10 ธันวาผ่านมาแล้วก็ผ่านไป วันรัฐธรรมนูญเหมือนถูกด้อยค่าลงเรื่อยๆครบปีทีก็มีกิจกรรมทีแถวๆแยกคอกวัว เพื่อรำลึกบรรพชนและวีรกรรมในอดีต ยิ่งนับวันคนรุ่นหลัง เด็กรุ่นใหม่ หรือแม้กระทั่ง “คนเดือนตุลา” เอง ต่างก็ไม่ค่อยรู้สึกอิน หรือยินดียินร้ายอะไรแต่นั่นคือความสลดหดหู่ของใครหลายคน ถูกขยี้ซ้ำด้วยสถานการณ์ประเทศไทย “ประชาธิปไตยแค่เปลือก” แต่ไส้ในแก่นแท้ คือระบบต้มยำอำมาตย์ เผด็จการ คณาธิปไตย ชราธิปไตยประชาชนไม่เคยเป็นใหญ่ แต่ถูกด้อยค่าซ้ำซากเรื่อยมา จนตัวเล็กลงทุกวันผู้ศรัทธาประชาธิปไตยต้องอยู่อย่างไร้ตัวตน กลายเป็นคนชายขอบ อารมณ์เก็บกด มีอาการเซื่องซึมบางครั้งอาจแสดงพฤติกรรมบางอย่างออกมา ดังเช่นกรณีของ “หัวเขียง” ประยุทธ์ ศิริพานิชย์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ที่ออกมาโชว์ของ โพนทะนาว่าได้ชงร่าง พ.ร.บ.จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหมเข้าสู่สภาแล้วอารมณ์สะใจ เหมือนได้ปลดปล่อย แสดงออกชัดเจนว่าสิ่งที่ทำไปไม่ใช่เรื่องผิดพลาด ผิดคิวแม้รู้ดีว่าต่อให้เขียนยังไงก็ป้องกันรัฐประหารประเทศไทยไม่ได้หรอกแต่ดีใจได้แค่แป๊บเดียวแล้วเลี้ยวออกซะแล้ว ร่าง พ.ร.บ.จัดระเบียบกองทัพต้องหยุดไว้แค่ปากซอย หลังถูกบรรดาผู้นำ แกนนำเพื่อไทยสั่งเบรก เพราะหวั่นเกรงประวัติศาสตร์จะซ้ำรอย “นิรโทษกรรมสุดซอย”ที่มันตลกร้ายคือม็อบเจ้าเก่าขาประจำ ก็กำลังก่อกองไฟช่วงนี้พอดีปรากฏว่า “หัวเขียง” ต้องกัดฟันพูดเอง อ้างแบบไม่เนียนว่าจำเป็นต้องถอยเพราะเสียงคัดค้านของประชาชน ก่อนตบท้ายแฝงนัย “ถ้าพรรคเพื่อไทยอนุญาตจะไปถอนร่างออกจากสภาวันที่ 12 ธ.ค. เพราะเป็นกฎหมายที่ตัวเองและคณะเสนอ ไม่ใช่พรรคเพื่อไทย”ฟังแล้วอาจจะงง ทำเองกับเดอะแก๊ง ไม่เกี่ยวกับพรรคเพื่อไทยแล้วทำไมต้องไปขอสรุปมันคืออะไรกันแน่แต่ที่ชัดเจนคือต้องตัดจบถอนร่างกลับไปทบทวนใหม่สไตล์ “หัวเขียง” คือ “หัวชนฝา” ลุยสุดทุกซอย หากจำกันได้ “นิรโทษกรรมสุดซอย” หัวเรี่ยวหัวแรงใหญ่ก็คือ “สส.หัวเขียง” ผู้นี้แหละที่ตกแต่งเนื้อหาร่างกฎหมายจนสุดซอย ระบือลือลั่นคราวนี้ถ้าไม่มีเบอร์ใหญ่มาสั่งเบรกใครก็หยุดยาก เพราะเจตนามาลุยแหลก ตายเป็นตาย จ่อสวมวิญญาณลุง “นวมทอง ไพรวัลย์” ขับแท็กซี่ไล่ชนรถถังแกนนำ สมาชิกพรรคเพื่อไทย ต้องแห่กันกระโดดเข้าไปหักเลี้ยวพวงมาลัย เสียบขาแทรกไปเหยียบเบรก หรือสับเกียร์ถอย ทำทุกอย่างเพื่อขัดขวางจ้าละหวั่น เพราะเกรงจะกลับตาลปัตรกลายเป็นโยนฟืนเติมไฟเผาใส่รัฐบาลอาจเติมจำนวนคนเพิ่มพลังให้ม็อบ กระตุกหนวดกองทัพที่ยืนจังก้าคุมความมั่นคงอย่างว่าสถานการณ์ของรัฐบาลเพื่อไทยตอนนี้โคตรยุ่งยาก ฉากบู๊เล่นได้น้อยหร็อมแหร็ม ส่วนใหญ่หนักไปแนวบุ๋นละมุนละไมเหนืออื่นใดก็เพื่อความอยู่รอด และงานใหญ่ยังไม่สำเร็จลุล่วงอารมณ์เก็บกดจึงเป็นโรคไม่ติดต่อเรื้อรังในรัฐบาลพรรคเพื่อไทย ไม่ต่างจาก “หัวเขียง” ไม่ต้องใครอื่น “นายกฯอิ๊งค์” แพทองธาร ชินวัตร นายกฯและหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กับการให้สัมภาษณ์ล่าสุดที่โดนใจอย่างแรงพูดแบบมีชั้นเชิง จุดยืนของเราใน พ.ศ.นี้ รัฐบาลไม่มีเจตนาแทรกแซงงานของกองทัพแต่อะไรที่ทำแล้วเกิดประโยชน์กับประเทศก็ต้องร่วมมือกันคิดร่วมมือกันทำ นั่นคือสิ่งที่ในวันนี้ ปีนี้ รัฐบาลนี้ต้องให้ความร่วมมือซึ่งกันและกันมันไม่มีเวลาของความขัดแย้ง เพราะมันจะหยุดประเทศไว้จนไปต่อไม่ได้ครั้งนี้ “นายกฯอิ๊งค์” พูดได้ดีทีเดียว ภาวะผู้นำมาเต็ม มีทั้งคำสั่ง และคำขอความร่วมมือ ความกล้า การตอบโต้ ที่สำคัญคือสื่อสารเป็นนัยชัดเจนว่า ไม่ได้กลัว ไม่ใช่เบี้ยล่าง ลูกไล่ จนไม่กล้าทำอะไรสะบัดบ็อบเชิดใส่อย่างสวยสง่าสมกับการเป็นผู้นำต่างจากแกนนำหรือ รมต.บางคน ที่โชว์หงอไว้ก่อน อ่อนยิ่งกว่ามะเขือเผาจึงโดนเด็กค่ายส้มถากถางนินทา เกรงใจชนชั้นนำมากกว่าประชาชนเมื่อไร้อำนาจก็โหยหา ทรงดูดีมาดผู้ใหญ่ครั้นพอมีอำนาจกลับใช้ได้ไม่เต็มมือ!!!ทีมข่าวการเมืองคลิกอ่านคอลัมน์ “วิเคราะห์การเมือง” เพิ่มเติม