วิป 3 ฝ่ายไร้ข้อสรุป โหวต “พิธา” รอบสองขัดข้อ บังคับที่ 41 หรือไม่ “วันนอร์” ขอไปแก้ปัญหาที่หน้างาน “ชัยธวัช” รับต่อสายหา “เฉลิมชัย” แต่ไม่รับยังหวังได้โหวตรอบสาม “พิธา” เตือนสกัดคนเดียวทำสะเทือนทั้งระบบ “ชลน่าน” แบะท่าพร้อมพลิกบทเป็นแกนนำตั้งรัฐบาล เล็งรื้อเอ็มโอยู 8 พรรค “อิ๊ง” หนุนสุดตัว “เศรษฐา” นายกฯ มั่นใจคุย ส.ส.รู้เรื่อง “เสี่ยนิด” ออกอาการเขิน “ชัยวุฒิ” แย้ม พปชร.รอปัจจัยเปลี่ยนพลิกขั้ว “เสี่ยหนู” นำทีม ส.ส.ชื่นชม “ชาดา” ไม่หนุนเพื่อไทยหากยังอุ้มก้าวไกล กองทัพเต้นผางโต้ดีลลับลังกาวี “ทนายเดชา” ฟ้องกลับ “เสรี” หมิ่น อดีต ส.ส.ร.ยื่นสอย 43 ส.ว.โดดร่มวันสำคัญ “อิทธิพร”-ก๊วน กกต.โดนดี เจอฟ้องปฏิบัติหน้าที่มิชอบเจตนาดิสเครดิต “พิธา” ม็อบ 2 ฝ่ายปักหลักประจันหน้า ศาล รธน.ประกาศคุมเข้มพื้นที่จับตาการประชุมรัฐสภา เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เป็นครั้งที่ 2 เสียงสนับสนุนนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าและแคนดิเดตนายกฯ พรรคก้าวไกล จะถึง 375 เสียง สามารถฝ่าด่าน ส.ว.ได้หรือไม่ ซึ่งจะมีผลต่อสมการการเมือง และการจัดตั้งรัฐบาลที่ต้องเปลี่ยนแปลงไปถก 3 ฝ่ายวางกติกาโหวตรอบ 2เมื่อเวลา 10.15 น.วันที่ 18 ก.ค.ที่รัฐสภา มีการประชุมคณะกรรมการประสานงาน 3 ฝ่าย คือ วิปวุฒิสภา วิปฝ่าย 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลชุดปัจจุบัน และวิปฝ่าย 10 พรรคร่วมรัฐบาลเดิม หารือถึงกรอบการประชุมรัฐสภาวันที่ 19 ก.ค. เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เป็นครั้งที่ 2 มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา เป็นประธานการประชุม มีตัวแทนจากแต่ละฝ่ายเข้าร่วมประชุม รวมถึง นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล นายสมชาย แสวงการ นายมหรรณพ เดชวิทักษ์ ส.ว. ยังไม่สรุปโหวต “พิธา” ซ้ำได้ไหมต่อมาเวลา 11.45 น. นายวันมูหะมัดนอร์ ให้สัมภาษณ์หลังการประชุมว่า ยังไม่ได้ข้อสรุปชัดเจนว่าการโหวตนายกรัฐมนตรี วันที่ 19 ก.ค. จะยึดข้อบังคับการประชุมรัฐสภา ข้อที่ 41 ที่จะห้ามเสนอญัตติชื่อนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคก้าวไกล เป็นนายกฯซ้ำจะทำได้หรือไม่ เพราะมีความเห็นจากอีกฝ่ายระบุว่าเรื่องนี้เป็นคนละเรื่องกับข้อบังคับที่ 41 เพราะได้แยกเป็นอีกหมวดไว้ในข้อบังคับการประชุมรัฐสภา ตรงกับข้อ 136-139 และรัฐธรรมนูญไม่ระบุชัดเจนว่าห้ามเสนอชื่อซ้ำ ดังนั้นต้องฟังเสียงสมาชิกรัฐสภาให้ครบถ้วน และต้องดูหน้างานอีกครั้ง ในการหารือวิป 3 ฝ่าย มีผู้เสนอให้ที่ประชุมอภิปรายเรื่องนี้ไม่เกิน 2 ชั่วโมง ผู้สื่อข่าวถามว่าหากนายพิธาไม่ได้รับการโหวตเป็นนายกฯแล้ว จะเสนอชื่อบุคคลอื่นเพื่อโหวตต่อได้ทันทีเลยหรือไม่ นายวันมูหะมัดนอร์ตอบว่า ข้อบังคับการประชุมรัฐสภา และรัฐธรรมนูญไม่ได้ห้ามไว้ขอไปแก้ปัญหาเอาที่หน้างานเมื่อถามว่าญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 272 สามารถพิจารณาในวันที่ 19 ก.ค.ได้หรือไม่ นายวันมูหะมัดนอร์ตอบว่า ยังไม่สามารถพิจารณาได้ อยู่ในขั้นตอนตรวจสอบความถูกต้องของญัตติและชื่อผู้เสนอ เมื่อการโหวตนายกฯเสร็จสิ้นสามารถพิจารณาได้เลย แต่ถ้าการเลือกนายกฯยังไม่จบ กระบวนการบรรจุต้องอยู่ในลำดับหลังการเลือกนายกฯ เมื่อถามว่าหากยังไม่ได้ชื่อนายกฯในวันที่ 19 ก.ค. การโหวตครั้งที่ 3 จะเกิดขึ้นเมื่อใด นายวันมูหะมัดนอร์ตอบว่า ไม่ทราบ ต้องดูหน้างาน สิ่งที่นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร เคยระบุเป็นวันที่ 20 ก.