“แพทองธาร” ลั่นเป็นนายกฯ พร้อมตอบศึกซักฟอกทุกเรื่อง ย้ำแล้วย้ำอีกไม่มีโผปรับ ครม. “สรวงศ์” ขึงขัง เตือนฝ่ายค้านถล่มคนนอกจ่อถูกฟ้อง “ทวี” ติงขย่มปมชั้น 14 ไม่ชอบด้วยกฎหมาย อ้างเหตุ อยู่ระหว่าง ป.ป.ช.ไต่สวน “นายกฯอิ๊งค์” อู้อี้ขอคุยอีกทีท่าที พท.ผลักดันแก้ รธน. “อนุทิน” เสียงแข็ง ภท.ไม่เสี่ยง ไม่ใช่ร่างกฎหมายของรัฐบาลเสนอ ขอรักษาเอกสิทธิ์ไม่เอาด้วย ปชน.จัดทัพ 30 ขุนพลอภิปรายหนุนแก้กติกา “ณัฐพงษ์” จี้ผู้นำรับผิดชอบคำสัญญารื้อ รธน. เฉ่งลอยตัวเหนือปัญหาไม่ได้ “นิกร” ฟันธง 2 ร่าง แก้ไขเพิ่มเติม รธน.ผ่านยาก ชี้คนโหวตผ่านเสี่ยงถูกร้องผิดจริยธรรม ป.ป.ช.เผยดัชนีวัดทุจริตประเทศไทยร่วงอีก รั้งอันดับ 107 ของโลก เป็นอันดับ 5 ของอาเซียน คะแนนกระเตื้องแค่ความตั้งใจปราบโกงหลังฝ่ายค้านโหมโรงศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล โดยจะมีการพาดพิงไปถึงนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ โดยเฉพาะประเด็นการพักรักษาตัวที่ชั้น 14 รพ.ตำรวจ ฝ่ายรัฐบาลพรรคเพื่อไทยพยายามดักคอไม่ให้พาดพิงบุคคลภายนอก ระวังจะถูกฟ้องดำเนินคดี ขณะที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ ยืนยันพร้อมชี้แจงทุกเรื่องนายกฯปลุกส่งต่อหนังสือให้เด็กๆเมื่อเวลา 09.45 น. วันที่ 11 ก.พ.ที่บริเวณโถงกลาง ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯและ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นำนายทวารัฐ สูตะบุตร ผอ.สำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ เข้าพบ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ ประชาสัมพันธ์จัดกิจกรรมรณรงค์ส่งเสริมการอ่าน “อ่านแล้ว อ่านอีก” จัดร่วมกับนายกฯพร้อมมูลนิธิกระจกเงา รับบริจาคหนังสือใช้แล้วสภาพดีส่งต่อให้เด็กๆ โดยนายกฯกล่าวว่า ชอบอ่านหนังสือนิทานให้ลูกทั้ง 2 คนฟัง โดยเฉพาะเรื่องความลับของบ้านต้นไม้ ลูกๆจะชอบมาก จะนำเรื่องในหนังสือมาสอนลูกๆ เช่น การเก็บของเล่น ทำให้สอนได้ง่ายขึ้น เด็กจะเห็นภาพ ตอนเด็กๆ คุณพ่อชอบแนะนำว่าให้อ่านแฮร์รี่พอตเตอร์ อ่านเสร็จจะกลายเป็นคนขยันและรักการอ่าน ที่บ้านมีหนังสือสภาพดีๆอยู่จะส่งมาร่วมโครงการด้วย ขอเชิญชวนคุณแม่คนไหนลูกๆโตแล้ว ไม่ใช้หนังสือแล้วอยู่ในสภาพดีน่าอ่าน ให้ส่งมาได้ น้องๆรุ่นต่อไปจะได้มีหนังสือดีๆอ่าน ทั้งนี้นายกฯได้อ่านหนังสือโรงเรียนน้ำใจดีและหนังสือเรื่องความลับของบ้านต้นไม้ให้เด็กๆที่มาร่วมงานฟัง จากนั้นเวลา 10.00 น.ไปเป็นประธานการประชุม ครม.ที่ห้องประชุม 501 ตึกบัญชาการ 1เชิญชวนใส่ผ้าลายพระราชทานต่อมาเวลา 11.50 น. น.ส.แพทองธารแถลงภายหลังประชุม ครม.ว่า เนื่องด้วยสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ทรงออกแบบผ้าลายพระราชทาน “ผ้าลายสิริราชพัสตราภรณ์” เนื่องในโอกาสทรงได้รับการถวายปริญญาศิลปกรรมศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชาศิลปะการออกแบบพัสตราภรณ์ ประจำปีการศึกษา 2566 จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จึงได้พระราชทานผ้าลายดังกล่าวแก่ช่างทอผ้า และช่างหัตถกรรมไทยนำไปถักทอผืนผ้าและสร้างสรรค์งานหัตถกรรม ได้เชิญชวนให้ ครม.