บริบทของการเมืองไทยเวลานี้ มุ่งเป้าไปสู่การเลือกตั้ง (ตามวาระจะมีการเลือกตั้งใหญ่ในปี 2570) รัฐบาลพรรคเพื่อไทย ที่กลับมานับหนึ่งใหม่ หลังถูกยึดอำนาจเมื่อปี 2557 ไม่ว่าจะเป็น รัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน หรือ รัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร เป็นช่วงคาบเกี่ยวของอำนาจ เผด็จการซ่อนรูป กับ ประชาธิปไตยอ่อนแอ จึงมีความไม่ลงตัวหลายประการ เช่นการรวมขั้วระหว่างฝ่ายค้านกับฝ่ายรัฐบาลเดิม และการแตกขั้วระหว่างฝ่ายค้านกับฝ่ายค้านเดิม ทำให้ นโยบายกลุ่มผลประโยชน์ และกลุ่มการเมือง เป็นไปแบบ กลืนไม่เข้าคายไม่ออก ทำให้ การเมืองเป็นการละคร ตบตากันไปมา ไม่มีมิตรแท้และศัตรูที่ถาวร อีกต่อไปอำนาจสูงสุดในทางการเมือง ไม่ได้อยู่ที่ บ้านใหญ่ เท่านั้น มีเหตุผลอื่นที่สำคัญกว่า ฉีกกฎและทฤษฎีทางการเมืองทั้งในตำราและนอกตำรา ความแน่นอนก็คือความไม่แน่นอน รัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน กำลังวิ่งฉิวติดลมบน ใครจะนึกว่าต้องมาตายน้ำตื้นเพราะการตั้งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯเพียงคนเดียวการเมือง อยู่ในระยะของ การแย่งชิง (สื่อ) มวลชน วันนี้มีการโยนหินถามทาง ว่าจะมี การปรับ ครม. หลังจากเสร็จศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล เพราะสมการทางการเมืองได้เปลี่ยนไปแล้ว มีชื่อ รมต.ที่จะถูกปรับเปลี่ยนในระดับหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลอยู่ 2 พรรคคือ อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและ รมว.มหาดไทยหัวหน้าภูมิใจไทย กับ พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกฯและ รมว.พลังงาน หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ การโยนหินถามทาง จะว่าไม่มีมูลเสียทีเดียวเลยก็ใช่ที่ โบราณว่า ไม่มีไฟไม่มีควัน แสดงว่าปรับ ครม.ปรับแน่ แต่จะปรับตามโผหรือไม่เท่านั้น และโผที่ว่า เป็นโผจากนายกฯแพทองธาร หรือจากบ้านไหน จากภายในหรือภายนอก หรือจากที่ปรึกษาคนไหนต้องยอมรับความจริงว่า บทบาท อิทธิพลทางการเมืองไทยเวลานี้ จะมองข้ามอดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตร ไม่ได้เด็ดขาด เป็นทั้งจิตวิญญาณทางการเมืองของรัฐบาลชุดนี้และเป็นสายล่อฟ้าในคนเดียวกัน แต่การจะกลับมาทวงบัลลังก์คืนก็ต้องมีอาวุธและกองกำลังครบมือ แม่ทัพต้องชั้นหัวกะทิ จึงจะผ่านด่านหิน 17 ปีไปได้ ที่สำคัญทักษิณ ต้องมีอำนาจแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาดไม่ใช่แค่รับเงินตำแหน่งผู้ช่วยหาเสียงแค่นั้น ถ้าขาดสิ่งเหล่านี้ก็จะขาดประสิทธิภาพ การปรับ ครม.ในสภาพที่พรรคร่วมรัฐบาลถือไพ่เหนือกว่าก็ต้องคิดหน้าคิดหลังให้ดี น้ำต้องพึ่งเรือเสือต้องพึ่งป่าอยู่การเมืองไทยยังต้องขึ้นอยู่กับ 3 สิ่งนี้ สื่อ ศาล ทหาร ดังนั้น จึงต้องลบคำว่า เป็นกลาง ออกไป หรือจะรวมเอาองค์ประกอบย่อยอื่นๆ เช่น สำนักโพล นักวิชาการ นักร้อง เข้าไปด้วยก็ไม่ผิด ที่มีทั้งซื้อกิน และชอบเป็นการส่วนตัว ตราบใดที่เงินยังใช้ผีโม่แป้งได้ จะรักจะชอบจะเชียร์ใคร ในโลกที่ประชาธิปไตยเจริญแล้ว ถือว่าเป็นเรื่องธรรมดาสากล แต่ต้องเปิดเผยไม่ผิดกฎหมายและศีลธรรมอันดี ติดอยู่เพียงแค่ว่า เมืองไทยประชาธิปไตยเจริญ แล้วหรือยัง.หมัดเหล็กคลิกอ่านคอลัมน์ “คาบลูกคาบดอก” เพิ่มเติม