ค่ายภาพยนตร์แนวสยองขวัญสั่นประสาท ไม่ว่าจะเป็นการทำงานในแง่ผลิตงานใหม่ หรือเลือกสรรงานจากผู้ผลิตอื่นๆ มานำเสนอเพื่อตอบสนองแก่ผู้บริโภค ถ้าเป็นในต่างประเทศก็อาจนึกถึงค่ายดังอย่างบลัมเฮาส์ ในฮอลลีวูด แต่ในเมืองไทยแล้ว การเปิดค่ายที่ชูธงความเป็นหนังแนวสุดสะพรึง ดูจะเป็นเรื่องท้าทายอยู่ไม่น้อยแต่ใช่ว่าจะไร้ผู้กล้าท้าลองตลาดแนวนี้ เมื่อปี 2565 ค่าย ไนท์ เอดจ์ พิคเจอร์ส (Night Edge Pictures) เปิดตัวชิมลางในเส้นทางดังกล่าว พร้อมงานแนวสยองขวัญ ระทึกอารมณ์ในคลังหลายเรื่อง ซึ่งในช่วงเดือน ส.ค.-ก.ย.นี้ คอหนังก็จะได้พบกับ 3 เรื่องคือ “ฮิวเซร่า : เดอะ โบน วูแมน” (Huesera : The Bone Woman) หรือ “สิงร่างหักกระดูก” เข้าฉายเมื่อ 3 ส.ค.ที่ผ่านมา ขณะที่ “ทอล์ก ทู มี” (Talk to Me) หรือ “จับ มือ ผี” จ่อฉาย 31 ส.ค. เรื่องที่ 3 ก็คือ “อิมเมอร์ชัน” (Immersion) วางกำหนดลงโรง 21 ก.ย.นี้ ในขณะที่ “สิงร่างหักกระดูก” เพิ่งเข้าโรงผ่านตาไปหมาดๆ ผู้บริหาร ไนท์ เอดจ์ พิคเจอร์ส ได้มาเปิดใจถึงแนวคิดและทิศทางการทำงานของบริษัท โดย มร.ฮานส์ ออดริก บี. เอสติอัลโบ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานปฏิบัติการ เผยว่า วางบทบาทของบริษัทในอุตสาหกรรมของการเป็นผู้ผลิตสื่อ ในการสร้างเนื้อหาเพื่อผลักดันให้เป็นซอฟต์ เพาเวอร์ “ผมคิดว่าหนังสยองขวัญและระทึกขวัญที่มีคุณภาพและประสบความสำเร็จในเชิงพาณิชย์จากเอเชียนั้นหาดูได้ยาก ความสยองขวัญของไทยถือว่าเป็นวัตถุดิบชั้นดีในการผลิตหนังแนวนี้ ซึ่งความพยายามของรัฐบาลด้านซอฟต์ เพาเวอร์ ก็ได้การยอมรับใน Global Soft Power Index 2023 โดย Brand Finance Soft Power เจ้าตัวยังแจงสถิติด้วยว่า “ไทยได้รับ 42.4 คะแนน อยู่ในอันดับที่ 41 จาก 121 ประเทศ โดยได้คะแนนเพิ่มขึ้น 2.2 คะแนนจากปี 2565 และยังได้คะแนน 3.3 ในหมวดสื่อและการสื่อสาร ซึ่งเพิ่มขึ้นจากเดิม 2.9 คะแนนจากปี 2565 นอกจากนี้ หนังระทึกขวัญและสยองขวัญของไทยยังครองตำแหน่งสูงสุดในแพลตฟอร์มสตรีมมิงอย่างเน็ตฟลิกซ์ และแอมะซอน ไพรม์ สิ่งเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงศักยภาพการเติบโตในอุตสาหกรรมสื่อ” มร.ฮานส์ยังเชื่อว่าหนังสยองขวัญในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ยังคงเป็นโอเอซิสของความเป็นสากล เราจึงขอให้ขยายมุมมองในเรื่องนี้ เขาตอบว่า “ความสำเร็จที่ทำให้หนังกลับมาตีตลาดบ็อกซ์ ออฟฟิศในช่วงหลังโควิดได้แล้ว ผมเชื่อว่าหนังสยองขวัญในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีจุดเด่นที่เป็นเอกลักษณ์ไม่ซ้ำใครในระดับสากล ทำให้ผู้ชมทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศทั่วโลกตื่นเต้น ไม่ว่าจะผ่านแพลตฟอร์มสตรีมมิงหรือในโรงหนัง