“เอ็นดูเขา เอ็นเราขาด”สำนวนภาษิตแบบไทยๆที่อธิบายได้เห็นภาพใกล้เคียงสุด ณ จุดที่ทางการไทย โดยมติสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ดำเนินการหยุดจ่ายกระแสไฟฟ้าชายแดนไทย-เมียนมา“ถอดปลั๊ก” แก๊งคอลเซ็นเตอร์อาละวาดหลอกกินเงินประชาชนสับคัตเอาต์ 5 จุดใหญ่ ประกอบด้วย 1.บ้านเจดีย์ สามองค์ เมืองพญาตองซู รัฐมอญ ด้าน จ.กาญจนบุรี 2.สะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา ท่าขี้เหล็ก ด้านจ.เชียงราย 3.บ้านเหมืองแดง-ท่าขี้เหล็ก ด้าน จ.เชียงราย 4.สะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา เมืองเมียวดี ด้าน จ.ตาก 5.บ้านห้วยม่วง-รัฐกะเหรี่ยง เมียวดี ด้าน จ.ตากปฏิบัติการ “ตัดเส้นเลือดใหญ่” สยบขบวนการอาชญากรจีนเทา ตั้งแต่เวลา 9 โมงเช้าของวันที่ 5 กุมภาพันธ์รู้กันตามเงื่อนไขสถานการณ์ แต่ไม่มีการแจ้งล่วงหน้าไม่ทันเตรียมตัวตามสภาพโกลาหล ภาพข่าวประชาชนชาวเมียนมา พลเรือนชนกลุ่มน้อยกะเหรี่ยง มอญ ว้า ไทยใหญ่ ต้องแห่ตุนน้ำมันเพื่อใส่เครื่องปั่นไฟ เข้าแถวหน้าปั๊มรถติดยาวเหยียดเป็นกิโลเมตรโรงพยาบาล สถานที่ราชการ วัดวาอาราม บ้านเรือนประชาชน ตลอดจนค่ายผู้ลี้ภัย ฝั่งเมียนมาต้องไร้ไฟฟ้าใช้ วุ่นวายไปตามๆกันจากที่เคยสว่างไสว ต้องตกอยู่ในความมืดกันครึ่งค่อนเมืองแต่นั่นก็ย้อนแย้งกับแสงสว่างอลังการที่ยังเรืองรองอยู่ตามตึกใหญ่ สถานที่ตั้งบ่อนกาสิโน เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์เป็นนัยโชว์ให้เห็นว่าไม่สะทกสะท้าน ไม่สั่นสะเทือนตามข้อมูลที่ฝ่ายความมั่นคงในพื้นที่รายงาน แก๊งคอลเซ็นเตอร์ กลุ่มทุนอาชญากรจีนเทา มีการตุนน้ำมัน เตรียมเครื่องปั่นไฟไว้ล่วงหน้าหมดแล้ว รวมถึงการลากไฟฟ้าไปต่อปลั๊ก ซื้อไฟฟ้าจาก สปป.ลาวแทนแผนถอดปลั๊กของทางการไทยเลยไม่ทำให้ไฟดับวูบสนิทท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์ ปรามาสมาตรการหักดิบของทางการไทย ไม่ได้ผลกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ แต่สร้างความเดือดร้อนให้ประชาชนชาวบ้านเมียนมาตาดำๆ ต้องได้รับผลกระทบจากบาปที่ตัวเองไม่ได้ก่อส่อแววบ้อท่า ไม่ทันเหลี่ยมเก๋าของจีนเทาเจ้าเล่ห์แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น นั่นก็แค่วันแรกคืนแรกเท่านั้น ว่ากันตามสภาพขาดแคลน น้ำมันปั่นไฟเดี๋ยวก็ใช้หมดในไม่กี่วัน ต้องขนมาเติมใหม่ ในขณะที่ฝ่ายความมั่นคงของไทยสั่งซีลแนวชายแดน สกัดการขนน้ำมันจำนวนมากเพื่อเติมเครื่องปั่นไฟแก๊งอาชญากรหรือต่อให้เชื่อมปลั๊ก หันไปซื้อไฟฟ้าจาก สปป.