และประชาชนทุกคนสวมใส่ผ้าลายพระราชทานสิริราชพัสตราภรณ์ และขอให้ทุกหน่วยงานช่วยกันประชาสัมพันธ์ลั่นเป็นนายกฯพร้อมตอบทุกเรื่องน.ส.แพทองธารกล่าวถึงการเยือนสาธารณรัฐ ประชาชนจีน นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีสาธารณรัฐ ประชาชนจีนได้ถามถึงเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ จึงเล่าให้ฟังไม่ใช่เฉพาะกาสิโนที่มีไม่ถึง 10% ตั้งใจให้เป็นที่ของครอบครัว ลูกเด็กเล็กแดงไปได้หมด ทุกวันนี้ต้องดูว่าบ่อนหรือสิ่งผิดกฎหมายเหล่านี้มีหรือไม่ในประเทศไทย เราไม่ได้พยายามจะพูดว่ามันคลีน 100% ท่านให้ข้อแนะนำว่าถ้ามีกาสิโน อาจเกิดเรื่องอย่างนั้นอย่างนี้ขึ้น เรายินดีรับฟัง บอกไปว่าหากมีความคิดเห็นอย่างไรจะนำมาศึกษาต่อ ส่วนที่ฝ่ายค้านเตรียมอภิปรายไม่ไว้วางใจ เดี๋ยวต้องมีการคุยกันกับพรรคร่วมฯ เพิ่งคุยกับนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและ รมว.มหาดไทย ที่ประเทศจีน หัวข้อไหนจะมีคำตอบอย่างไรบ้าง เดี๋ยวคงคุยกันอีกครั้งภายในสัปดาห์นี้ต้องเคลียร์เรื่องเหล่านี้เพื่อตอบฝ่ายค้านให้ประชาชนเข้าใจ เมื่อถามอีกว่า ครั้งนี้จะมีการแตะไปที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯเยอะ น.ส.แพทองธารกล่าวว่า “โอ้ย ตนพร้อมตอบทุกเรื่อง เป็นนายกฯต้องพร้อมตอบทุกเรื่อง”ปิดประตูไม่มีโผปรับ ครม.เมื่อถามถึงการประชุมร่วมรัฐสภาวันที่ 13 ก.พ. พิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกฯ ระบุอาจให้มีการอภิปรายแล้วให้ยื่นคำร้องไปให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเรื่องทำประชามติ พรรค พท. เห็นอย่างไร นายกฯตอบว่า เดี๋ยวขอคุยกันอีกที เมื่อถามถึงกระแสข่าวปรับ ครม.ให้นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมว.เกษตรฯ ไปเป็น รมช.คลัง นายกฯหันไปหานางนฤมลที่ยืนอยู่ด้านหลังพร้อมหัวเราะ นางนฤมลก็ยิ้มและหันไปมองหน้านายกฯที่ถามสื่อกลับว่า “มีโผออกมาว่ายังไง โผเป็นทางการดิฉันเซ็นหรือเปล่า ถ้ายังไม่เซ็นก็ไม่ใช่โผ”“สรวงศ์” ฮึ่มพาดพิงคนนอกจ่อถูกฟ้องนายสรวงศ์ เทียนทอง รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา เลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีฝ่ายค้านเตรียมยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลว่า ที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ระบุฝ่ายค้านอาจนำกรณีชั้น 14 เข้าไปร่วมอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลด้วย นายทักษิณเป็นคนนอก ไม่แน่ใจว่าเกี่ยวข้องอะไรกับรัฐบาล ต้องดูเนื้อหา แต่เราพร้อมตอบอยู่แล้ว หากมีประเด็นใดเกี่ยวข้องกับรัฐบาลหรือพรรค พท. เราต้องตอบ แต่ถ้าพาดพิงส่วนบุคคลเป็นหน้าที่นายทักษิณฟ้องร้อง ต้องฟังฝ่ายค้านที่จะหยิบยกข้อมูลประเด็นใดขึ้นอภิปรายมีอะไรบ้าง หากฝ่ายค้านออกนอกประเด็นเป็นผลเสียต่อฝ่ายค้านเอง และเราพร้อมจะตอบโต้ ที่นายทักษิณให้สัมภาษณ์ว่าจะไปนั่งฟังอยู่หลังบัลลังก์คงแค่พูดเล่น หากอภิปรายถึงนายกฯ ต้องให้นายกฯมาตอบเอง ยืนยันมาด้วยตัวเองอยู่แล้ว“ทวี” ติงระวังขย่มชั้น 14 ไม่ชอบด้วย ก.