ประเด็นสนามกอล์ฟปากช่อง เขาใหญ่ ที่คุณอนุทิน ชาญวีรกูล ฉุนขาด ถึงขั้นประกาศ “ลงบัญชี” จะ “คิดดอกทบต้น” เอาคืน ทำเอา คอการเมืองตื่นเต้น บวกลบคูณหาร ทั้งดอกทั้งต้นเท่าไหร่?เรารู้จัก “ดอกเบี้ย” กันมานาน แต่ไม่มีใครสักกะคนคิดแบบศรีธนญชัย “เบี้ย” ที่เราเห็นๆกัน มันก็ “หอย” แล้วมีเหตุอัศจรรย์อันใด ทำให้เปลือกหอยแห้งๆเกิดมีดอกขึ้นมาได้นอกจากไม่สงสัย คนไทยยังใช้คำ “ดอกเบี้ย” อย่างคุ้นเคยในสำนวนต่างๆใน “เกร็ดภาษาหนังสือไทย เล่ม 1” (พิมพ์คำ สำนักพิมพ์ พิมพ์ครั้ง ที่ 7 พ.ศ.2553) ส.พลายน้อย แจกแจงไว้มากมาย เช่น สิบเบี้ยใกล้มือ ซึ่งหมายความว่า อะไรก็ตามที่พอจะได้แน่ๆ ถึงแม้จะน้อยก็ให้เอาไว้ก่อนอีกสำนวนหนึ่ง วันนี้ก็ยังมีคนพูดกันอยู่ เมื่อทำอะไรไม่น่าดู “ขายหน้าวันละห้าเบี้ย”ในบทเด็กเล่นสมัยโบราณ “รีรีข้าวสาร สองทะนานข้าวเปลือก เลือกท้องใบลาน เก็บเบี้ยใต้ถุนร้าน พานเอาคนข้างหลังไว้” สำนวน “เก็บเบี้ยใต้ถุนร้าน” หมายความว่า เก็บเล็กผสมน้อย รวบรวมที่กระจัดกระจายอยู่มาไว้ สำนวนนี้ทำให้เห็นความเป็นอยู่ของสังคมไทยโบราณ คือ ร้านรวงที่ขายของแต่ก่อนนั้น มักจะทำเป็นแคร่ยกพื้นให้สูงจากดินราวศอกหนึ่งหรือสองศอก พื้นร้านก็ใช้ฟากที่ทำด้วยไม้ไผ่ ซึ่งย่อมจะมีช่องพอที่เบี้ยจะหล่นลงไปได้การพูดอะไรที่จะเป็นผลเสียหายหรือไม่ได้ประโยชน์ คนโบราณก็จะพูดกันว่า “พูดไปสองไพเบี้ย นิ่งเสียตำลึงทอง” หรือจะพูดเป็นการถ่อมตัว เป็นการเจียมตัวก็จะพูดว่า “เบี้ยน้อยหอยน้อย”ถ้าต้องเสียอะไรหยุมหยิมก็ว่า “เบี้ยบ้ายรายทาง”ในสมัยพระเพทราชา มีคำว่า “เบี้ยไร” หมายถึงเงินที่บอกบุญเรี่ยไรมาได้ภาษาที่ใช้ในราชการที่มีคำว่าเบี้ย ก็มีอยู่หลายคำ เช่น เบี้ยหวัด เป็นเงินที่ให้บำเหน็จแก่ข้าราชการเป็นรายปี ซึ่งมักจะเรียกติดกันว่า เบี้ยหวัดเงินปีนอกจากนี้ก็มีคำว่า “เบี้ยเลี้ยง” คือเงินเพิ่มให้เป็นค่าอาหาร “เบี้ยปรับ” คือเงินที่ศาลเรียกจากผู้แพ้คดี “เบี้ยบำนาญ” คือเงินที่ให้บำนาญตามชอบส.พลายน้อย ขอกล่าวถึงคำที่เคยใช้ในราชการ แต่ในพจนานุกรมไม่กล่าวถึงสองคำเบี้ยกันดาร หมายถึงเงินที่เพิ่มให้แก่ข้าราชการ นอกจากเงินเดือน คำนี้เห็นจะมีตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 คือข้าราชการที่ไปปฏิบัติราชการในท้องถิ่นที่มีอาหารการกินแพง และท้องที่นั้นมีโรคภัยไข้เจ็บชุกชุม“เบี้ยภาษา” คำนี้สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพทรงคิดขึ้น ในสมัยรัชกาลที่ 5 ข้าราชการมณฑลปัตตานี ได้รับเบี้ยเลี้ยงกันดารเป็นประจำ ต่อมาทรงเห็นว่าในบางท้องที่ที่ไม่กันดาร ค่าใช้จ่ายไม่สูงและไม่มีโรคภัย จนถึงสมควรได้รับพระราชทานเบี้ยกันดาร จึงได้ทรงคิดเบี้ยภาษาขึ้นแทนยังมีสำนวนที่ไม่เกี่ยวกับเงินตรา “เบี้ยคว่ำเบี้ยหงาย” สำนวนนี้ได้จากหมากรุกคือเบี้ยหงายมีสิทธิ์ที่จะกินหรือรุกไล่หมากตัวอื่นได้มากกว่าเบี้ยคว่ำ จึงมีความหมายว่า เมื่อยังเป็นเบี้ยคว่ำ ก็ยังคงอยู่ในฐานะที่ต่ำกว่า คืออย่าเพิ่งคิดไปต่อล้อต่อเถียงฝ่ายที่เป็นเบี้ยหงาย คือมีฐานะสูงกว่าได้ความรู้เรื่อง “ดอกเบี้ย” มาถึงตอนนี้ก็มีช่องทางให้คิดต่อได้ ดอกทบต้นที่คุณอนุทินจดลงในบัญชี น่าจะมีตัวเลขสูงน่ากลัวทีเดียวโดยตัวเลข สส.พรรคภูมิใจไทยเป็นรอง แต่ยังมีตัวเลข สว.ต่อรอง จนทำท่าจะได้แต้มต่อพอๆกัน ที่เคย “เดิน” แบบเบี้ยคว่ำอยู่นั้นตอนนี้ถึงตอนเดินแบบเบี้ยหงาย คอการเมืองวิตกจริตไปถึงขั้น งานนี้ ถึงยุบสภาแต่คนแก่อย่างผมมองว่า เรื่องสนามกอล์ฟก็จิ๊บๆแค่ “ขายหน้าห้าเบี้ย” ประเดี๋ยวประด๋าวเขาก็เคลียร์กันได้ ถึงยังไง!ก็เป็นรัฐบาลด้วยกันอดทนกันไป ทำมาหากินกันไป ส่วนชาวบ้านจะอดอยากปากแห้งแค่ไหน เอาไว้ทีหลังก็แล้วกัน.กิเลน ประลองเชิงคลิกอ่านคอลัมน์ “ชักธงรบ” เพิ่มเติม