โฟกัสไปข้างหน้า...ใครๆ ก็คงอยากรู้ไม่ต่างกัน ว่าหลังเลือกตั้งแล้วใครจะเป็นนายกรัฐมนตรี พรรคไหนจะชนะเลือกตั้ง ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะถือว่าเป็นอนาคตของประเทศที่ทุกคนต้องเตรียมใจรับ หรือทำให้การตัดสินใจ “กาบัตร” ง่ายเข้าแน่นอนว่าโฟกัสเรื่องนี้ก็ต้องมองไปที่ “อนุทิน ชาญวีรกูล” นายกรัฐมนตรี ที่กำลังเนื้อหอม บรรดานักการเมืองต่างพรรคแต่พวกเดียวกันแห่ไปขอพึ่งใบบุญสังกัดพรรคเดียวกันยิ่งที่บุรีรัมย์จัดงานวันเกิด “เนวิน ชิดชอบ” ครูใหญ่แห่งค่ายน้ำเงิน ผู้มากบารมี ผู้คนจึงไปร่วมงานกันคับคั่งไม่ใช่แค่นักการเมืองเท่านั้น!ใครต่อใครมากหน้าหลายตาก็มุ่งไปที่นั่นเพราะบารมีแก่กล้ามากขึ้นเท่าทวีคูณ เนื่องจาก “เสี่ยหนู” ศิษย์เอกได้เป็นนายกรัฐมนตรี อย่างที่ทำนายไว้ก็ยิ่งเสริมส่งเต็มพิกัด!ปีนี้มาแบบเดิมๆคือขอให้ “อนุทิน” เป็นนายกรัฐมนตรีอีก 4 ปีพูดง่ายๆว่าเกทับผู้มากบารมีที่มีอันต้องไปอยู่ในคุก ทำให้ “เพื่อไทย” เหี่ยวลีบลงไปตามสภาพที่เป็นจริงการจะบอกว่าใครจะเป็นนายกรัฐมนตรี พรรคไหนจะชนะ เลือกตั้งก็ต้องอยู่บนสมมติฐานอันนี้ด้วยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เซียนการเมืองก็เลยฟันธงไปเลยว่า“ประชาชน” จะมาอันดับ 1“ภูมิใจไทย” อันดับ 2แต่อันดับ 3 ยังไม่แน่ใจ เพราะค่อนข้างจะเบียดกันอยู่ต้องรอให้ใกล้ๆเลือกตั้งเพื่อดูความพร้อมของแต่ละพรรคว่าก่อนเลือกตั้งนั้นแต่งตัวด้วยรูปโฉมโนมพรรณที่น่าจะแตะต้องหรือไม่?ก็ต้องถ่างตาแลไปที่ “เพื่อไทย”-“กล้าธรรม” 2 พรรคนี้ น่าจะบดกันที่สุด“ประชาธิปัตย์” พรรคเก่าแก่แม้จะทรุดไปบ้าง แต่ถ้าปรับปรุงเปิดตัวผู้นำและทีมงานชุดใหม่หวังว่าภาพลักษณ์ดีขึ้นเพื่อเป็น “เสาหลัก” การเมืองแต่ก็คงได้แค่ประคองตัวจากการฟื้นคืนชีพเท่านั้นคงไม่หวือหวาพุ่งขึ้นอยู่ในระดับต้นๆได้พูดไปได้แค่นี้ก็ดีถมไปแล้ว!ส่วน 2 พรรคลุงนั้น ก็เป็นไปตามกฎอนิจจัง มีเกิดก็ต้อง มีดับ เพราะเป็นพรรคเฉพาะกิจที่นำมาใช้ เพื่อเสริมอำนาจเท่านั้นไม่มีโอกาสเป็นพรรคที่ยืนยงได้ยิ่งการเมืองในยุคประชาธิปไตยเต็มใบมากขึ้นก็ยิ่งถึงเวลา ที่ต้องบอกว่า “พอกันที” กับการได้อำนาจในรูปแบบเดิมๆพูดง่ายๆคือ หมดยุคหมดสมัยแล้วประเด็นที่น่าสนใจก็คือ “อนุทิน” ที่มุ่งหวังจะต่ออายุตัวเองจาก 4 เดือน เป็น 4 ปีนั้น จะต้องเร่งสร้างผลงานและความเชื่อมั่นจากประชาชนว่าเขาจะนำพาประเทศเดินไปข้างหน้าได้แค่ไหนนี่คือจุดสำคัญที่ไม่ใช่เรื่องโชคชะตาพาไปแต่เป็นเรื่องทางวิทยาศาสตร์ที่จับต้องได้มากกว่า!"สายล่อฟ้า"คลิกอ่านคอลัมน์ “กล้าได้กล้าเสีย” เพิ่มเติม