ซึ่งความสำคัญของเนื้อหาภาพยนตร์และซีรีส์สยองขวัญยังคงเป็นหลักประกันสูงสุดของวงการแห่งนี้นะครับ”“คือในช่วงต้นทศวรรษ 2000 หนังสยองขวัญของไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมทั้งการร่วมผลิตกันในภูมิภาคเอเชีย ได้พยายามที่จะต่อสู้กับฮอลลีวูดผ่านหนัง ผ่านความพิถีพิถันในทางเทคนิค เพื่อดึงดูดความสนใจทั้งในประเทศและต่างประเทศ จน 23 ปีต่อมาหนังสยองขวัญของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ก็บรรลุความสำเร็จ แฟนหนังแนวนี้หลายๆ คนชื่นชอบหนังเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพราะแนว ทางในการนำเสนอของเราเชื่อถือได้และก็มีคุณภาพ” เมื่อเอ่ยถึง “จุดเด่นที่เป็นเอกลักษณ์” มร.ฮานส์ให้ความเห็นว่า “หนังสยองขวัญและระทึกขวัญของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้รับแรงบันดาลใจมาอย่างยาวนานจากนิทานพื้นบ้านเหนือธรรมชาติ และรากฐานทางวัฒนธรรม ทำให้นักเขียน ผู้กำกับ และศิลปินหลายรุ่นได้รับเรื่องราวที่ลุ่มลึก ผมเชื่อเสมอว่าหนังสยองขวัญเป็นเรื่องราวที่เต็มไปด้วยอารมณ์ความรู้สึกเกี่ยวกับความเข้าใจผิด ความไม่เหมาะสม และสัตว์ประหลาดที่อาศัยอยู่ในตัวเราและสังคมของเรา หนังพวกนี้จะช่วยให้คนเราหลีกหนีจากสัตว์ประหลาดที่แท้จริงในชีวิต ที่เราพบเจออยู่ทุกๆวัน หนังสยองขวัญควรทำให้เรากลัว แต่หนังสยองขวัญที่ดีจะทำให้เรานึกถึงความกลัวของตัวเอง”ส่วนคำขวัญหรือคำจำกัดความของบริษัทที่ว่า “บลัด, สเว็ต แอนด์ ทริลล์ส (Blood, Sweat and Thrills) เจ้าตัวอธิบายว่านี่คือกุญแจสำคัญที่ไนท์ เอดจ์ พิคเจอร์ส ต้องการที่จะนำเสนอและส่งมอบให้กับคนที่เข้ามาชม ไม่ว่าจะเป็นหนัง หรือซีรีส์ของบริษัท ให้เขาเหล่านั้นได้สัมผัสถึงเลือด หยาดเหงื่อ และประสบการณ์ตื่นเต้นระทึกขวัญ” และก่อนสิ้นสุดการสนทนา มร.ฮานส์กล่าวทิ้งท้ายว่า “พวกเรา ไนท์ เอดจ์ พิคเจอร์ส มีหน้าที่ในการสร้างสรรค์คอนเทนต์หนังสยองขวัญและระทึกขวัญของไทยที่เป็นที่สุดของประเทศนี้ให้มากขึ้น ผมรู้สึกตื่นเต้นที่จะประกาศว่าเรามีโปรเจกต์จำนวนมากที่กำลังพัฒนาอยู่ ซึ่งผสม ผสานระหว่างหนังและการเงินไว้ด้วยกัน เป็นการมีส่วนร่วมที่ไม่เคยมีมาก่อนระหว่างบริษัทเราและผู้บริโภคคอนเทนต์ของเรา อนาคตกำลังสดใสสำหรับไนท์ เอดจ์ พิคเจอร์ส เพราะเรามีการวางกลยุทธ์ทางการตลาดที่ไม่เหมือนใครในไทย จะทำให้เราเป็นหนึ่งในผู้โดดเด่นที่สุดในหนังประเภทเดียวกันในวงการหนังเอเชีย และเป็นหนึ่งในคลังแสงแห่งการเล่าเรื่อง ซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่สำคัญของไทย”ตอนนี้ค่ายน้องใหม่วัย 1 ขวบก็ตื่นเต้นมากกับการส่งหนัง 3 เรื่องทั้ง “ฮิวเซร่า : เดอะ โบน วูแมน”, “ทอล์ก ทู มี” และ “อิมเมอร์ชัน” เสิร์ฟผู้ชมในเดือน ส.ค.-ก.ย.นี้ ซึ่งตรงกับช่วงเวลาครบรอบปีแรกของการเปิดตัวค่ายด้วย.เรื่อง: ศุภางค์ภัค เศารยะพงศ์