ลาว ก็มีข้อจำกัดเฉพาะพื้นที่ที่ลากสายไฟถึง และกำลังไฟที่ไม่เต็มสูบเท่าของเดิมจากไทยตามรายงานข่าวต่างประเทศ ล่าสุดทางการ สปป. ลาว ได้แจ้งลดกำลังการจ่าย ไฟฟ้าให้เมืองท่าขี้เหล็ก เมียนมา เหลือแค่ครึ่งเดียวจากปกติซ่าท้าทายได้อีกแค่ไม่กี่อึดใจ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ก็ต้องเดี้ยงหมดลายอย่างน้อยก็ดีกว่ายึกๆยักๆ มัวแต่เงื้อง่าราคาแพง การลุยถอดปลั๊ก สับคัตเอาต์ไฟชายแดนไทย-เมียนมา เป้าหมายสุดท้ายที่หวังผลได้ในการสยบขบวนการจีนเทาที่ตรงจุดและเร็วที่สุดณ จุดที่ตัดสินใจ “ผ่าตัดใหญ่” ยังไงก็เลี่ยงแผลบาดเจ็บไม่ได้ ในสถานการณ์ที่เพื่อนบ้านก็รู้อยู่แก่ใจ คนเมียนมาเองก็น่าจะเข้าใจไฟต์บังคับ ความจำเป็นของทางการไทยที่ต้องตัดเส้นเลือดใหญ่ถ้าไม่ทำคนที่เดือดร้อนหนักกว่าคือคนไทย ไม่ใช่เมียนมาตามตัวเลขความเสียหายที่แก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกเงินคนไทยปีละหลักแสนล้านบาท สร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจมหาศาลนั่นไม่สำคัญ สัญญาณเข้มสูงสุดจากรัฐบาลจีนแผ่นดินใหญ่ที่ส่งคนระดับผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงความ มั่นคงฯมาประกบติดเป็นเชิงกดดันทางการไทยให้มีมาตรการขั้นเด็ดขาดในการปราบแก๊งอาชญากรจีนเทา ที่แฝงตัวอยู่แนวชายแดนไทย-เมียนมาใช้เป็นฐานคอลเซ็นเตอร์หลอกลวงประชาชนคนจีนด้วยกัน เสียหายประเมินมูลค่าไม่ได้พญามังกรแผลงฤทธิ์ รัฐบาลทหารพม่าเองก็โดนจังๆมาแล้วกับปฏิบัติการถล่มเมืองคนบาป เลาก์ก่าย เขตปกครองพิเศษโกก้าง รัฐฉาน ที่รัฐบาลปักกิ่งแทรกซึมทางทหาร จับมือกับกองกำลังชนกลุ่มน้อยลุยล้างบางแก๊งอาชญากรจีนเทา กวาดล้างแก๊งคอลเซ็นเตอร์ตบหน้ารัฐบาลนายพลมิน อ่อง หล่าย จังๆโดยรูปการณ์ขืนมัวแต่สงสารเพื่อนบ้าน ไทยนั่นแหละจะตกที่นั่งลำบากและผลจากการ “ถอดปลั๊ก” ตัดเส้นเลือดใหญ่แก๊งจีนเทา ทำให้ประธานาธิบดี “สี จิ้นผิง” ผู้นำ จีนเอ่ยปากชื่นชม “อิ๊งค์” แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ ที่นำทีมเยือนปักกิ่งอย่างเป็นทางการยกนิ้วให้กับความเด็ดขาด พร้อมร่วมมือปราบอาชญากรในทุกมิติตามจังหวะเห็นผลชะงัด การเล่นตามน้ำลุยล้างบางอาชญากรจีนเทา ไม่ขัดใจพญามังกรจีน ทำให้รัฐบาล “แพทองธาร” สามารถประคองเกมการเมืองระหว่างประเทศ รักษาสถานะดุลอำนาจภูมิรัฐศาสตร์โลกได้ถ้าไม่บังเอิญว่ามันหักมุมสวนทางกับดุลการเมือง ภายในพรรคร่วมรัฐบาลตามจังหวะสถานการณ์มั่วๆก่อน “ถอดปลั๊ก” ตัดไฟฟ้าชายแดนเมียนมา ที่เงื้อแล้วเงื้ออีกอยู่เป็นเดือน เหมือนพูดคนละภาษา อาการเกรียนตีมึนถึงขั้นที่ผู้นำคนสุดท้องตระกูลชินต้องทุบโต๊ะออกอากาศพูดชัดๆตัดได้เลย ไม่ต้องลังเลรับไม้โดย “เสี่ยอ้วน” นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม ชักน้ำเสียงเขียวใส่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ถ้ายังเกียร์ว่าง กล้าลองดี จะลากตัวมาช่วยราชการที่สำนักนายกฯอารมณ์ขู่สั่งสอนลูกน้องต่อหน้าลูกพี่ หงุดหงิดลีลา “เสี่ยหนู” นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย หน่วยเหนือ กฟภ.ที่เด้งเชือกไม่ยอมลงมือสับคัตเอาต์ บ่ายเบี่ยงอ้างไร้อำนาจสั่งการเรื่องใหญ่โบ้ยให้ สมช. ฝ่ายความมั่นคงแทงหนังสือสั่งอย่างเป็นทางการถึงจะทำได้อาการตลกร้าย เหมือนตะโกน “เฮ้ยจะตัดไฟแล้วนะ” หลายรอบ กว่าจะถอดปลั๊กได้ ปล่อยให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ทิ้งทวนหลอกเงินเหยื่อคนไทยอีกนับพันล้านบาทสภาพประจานสัมพันธภาพ ระหว่างเพื่อไทยกับภูมิใจไทย“นายใหญ่” กับก๊วน 2 น.เซราะกราว ไม่สนปฏิญญามาม่า วงบะหมี่ไม่กินเส้น“ผลประโยชน์ขัดกัน” วงเพื่อนกินชักขัดคอกันถี่ๆที่แน่จังหวะลูกติดพันต่อเนื่อง อาการหมั่นไส้น่าจะโยงกับฟอร์มเกรียนที่ “เสี่ยหนู” แสดงอารมณ์ดีใจจนออกนอกหน้า เอาปี๊บมาแห่ฉลองชัยชนะศึกเลือกตั้งนายก อบจ.ศรีสะเกษ สนามเดิมพันเย้ยหยัน “นายใหญ่” ที่เสียฟอร์มจากมุก “ไล่หนู ตีงูเห่า” ไม่สำเร็จตอกย้ำสภาพยี่ห้อ “ทักษิณ” ชักเสื่อมมนต์ขลัง พลังขับเคลื่อนเกมอำนาจการเมืองถูกลูกน้องเก่าเกรียน 2.น. เซราะกราว เบียดขึ้นทาบเงารัศมีและโดยเงื่อนไขสถานการณ์หนีไม่พ้นส่งผลถึงยุทธศาสตร์การชิงเดิมพันระหว่างค่ายเพื่อไทยกับภูมิใจไทยที่ต้องปาดหน้าชิงธงแย่งกันเป็นหัวขบวนโหนอำนาจอนุรักษ์นิยมอารมณ์ที่ลูกน้องเก่าเริ่มย่ามใจกับชัยชนะในเกมอำนาจสูตรการเมืองโบราณ กุมชัยภูมิบ้านใหญ่ ชิงความได้เปรียบ “นายใหญ่” เห็นๆในเกมยึดนายก อบจ.ต่อเนื่องจากการคุมคิว สว.สายน้ำเงินในจังหวะคาบลูกคาบดอกที่ต่างฝ่ายต่างซ่อนดาบไว้ข้างหลังเพื่อไทยกุมไพ่เหนือกว่าในยุทธการเวนคืนอาณาจักรเขากระโดง บุรีรัมย์ ของตระกูลชิดชอบ ขณะที่ก๊วนเซราะกราว ภูมิใจไทย คุมเกมไล่ยึดที่ดินธรณีสงฆ์ อัลไพน์ สมบัติของครอบครัวชินวัตรปมร้อนแฝงในวงเพื่อนกินที่ผลประโยชน์ไม่ลงตัว โอกาสช็อตได้ทุกเมื่อเสี่ยงไฟฟ้า “ลัดวงจรรัฐบาล” ได้ทุกขณะ.“ทีมการเมือง”คลิกอ่านคอลัมน์ “วิเคราะห์การเมือง” เพิ่มเติม