ม.พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม กล่าวถึง กรณีฝ่ายค้านเตรียมนำการรักษาตัวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่ชั้น 14 รพ.ตำรวจมาอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลว่า ไม่กังวล แต่กังวลความไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะ ป.ป.ช.รับไต่สวนเอาไว้แล้ว นำไปเปิดเผยถือว่าไม่ชอบด้วยกฎหมาย แม้แต่ ป.ป.ช.ยังเปิดเผยไม่ได้ ตามข้อบังคับการประชุมสภาการอภิปรายพาดพิงบุคคลภายนอกไม่สมควร หากไม่ชอบด้วยกฎหมายยิ่งไม่สมควร เมื่อถามว่า ทั้งนี้ ป.ป.ช.ยังไม่ได้ประสานเข้าไปตรวจสอบที่ รพ.ตำรวจ เพราะปกติ ป.ป.ช.จะประสานพยาน“อนุทิน” ยัน ภท.ไม่เสี่ยงปมแก้ รธน.นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและ รมว.มหาดไทย หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) กล่าวถึงการนัดทานอาหารพรรคร่วมรัฐบาลครั้งต่อไป ที่พรรค ภท.เป็นเจ้าภาพว่า ยังพิจารณาวันอยู่ รอหารือกับ นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกฯก่อน ส่วนการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่รัฐสภาจะหารือวันที่ 13-14 ก.พ.วันที่ 12 ก.พ. เวลา 15.00 น. พรรคนัดประชุม สส.ที่พรรค ต้องฟังความเห็นทีมกฎหมายพรรคด้วย เท่าที่ทราบมีสมาชิกหลายคนกังวล ฉะนั้นเวลาเห็นอะไรขัดแย้งกันต้องยิ่งให้ความสำคัญ เพราะถ้าฝ่ายหนึ่งบอกทำได้ แต่อีกฝ่ายบอกทำไม่ได้อย่างนี้ยุ่ง “เราไม่เสี่ยงหรอก เรื่องพวกนี้ ถ้ามันมีความเสี่ยงแม้แต่น้อย และไม่ใช่เป็นกฎหมายที่รัฐบาลหรือ ครม.เสนอ และเป็นเรื่องแต่ละพรรค เมื่อเรามีความเห็นของตัวเอง แปลว่าเราไม่ได้เป็นทีมเดียวกัน ต้องรักษาเอกสิทธิ์ เราไม่อยากมีความเสี่ยงแม้แต่น้อย” เมื่อถามว่านายก่อแก้ว พิกุลทอง สส.บัญชีรายชื่อ พรรค พท.ระบุว่าพรรคร่วมรัฐบาลหากไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญขอให้ถอนตัว นายอนุทินกล่าวว่า ตนฟังหัวหน้าพรรค ฟังนายกฯ เต็มที่ก็เลขาธิการพรรค“เท้ง” จี้ “อิ๊งค์” รับผิดชอบคำสัญญารื้อ รธน.ที่รัฐสภา นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) กล่าวว่า การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เป็นนโยบายรัฐบาลที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ แถลงต่อรัฐสภา เราควรได้เห็นการแสดงเจตจำนง และบทบาทนำของนายกฯ ที่จะทำเรื่องนี้ให้สำเร็จ แต่ที่ผ่านมานายกฯกลับไม่เคยแสดงบทบาท หรือสื่อสารต่อสาธารณะเกี่ยวกับนโยบายนี้ แม้แต่ ครม.