TBC ไทยร่วมประชุมกับเมียนมา เตรียมรับคนที่ได้รับการช่วยเหลือจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์จากเมียวดีใช้สะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา แห่งที่ 2 เป็นจุดรับส่ง พร้อมเปิด 3 ขั้นตอนการรับตัว คาดรองรับได้วันละ 500 คน ขณะที่ทางการเมียนมากวาดล้างแก๊งหลอกออนไลน์-บ่อนพนันในท่าขี้เหล็ก ติด อ.แม่สาย พบส่วนใหญ่นายทุนเป็นคนจีน ส่วน “โรม” กระทุ้งขออย่าหยุดจนกว่าคนไทยจะปลอดภัยจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ชี้ช่องอาจมีมากกว่าที่คิดพร้อมแพลมชื่อ “เฮียตือ” สตาร์คอมเพล็กซ์ ที่ยังไม่มีใครเข้าไปแตะต้อง ด้าน บช.สอท.ชี้หลังไทยกดดันหนักส่งผล คดีอาชญากรรมออนไลน์ลดลงจากที่รับแจ้งความ 1,200 คดีต่อวัน ล่าสุดเหลือ 800 กว่าคดีหลังจากกองกำลังกะเหรี่ยง BGF ที่ดูแลพื้นที่จังหวัดเมียวดี ประเทศเมียนมา ออกปราบปรามกลุ่มจีนเทา แก๊งคอลเซ็นเตอร์และค้ามนุษย์ สามารถช่วยเหยื่อได้จำนวนมากและเตรียมส่งให้ไทย เพื่อส่งกลับประเทศตัวเอง ต่อมาเมื่อวันที่ 15 ก.พ. เวลา 11.00 น. ที่ห้องประชุม หน่วยเฉพาะกิจราชมนู อ.แม่สอด จ.ตาก มีการประชุมร่วมกันระหว่างคณะกรรมการชายแดนส่วนท้องถิ่นไทย-เมียนมา (TBC) เพื่อประสานการเตรียมการช่วยเหลือบุคคลต่างชาติที่ถูกหลอกลวงและค้ามนุษย์เดินทางกลับประเทศผ่านประเทศไทย โดยฝ่ายเมียนมามีพันตรีซอฮันอู ประธานคณะกรรมการชายแดนไทย-เมียนมาส่วนท้องถิ่นแม่สอด เมียวดี TBC พร้อมด้วยนายอูตาน หน่าย นายอำเภอเมียวดี นายอู ติ่น อ่องวิน ตรวจคนเข้าเมืองเมียวดี นายอู อ่อง หน่าย หัวหน้าตำรวจเมียวดี และคณะ ร่วมประชุมส่วนฝ่ายประเทศไทยมี พล.ต.ไมตรี ชูปรีชา ผู้บัญชาการกองกำลังนเรศวร และพันเอกณัฐกร เรือนติ๊บ ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจราชมนู อ.แม่สอด ในฐานะประธาน TBC นายสัญญา เพชรเศษ นายอำเภอแม่สอด นายศุภวัฒน์ ศรีชัยชนะ ผู้กำกับ ตชด.34 รักษาราชการแทนผู้กำกับการ สภ.แม่สอด พร้อมเจ้าหน้าที่ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ให้การต้อนรับ และเข้าประชุม เพื่อช่วยเหลือเหยื่อที่ล่าสุดมีประมาณ 7,000 คนพล.ต.ไมตรี ชูปรีชา ผู้บัญชาการกองกำลังนเรศวร TBC ฝ่ายไทย กล่าวว่า เป็นโอกาสดีที่ได้มีโอกาสพูดคุยกับ TBC ฝ่ายเมียนมาอย่างเป็นทางการ หลังจากรัฐบาลไทยตัดไฟฟ้า น้ำมัน สัญญาณอินเตอร์เน็ต ซึ่งสะท้อนออกมาว่าทางฝั่งเมียนมาเริ่มมีปฏิบัติการในการช่วยเหลือเหยื่อการค้ามนุษย์ให้เห็นอย่างชัดเจน มาจนถึงวันนี้ได้ประสานความร่วมมือ ผลการประชุมวันนี้เป็นผลที่ดีต่อการเกื้อกูลในการปฏิบัติต่อไปในอนาคต ช่วยเหลือเหยื่อการค้ามนุษย์ การช่วยเหลืออยู่บนพื้นฐานหลักการสำคัญคือ การปฏิบัติอย่างเป็นทางการโดยผ่านกระบวนการ ท้องถิ่น หรือ TBC อีกหนึ่งหลักการคือภายใต้การสั่งการของศูนย์สั่งการชายแดน จ.