจเลย ร้อยละ 24.96 ระบุว่าไม่ค่อยเข้าใจ ร้อยละ 23.13 บอกค่อนข้างเข้าใจ มีแค่ร้อยละ 7.79% ที่เข้าใจมาก นอกจากนี้ร้อยละ 65.50 ยังต้องการทำความเข้าใจ MOU 43 และ MOU 44 ให้ชัดเจนมากขึ้น เมื่อถามถึงการทำประชามติเรื่องการยกเลิก MOU 43 และ MOU 44 พบว่าร้อยละ 60.76 เห็นด้วยให้ทำประชามติ มีร้อยละ 20.92 ที่ไม่เห็นด้วยกมธ.เรียก “สีหศักดิ์” แจงเหตุผลน.ส.สรัสนันท์ อรรณนพพร สส.ขอนแก่น พรรคเพื่อไทย ประธานคณะกรรมาธิการต่างประเทศ สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงการเตรียมทำประชามติรับฟังความเห็นประชาชนยกเลิก MOU 43 และ MOU 44 ว่า เป็นเรื่องรายละเอียดซับซ้อนเกี่ยวกับความมั่นคงชาติ ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ การโยนให้ประชาชนทำประชามติไม่ใช่หนทางให้ประเทศได้ผลประโยชน์ดีสุด MOU ทั้ง 2 ฉบับเป็นกรอบกติกาที่ 2 ประเทศต้องปฏิบัติตามหากไม่มีกติกานี้ ไม่มีอะไรการันตีว่าข้อพิพาทจะนำไปสู่ความรุนแรงหรือไม่ หากไม่มีเอ็มโอยูจะเข้าทางฝ่ายที่ต้องการนำเรื่องขึ้นสู่เวทีโลก ความขัดแย้งอาจลามเป็นสมรภูมิย่อย เปิดให้ประเทศที่ 3 มาใช้เป็นสงครามตัวแทน และยังเสียงบประมาณโดยใช่เหตุ เรื่องนี้ทั้งนายกฯ ครม. กระทรวงการต่างประเทศตัดสินใจได้เอง ไม่ต้องโยนภาระไปให้ประชาชน กมธ.จึงเชิญนายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รมว.ต่างประเทศ มาให้ข้อมูลแล้ว ท้ายที่สุดความขัดแย้งต้องจบบนโต๊ะเจรจาเพื่อไทยติงอย่าใช้อารมณ์นำเหตุผลน.ส.ขัตติยา สวัสดิผล รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ที่รัฐบาลจะทำประชามติยกเลิก MOU 43- MOU 44 อาจเป็นการผลักภาระให้ประชาชน เรื่องนี้รัฐบาลตัดสินใจเองได้ในฐานะฝ่ายบริหาร และควรชี้แจงเหตุผลให้ชัดเจน เรื่องนี้เป็นพันธกรณีระหว่างประเทศ มีความซับซ้อน ต้องใช้ข้อเท็จจริงความเข้าใจกฎหมายระหว่างประเทศประกอบค่อนข้างมาก ไม่ใช่ความเห็นเชิงอารมณ์ การจะยกเลิกโดยไม่ให้เหตุผลชัดเจน อาจทำให้ไทยเสียความน่าเชื่อถือในเวทีโลก รัฐบาลนี้ดูเหมือนหวังผลความนิยมทางการเมืองมากกว่ามองประโยชน์ชาติระยะยาว อยากตั้งคำถามถึงนายกฯว่าได้หารือ รมว.ต่างประเทศหรือยัง ขอให้นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รมว.ต่างประเทศ แสดงจุดยืนให้ชัดเจน หากรัฐบาลต้องการยกเลิก MOU ทั้ง 2 ฉบับจริง จะแก้ปัญหาขัดแย้งเขตแดนกับกัมพูชาอย่างไรอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่