ไม่ได้เสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเข้าสู่รัฐสภา แตกต่าง จากที่ผ่านมารัฐบาลมีวาระผลักดันจริงจังจะเสนอร่างของ ครม.เข้าสู่สภาด้วย เช่น กรณี พ.ร.บ.การประกอบสถานบันเทิงครบวงจรฉะลอยตัวเหนือความขัดแย้งไม่ได้“โจทย์ใหญ่คือการต้องได้เสียงสนับสนุนจาก สว. เกิน 1 ใน 3 เชื่อว่าเป็นเรื่องเดียวกันกับการได้เสียง สนับสนุนจากพรรคร่วมรัฐบาล นายกฯหัวหน้ารัฐบาล ผสม ไม่สามารถลอยตัวเหนือความขัดแย้ง ต้องเป็นผู้นำบริหารจัดการความเห็นต่าง ต้องแสดงภาวะผู้นำ สร้างเอกภาพภายในพรรคร่วมรัฐบาล ผลักดันรัฐธรรมนูญ ฉบับใหม่ให้สำเร็จ รักษาคำพูดต่อนโยบายเรือธงที่เคย ประกาศ รับผิดชอบต่อคำสัญญาที่ให้ไว้กับประชาชนบี้นายกฯ แอ็กชันจัด 30 ขุนพลหนุนนายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคปชน. กล่าวว่า การจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ไม่ใช่แค่ ข้อเรียกร้องพรรคฝ่ายค้าน แต่เป็นนโยบายรัฐบาลที่นายกฯ แถลงต่อรัฐสภา แต่ไม่เคยสื่อสารเรื่องนี้ในที่สาธารณะ และ ครม.ไม่ได้ยื่นร่างแก้รัฐธรรมนูญมาประกบ มีเพียงฉบับพรรค พท. จึงอยากเห็นบทบาท นายกฯผลักดันวาระสำคัญให้สำเร็จมากขึ้น ทั้งนี้พรรค ปชน. จัดทัพผู้อภิปรายไว้ 30 คน แบ่งเป็น 3 โจทย์ 1.จะอธิบายให้เห็นทำไมควรจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ 2.จะจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่อย่างไร 3.จะอภิปรายให้คลายข้อสงสัยและข้อกังวล หากมีญัตติให้ส่งศาลรัฐธรรมนูญ จะอภิปรายไม่เห็นด้วย ยืนยันสิ่งที่พรรค ปชน.ทำอยู่ เป็นไปตามคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญทุกอย่าง คนที่จะไปยื่นศาลรัฐธรรมนูญคาดหวังจะได้รับผลอะไร แม้ในที่สุดการแก้รัฐธรรมนูญจะไม่ผ่านความเห็นชอบ พรรค ปชน. จะหาแนวทางผลักดันจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ต่อไป คำถามนี้ควรถาม รัฐบาลด้วยเพราะเป็นนโยบายรัฐบาลเช่นกัน“นิกร” ฟันธงผ่านยากส่อถูกยื่นสอยนายนิกร จำนง ผอ.พรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) กล่าวว่า วิเคราะห์จากประสบการณ์คาดว่าร่างทั้ง 2 ฉบับ ยากที่จะผ่านความเห็นชอบของรัฐสภา เพราะ ข้อกังวลว่าต้องทำตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่กำหนดให้ต้องทำประชามติถามประชาชนก่อนว่า ทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่ จะส่งผลต่อการลงคะแนนของสมาชิกรัฐสภา เพราะยังไม่ได้ทำประชามติ ถ้าลงคะแนนไปแล้ว จะขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่ เชื่อว่ามีคนร้องแน่ว่าเป็นการกระทำที่ขัด หรือ แย้งต่อรัฐธรรมนูญ กรณีรัฐสภาจะมีการเสนอญัตติให้ส่งศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยหรือไม่ เชื่อว่า วุฒิสภาจะเป็นคนเสนอญัตติให้ยื่นศาลรัฐธรรมนูญ เพราะหากวุฒิสภาต้องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ การไม่ร่วม โหวตถือว่าจบ การไม่ลงคะแนนให้ถือเป็นปัญหาแล้ว หรือหากพรรค พท.