ตาก ด้าน จ.เมียวดี มีผู้ว่าราชการ จ.ตาก เป็นผู้ควบคุม หลักการที่สำคัญคือหลักการกลไกการส่งต่อระดับชาติ National Referral Mechanism-NRM ให้เป็นหลักในการดำเนินการร่วม จะต้องเป็นสถานการณ์ที่สามารถควบคุมได้ ให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยพล.ต.ไมตรีกล่าวอีกว่า ส่วน TBC ฝ่ายเมียนมา ได้แจ้งในที่ประชุมเห็นดีด้วยกับการนำเสนอของ TBC ฝั่งไทย แต่ยังไม่สามารถทราบจำนวนเหยื่อการค้ามนุษย์ที่แน่นอนได้ ทั้งการเจ็บป่วย เชื้อชาติ ชนชาติต่างๆต้องรอรายละเอียดการคัดกรองจากฝั่งเมียนมา ทางฝ่ายไทยสามารถรองรับได้น่าจะประมาณ 500 คน/วัน ส่วนขั้นตอนการรับคนเหล่านี้มี 3 ขั้นตอน เริ่มจากการเตรียมรายชื่อและข้อมูลของผู้เสียหาย โดยฝ่ายเมียนมารวบรวมรายชื่อของบุคคลที่ต้องการเดินทางกลับประเทศ พร้อมรายละเอียด ได้แก่ สัญชาติ เพศ รูปถ่าย สถานะเอกสารการเดินทาง มีหนังสือเดินทางหรือไม่ แล้ว จัดส่งข้อมูลดังกล่าวให้ฝ่ายไทยล่วงหน้า 3-5 วัน ขั้นตอนต่อมา การจัดลำดับความสำคัญของการส่งตัว โดยให้ความสำคัญกับประเทศที่มีศักยภาพในการรับเหยื่อกลับให้อยู่ในอันดับแรก สำหรับบางประเทศที่สถานทูตหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังไม่พร้อมรับกลับ ขอให้จัดลำดับการส่งตัวไว้ในลำดับถัดไป ขั้นตอนสุดท้ายคือพื้นที่และกระบวนการรับส่งตัวบุคคล ขอให้ใช้พื้นที่ สะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา แห่งที่ 2 เป็นจุดรับส่งบุคคลที่ต้องการเดินทางกลับนอกจากนี้ ตลอดวันที่ 15 ก.พ. ฉก.ราชมนู จ.ตาก จับกุมผู้กระทำผิดได้สองจุดขณะออกลาดตระเวนเฝ้าระวังตามแนวชายแดนไทย-เมียนมา จุดแรกที่ บริเวณสะพานมิตรภาพ (ไทย-พม่า) แห่งที่ 1 ช่วงเวลาเข้าสู่วันที่ 15 ก.พ. กองร้อยเครื่องยิงหนัก ฉก.ราชมนู พบกลุ่มคนเดินถือกระเป๋าเสื้อผ้าหิ้วถุงน้ำอยู่บริเวณบ้านริมเมย หมู่ที่ 2 ต.ท่าสายลวด อ.แม่สอด จึงเข้าตรวจสอบกลุ่มบุคคลดังกล่าว พบเป็นชาวเมียนมา 23 คน เป็นผู้ชาย 13 คน ผู้หญิง 10 คน จากการสอบสวนทราบว่าอาศัยอยู่ชายแดนเมียนมานัดกันเดินลัดเลาะลักลอบเดินข้ามแม่น้ำเมยมา จะมีคนคอยรับเพื่อไปทำงานในกรุงเทพฯ หน่วยจึงได้ควบคุมตัวส่ง สภ.แม่สอด ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป ขณะที่ทหาร ฉก.