จะยื่นญัตติถามหรือไม่ ทั้งที่เป็น เจ้าของร่างเอง ส่วนคนอื่นที่ต้องได้เสียง 40 คน ตาม รัฐธรรมนูญมาตรา 210 (2) เพื่อให้ศาลทำหน้าที่วินิจฉัยพรรคอื่นจะยื่นกันทำไม แต่หากไม่มีคนยื่น พิจารณาต่อเนื่องพอมีการโหวตคนจะร้องมีแน่ เป็นประเด็นมาก ถ้าโหวตไปแล้วเท่ากับความผิดสำเร็จ จะมีปัญหาถูกร้องจริยธรรมได้เลยเหมือนกัน ตรงนั้น สุ่มเสี่ยงเดินหน้าลุยไฟไปก็ต้องดูพรรคร่วมฯไม่เอาแตะหมวด 1-2นายนิกรกล่าวอีกว่า ร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญของพรรค ปชน. โดยเฉพาะมาตรา 256 เสียงพรรค ชทพ.ไม่ลงคะแนนให้แน่ เพราะแก้นัยสำคัญเกี่ยวกับหมวด 1 และหมวด 2 ต้องทำประชามติด้วย พรรคร่วมรัฐบาลคุยกันแล้วว่าอย่าไปแตะหมวด 1 และหมวด 2 ยังไม่รวมความเห็น สว. โดยเฉพาะแก้ไขเพิ่มเติมถอดอำนาจวุฒิสภาต้องให้ความเห็นชอบการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญด้วยเสียง 1 ใน 3 ของจำนวนสมาชิกวุฒิสภาเท่าที่มีอยู่ แล้วไปกำหนดให้ใช้เสียงเกินกึ่งหนึ่งเช่นเดียวกับการพิจารณากฎหมายทั่วไป ไม่เห็นด้วย รัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายแม่จะแก้กันง่ายๆไม่ได้ จึงย้ำว่าร่างรัฐธรรมนูญทั้ง 2 ฉบับยากมากที่จะผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภาไปได้ ขณะเดียวกัน หากผ่านการประชามติต้องพิจารณาว่าจะใช้วิธีดำเนินการตามกฎหมายฉบับใด เนื่องจากกฎหมายที่มีการแก้ไขเพิ่มเติมและยังติดล็อก 180 วันอยู่ ต้องรอถึงช่วงเดือน ก.ค. หากรับหลักการก่อนและต้องทำประชามติตามกฎหมายเดิมด้วยหลักเกณฑ์ประชามติ 2 ชั้น กังวลว่าจะทำให้การให้ความเห็นชอบประชามตินั้นจะผ่านได้หรือไม่ครม.ให้ 600 ล้านเออร์ลี่ฯ ก.กลาโหมที่ทำเนียบรัฐบาล นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกฯ เปิดเผยว่า ครม.มีมติอนุมัติหลักการร่าง พ.ร.ฎ.เงินช่วยเหลือผู้ซึ่งออกจากราชการตามโครงการเกษียณอายุก่อนกำหนดของกระทรวงกลาโหม โดยใช้งบบุคลากรกระทรวงกลาโหม วงเงิน 600 ล้านบาท ระยะเวลาโครงการ 3 ปี ตั้งแต่ปี 68-ปี 70 วงเงิน 200 ล้านบาท/ปี ประมาณการผู้เข้าร่วมโครงการ 3 ปี ประมาณ 732 นาย จะช่วยแก้ปัญหาความคับคั่งของกำลังพลในกลุ่มชั้นยศสูง ส่งผลให้สัดส่วนกำลังพลทุกระดับสมดุล ประหยัดงบฯบุคลากรภาครัฐระยะยาว ตามแผนปฏิรูปการบริหารจัดการกำลังพลกระทรวงกลาโหมป.ป.ช.ดัชนีวัดทุจริตไทยร่วงอีกเมื่อเวลา 14.30 น. ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นายศรชัย ชูวิเชียร รองเลขาธิการ ป.ป.ช.แถลงการณ์ประกาศผลคะแนนดัชนีการรับรู้การทุจริต ประจำปี 2024 (CPI) ว่า เมื่อวันที่ 11 ก.