ราชมนู กองกำลังนเรศวร กำลังลาดตระเวนและเฝ้าตรวจบริเวณช่องทางบ่อนาทะ ม.9 ต.แม่จัน อ.อุ้มผาง พบถังน้ำมันเหล็กสีน้ำเงินขนาด 200 ลิตร จำนวน 10 ถัง ภายในบรรจุน้ำมันดีเซล ซุกซ่อนไว้ในป่าบริเวณริมแม่น้ำเมย เจ้าหน้าที่ยึดเพื่อตรวจสอบต่อไปขณะเดียวกันมีรายงานจากสื่อใน จ.ท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมาด้วยว่า เมื่อช่วงวันที่ 12-14 ก.พ.ที่ผ่านมา ทางการเมียนมาได้จับบ่อนการพนันออนไลน์และฉ้อโกงออนไลน์ ในเขตสันทราย เมืองท่าขี้เหล็ก ชายแดนเมียนมา-ไทย ตรงข้าม อ.แม่สาย จ.เชียงราย มีผู้ถูกจับกุมรวม 29 คน เป็นคนไทย 7 คน ชาวเมียนมา 22 คน โดยชุดแรกเข้าจับกุมเมื่อวันที่ 12 ก.พ.เป็นผู้ประกอบกิจการการพนันออนไลน์ในอาคารที่คนไทยเป็นผู้เช่า บริเวณบ้านสันทราย เป็นชาย 11 ราย และหญิง 5 ราย ยึดคอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือ รถยนต์ไม่มีใบอนุญาต 2 คัน ต่อมาวันที่ 13 ก.พ. มีการบุกค้นบ้านแห่งหนึ่งบนถนนทาซิน อยู่ใกล้ที่ว่าการแขวงสันทราย จับกุมคนในบ้านได้ 13 คน เป็นคนไทย 7 คน นอกนั้นเป็นชาวเมียนมา พร้อมของกลางคอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือ ยาต้มใบฝิ่น 10 ขวด และยาแก้ไอ 30 ขวด ธุรกิจการพนันออนไลน์ที่ถูกจับกุมทั้งหมดดำเนินการโดยชายชื่อ Wei San และเมียชื่อ Yang Kue อาศัยอยู่ใน จ.เชียงใหม่ และพนันออนไลน์ในเมืองท่าขี้เหล็ก ผู้ประกอบการส่วนใหญ่เป็นชาวจีน รวมทั้งคนไทยที่ไปจาก อ.แม่สายทั้งนี้ การจับกุมในเขตสันทรายเริ่มขึ้นมาตั้งแต่วันที่ 7 ก.พ. หลังจากทางการเมียนมาได้แจ้งล่วงหน้าให้จับกุมเว็บไซต์การพนันออนไลน์ รวมถึงในโรงแรมขนาดใหญ่ในท่าขี้เหล็ก เนื่องจากได้รับแรงกดดันจากไทยสั่งตัดไฟฟ้า ห้ามส่งน้ำมันไปเมียนมาทุกชายแดน เพื่อปราบปรามแก๊งฟอกเงินคอลเซ็นเตอร์ สแกมเมอร์ การพนันออนไลน์ด้าน พล.ต.ธนาธิป สว่างเเสง โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยผลการประชุมหารือร่วมของนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม กับ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โดยมี พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม พล.อ.สนิธชนก สังขจันทร์ ปลัดกระทรวงกลาโหม และผู้นำเหล่าทัพทั้งหมด ร่วมประชุม ที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อหารือถึงการเสริมสร้างความมั่นคงและความปลอดภัยของพี่น้องประชาชน โดยเฉพาะการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ การค้ามนุษย์ และปัญหายาเสพติด ว่าในที่ประชุมมีการพูดคุยถึงแนวทางการบูรณาการกำลังพลและทรัพยากรของกองทัพ เพื่อสนับสนุนมาตรการของรัฐบาล ซึ่งที่ผ่านมามาตรการการตัดเส้นทางลำเลียงน้ำมันเชื้อเพลิง-ตัดไฟ-สัญญาณอินเตอร์เน็ต ถือเป็นมาตรการที่เด็ดขาดและได้ผล นายกรัฐมนตรีได้ขอเร่งรัดคณะกรรมการนโยบายด้านชายแดนให้ขยายแผนการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ และขอให้รายงานกลับมาอีกครั้งในเวลา 1 เดือน การดำเนินการดังกล่าวทำให้การก่ออาชญากรรมทางไซเบอร์ การพนันผิดกฎหมาย การหลอกลวงทางคอลเซ็นเตอร์ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งเป็นผลมาจากความร่วมมือของประเทศเพื่อนบ้านที่มีนโยบายที่เด็ดขาดต่อกลุ่มอาชญากรรมโฆษกกระทรวงกลาโหมยังระบุด้วยว่า รองนายกฯและ รมว.กลาโหม ได้กล่าวเพิ่มเติมว่ากระทรวงกลาโหมพร้อมสนับสนุนมาตรการรัฐบาลในการแก้ไขการก่ออาชญากรรมข้ามชาติ รวมถึงการประสานความร่วมมือขยายแผนการทำงานของคณะกรรมการนโยบายด้านชายแดน เพื่อปิดช่องโหว่ของขบวนการอาชญากรรมข้ามชาติให้หมดไป โดยจะทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด เพื่อสร้างสังคมที่ปลอดภัยสำหรับคนไทยทุกคน ส่วนการส่งตัวบุคคลต่างชาติที่ถูกหลอกลวงและค้ามนุษย์กลับไปยังประเทศต้นทาง ที่ผ่านมาได้รับความร่วมมือที่ดีจากทุกฝ่าย รวมถึงกองกำลังป้องกันชายแดน ซึ่งคนเหล่านี้จะเข้าสู่กระบวนการตามขั้นตอน พร้อมมีการซักถามประวัติรายละเอียดต่างๆ เพื่อบันทึกจัดทำเป็นฐานข้อมูลในไปสู่การแก้ปัญหาในระยะยาวต่อไปขณะเดียวกัน นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) โพสต์เฟซบุ๊กระบุ “อย่าหยุดจนกว่าคนไทยจะปลอดภัยจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์” พร้อมเเชร์ข้อความที่ตนเองโพสต์ผ่านแพลตฟอร์มเอ็กซ์ เกี่ยวกับเรื่องปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ว่า ชเวก๊กโกมีขนาดใหญ่มาก พื้นที่มากกว่าหมื่นไร่อาจมีคนที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมในคอลเซ็นเตอร์มากถึงแสนคน การช่วยคนวันละหลักร้อยพันนับว่ายังไม่เพียงพอกับความเป็นจริง ในเมียวดียังมีแหล่งสแกมเมอร์ขนาดใหญ่ในจุดอื่นๆอีกด้วย ที่ตกลงยังไม่รู้ว่าจะเอาอย่างไร ต้องไม่ลืมว่าเงินที่ได้จากการหลอกลวงผู้คนทั่วโลกมากมายมหาศาล เราจะแน่ใจได้อย่างไรว่า BGF ของหม่องชิตตู่ จะเลิกยุ่งเกี่ยวแล้วจริงๆ ยิ่งไปกว่านั้น ยังน่าเชื่ออีกว่าแก๊งคอลเซ็นเตอร์น่าจะขยายไปยังบรรดากาสิโนรายอื่นๆอีกด้วย (ซึ่งเป็นของคนไทย) เช่น เมียวดีคอมเพล็กซ์ หรือไม่แน่อาจจะรวมถึงของ “เฮียตือ” ที่ชื่อสตาร์คอมเพล็กซ์อีกด้วย ซึ่งจนถึงตอนนี้ยังไม่เห็นใครเข้าไปแตะต้องเลยส่วนที่กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) เมืองทองธานี อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. และคณะ แถลงผลประเมินสถานการณ์แนวชายแดน หลังรัฐกดดันกลุ่มเครือข่ายองค์กรอาชญากรรม โดย พล.