พ.68 องค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติ (TI) เผยแพร่ผลการสำรวจดัชนีการรับรู้การทุจริต (CPI) ปี 2024 จาก 180 ประเทศทั่วโลกพบว่า อันดับ 1 เดนมาร์ก ได้สูงสุด 90 คะแนน อันดับ 2 ฟินแลนด์ 88 คะแนน อันดับ 3 สิงคโปร์ 84 คะแนน ไทยได้ 34 คะแนนอยู่อันดับ 107 ของโลกจากเดิมได้ 35 คะแนน ในปี 2023 อยู่อันดับ 5 ของกลุ่มอาเซียน ประเทศที่ได้คะแนนสูงสุดในกลุ่มอาเซียนคือสิงคโปร์ 84 คะแนน อยู่อันดับ 3 ของโลกแต้มกระเตื้องแค่ตั้งใจปราบโกงนายศรชัยกล่าวว่า ผลการสำรวจดัชนีการรับรู้การทุจริตดังกล่าวประเมินจากแหล่งข้อมูล 9แหล่ง ไทยได้คะแนนเพิ่มขึ้น 5 แหล่ง คือ 1.BF (TI) การปราบปรามทุจริตและบังคับใช้กฎหมายกับผู้กระทำผิดมีประสิทธิภาพมากน้อยเพียงใด ได้ 34 คะแนนจากปี 66 ได้ 33 คะแนน 2.PRS การใช้อำนาจหรือตำแหน่งทางการเมือง มีการทุจริตโดยใช้ระบบอุปถัมภ์ ระบบเครือญาติ และภาคการเมืองกับภาคธุรกิจมีความสัมพันธ์กันมากน้อยเพียงใด ได้ 33 คะแนนจากปี 66 ได้ 32 คะแนน 3.V-DEM การทุจริตในภาครัฐ ฝ่ายบริหาร ฝ่ายนิติบัญญัติและตุลาการเกี่ยวกับสินบน การขัดกันระหว่างผลประโยชน์ส่วนบุคคลกับส่วนรวม มีมากน้อยเพียงใด ได้ 29 คะแนนจากปี 66 ได้ 26 คะแนน 4.PERC ระดับรับรู้การทุจริตเป็นปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อสถาบันสังคม เศรษฐกิจและการเมือง มากน้อยเพียงใด ได้ 41 คะแนน จากปี 66 ได้ 37 คะแนน 5.WJP เจ้าหน้าที่รัฐมีพฤติกรรมใช้ตำแหน่งหน้าที่ในทางมิชอบมากน้อยเพียงใด ได้ 34 คะแนน จากปี 66 ได้ 33 คะแนน ผู้ประเมินมองว่าภาครัฐแสดงออกให้เห็นชัดเจนถึงการให้ความสำคัญปัญหาการทุจริต เอาจริงเอาจังบังคับใช้กฎหมาย ผลักดันหน่วยงานบริการพัฒนารูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ ลดปัญหาสินบนในการอนุมัติ/อนุญาตประชานิยม-เอื้อทุนใหญ่ฉุดแต้มวูบนายศรชัยกล่าวว่า ส่วนแหล่งคะแนนที่ได้ลดลง 4 แหล่งได้แก่ 1.IMD การติดสินบนและการทุจริตมีอยู่หรือไม่ มากน้อยเพียงใด ได้ 36 คะแนน จากปี 66 ได้ 43 คะแนน 2.WEF ภาคธุรกิจต้องจ่ายสินบนในกระบวนการต่างๆมากน้อยเพียงใด ได้ 34 คะแนน จากปี 66 ได้ 36 คะแนน 3.EIU ความโปร่งใสและตรวจสอบได้ในการใช้จ่ายงบฯภาครัฐได้ 35 คะแนน จากปี 66 ได้ 37 คะแนน 4.GI การดำเนินการธุรกิจต้องเกี่ยวข้องกับการทุจริตมากน้อยเพียงใด ได้ 32 คะแนน จากปี 66 ได้ 35 คะแนน ผู้ประเมินมองว่าความไม่โปร่งใสในการใช้จ่ายงบฯภาครัฐสะท้อนถึงการบริหารงบฯที่ขาดประสิทธิภาพ อาจเสียหายต่อประเทศ เช่น นโยบายประชานิยม การนำงบฯประเทศไปใช้เพื่อประโยชน์ส่วนบุคคล การใช้จ่ายไม่สมเหตุผล ขาดความคุ้มค่า ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ด้านธรรมาภิบาลของประเทศ และมุมมองนักลงทุนเห็นว่ายังมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น ที่ต้องเผชิญการเรียกรับสินบนแก่เจ้าหน้าที่รัฐ แม้รัฐบาลจะตั้งใจแก้ปัญหาทุจริต แต่ยังไม่เชื่อมั่นการดำเนินการ ปัญหายังไม่ได้รับการแก้ไขอย่างเป็นรูปธรรม อาจเห็นว่ารัฐบาลให้ความสำคัญการแก้ปัญหาทุจริตไม่เพียงพอ จากข่าวทุจริต ตลอดจนการดำเนินบางนโยบาย อาจเอื้อประโยชน์ให้กลุ่มนายทุน หรือบริษัทขนาดใหญ่ และมีการแต่งตั้งโยกย้ายตำแหน่งเจ้าหน้าที่รัฐไม่เป็นธรรมอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่