ต.ท.ไตรรงค์กล่าวว่า เมื่อวันที่ 12 ก.พ.ที่ผ่านมา ตำรวจไซเบอร์ได้รับการประสานจาก ผอ.ศูนย์สั่งการชายแดนระหว่างไทย-พม่า ในการรับตัวชาวต่างชาติหลายสัญชาติที่ถูกผลักดันมาทาง อ.พบพระ จ.ตาก จำนวน 260 คน ซึ่งทำงานอยู่ในกลุ่มของแก๊งคอลเซ็นเตอร์เกือบทั้งหมดให้การว่าสมัครใจไปทำงาน เป็นชาวต่างชาติทั้งหมดไม่มีคนไทย ส่วนมากเป็นคนสัญชาติเอธิโอเปีย เคนยา และจีน แต่จากการซักถามทั้ง 260 คน มีเพียง 1 คน ให้การว่าถูกหลอกไปเป็นเหยื่อของกระบวนการค้ามนุษย์ผบช.สอท.ยังกล่าวถึงกรณีเมื่อวันที่ 14 ก.พ.ที่ผ่านมา กองกำลัง BGF ได้เข้าควบคุมตึกโครงการย่าไถ่ เมืองชเวโก๊กโก่ ช่วยเหลือเหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ 2,000 คน และกำลังส่งกลับมาทาง อ.แม่สอด จ.ตาก ทาง บช.สอท.จะสืบสวนสอบสวนข้อมูลของบุคคลดังกล่าวว่า มีส่วนเกี่ยวข้องกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ขบวนการใด มีการหลอกลวงประชาชนในประเทศใด มีผู้เสียหายเป็นคนไทยหรือไม่ หลังรับตัวมาแล้ว ต้องตรวจสอบอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ติดตัวมา และสอบถามประเด็นการทำงานว่าทำในกลุ่มแก๊งใด ผู้เสียหายเป็นใคร แต่จากข้อมูลเบื้องต้นกลุ่มนี้ทำงานให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกลวงประชาชนของประเทศอื่นเป็นหลัก เช่น คนจีน และอินเดีย แต่หากพบว่ามีการหลอกลวงคนไทย มีการกระทำความผิดตามกฎหมายไทยที่มีอัตราโทษเกิน 4 ปี ผู้ก่อเหตุร่วมกันตั้งแต่ 3 คนขึ้นไป จะเข้าข่ายความผิดฐานมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ และถ้าเป็นข้อมูลเกี่ยวข้องกับประเทศอื่น จะส่งข้อมูลให้ประเทศที่เกี่ยวข้องตรวจสอบหาเหยื่อต่อไป ซึ่งจากการปราบปรามในครั้งนี้ ส่งผลดีในหลายเรื่อง และยังลดสถิติการแจ้งความอาชญากรรมออนไลน์ จากเดิมปีที่แล้วมีการแจ้งความอยู่ที่ 1,200 คดีต่อวัน ในเดือนมกราคมปีนี้ ลดลงเหลือ 1,100 คดีต่อวัน และในปัจจุบันที่มีการปฏิบัติการเหลือเพียง 800 คดีต้นๆ ถือว่าเป็นแนวโน้มที่ดี ในส่วนของประเทศอื่นๆต้องตรวจสอบและขอข้อมูลมาเปรียบเทียบกันอีกครั้งอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่