ค.เป็นการพูดล่วงหน้า ขณะนี้ประชาชนรอคอยที่จะได้นายกฯ หลายฝ่ายเรียกร้องให้กระบวนการสภาฯไม่ช้าเกินไป แต่เราไม่สามารถบอกได้ว่าจะเสร็จเมื่อไหร่ อยู่ที่กระบวนการของสภาฯ “ชัยธวัช” รับต่อสาย “เฉลิมชัย”นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงกระเเสข่าวโทร.ไปหานายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รักษาการเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อล็อบบี้ขอเสียงสนับสนุนว่า น่าจะเข้าใจคลาดเคลื่อน วันก่อนโทร.ไปหานายเฉลิมชัยจริง แต่ไม่ได้รับสาย อีกเบอร์ปิดเครื่อง เลยไม่ได้โทร.ไปต่อ เจตนาคือโทร.ไปเช็กท่าทีพรรคประชาธิปัตย์ว่ามีความเห็นอย่างไร หากจะมีการเสนอแคนดิเดตนายกฯจากเสียงข้างน้อย แค่นั้นเองไม่มีอะไร เมื่อถามว่ายืนยันว่าไม่ใช่การรวมเสียงใช่หรือไม่ นายชัยธวัชตอบว่า ไม่ครับ ถ้ามีเรื่องนี้คงต้องเอาเข้าที่ประชุมพรรค ผู้บริหารพรรคก่อน รวมถึงต้องหารือในที่ประชุม 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลด้วยยังหวังได้โหวต “พิธา” รอบสามเมื่อถามว่าที่ระบุว่าตัวเลขที่มีความเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญต้องเป็นจำนวนเท่าไร นายชัยธวัชตอบว่า ไม่ต้องกะเกณฑ์ชัดเจน เห็นตัวเลขเราก็น่าจะพอประเมินได้ 240-250 กว่า ถ้ามีตัวเลขขยับขึ้นมาขนาดนี้คนก็มีความหวังถูกหรือไม่ เมื่อถามว่าตัวเลขขยับแสดงว่าการโหวตรอบ 3 ก็อาจจะเป็นนายพิธาได้ นายชัยธวัชตอบว่า “ถูกๆครับ ก็บอกแล้วว่าถ้ามันไม่มีโอกาสเป็นไปได้จริงๆก็คงต้องเปิดโอกาสให้กับประเทศ อย่าให้การเมืองมันเดินถึงทางตัน แม้ว่าจริงๆเราจะมีสิทธิอันชอบธรรมในระบบรัฐสภาปกติ แต่แน่นอนเราเข้าใจดีว่าเราอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ปกติ ต้องพยายามอย่างเต็มที่ คิดว่าเป้าหมายสุดท้ายที่ต้องจับไว้ให้มั่นคือการจัดตั้งรัฐบาล 8 พรรคให้ได้ นั่นคือสิ่งที่ประชาชนอยากเห็น” เมื่อถามว่ามีการยกตัวเลข 344 เสียงออกมา นายชัยธวัชตอบว่า ประมาณนั้น เป็นการยกตัวอย่างของนายพิธา เช่น เพิ่มมา 10% แต่ไม่ได้มีสูตรตายตัวเชื่อยังไม่ชงชื่อ “บิ๊กป้อม” รอบนี้เมื่อถามว่าหากมีการเสนอชื่อ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ แคนดิเดตนายกฯ พรรค พปชร. ในการโหวตรอบ 2 เตรียมแผนรับมืออย่างไร นายชัยธวัชตอบว่า ไม่ได้กังวลอะไร พยายามเช็กสถานการณ์แล้ว คิดว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะมีการเสนอชื่อ พล.อ.ประวิตร หมายความว่าเสนอก็ได้แต่ไม่เชื่อว่าจะผ่าน จากการประเมินอย่างรอบด้าน และ ส.ว.เองก็ไม่ได้เป็นเอกภาพ ฝ่าย 10 พรรค 188 เสียง ก็ไม่น่าจะเป็นเอกภาพ เรื่องนี้ไม่ค่อยกังวลเท่าไร เมื่อถามย้ำว่าหากพรุ่งนี้ชื่อนายพิธาถูกตีตกไป จะให้สิทธิพรรคเพื่อไทยเลยหรือจะรอแก้มาตรา 272 ก่อน นายชัยธวัชตอบว่า ขึ้นอยู่กับประธานจะบรรจุวาระอย่างไร จริงๆเรื่อง 272 ภายในวันนี้น่าจะทราบการบรรจุวาระการประชุม ส่วนเรื่องปมญัตติตามข้อบังคับการประชุมรัฐสภามาตรา 41 ยังเถียงกันอยู่ คนที่เสนอให้โหวตก็ใช้ช่องของระเบียบไม่เหมือนกันยังงงๆอยู่ เมื่อถามว่าต้องดูหน้างานใช่หรือไม่ นายชัยธวัชตอบว่า ใช่ครับ แต่ยืนยันว่ากระบวนการเลือกนายกฯเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ จะไปตีความข้อบังคับให้ขัดต่อรัฐธรรมนูญคงไม่ได้ อาจสร้างบรรทัดฐานที่มีปัญหาได้ในอนาคต จึงต้องพยายามใช้เหตุผล และขึ้นกับประธานในที่ประชุม “พิธา” ยันเอ็มโอยู 8 พรรคยังอยู่ต่อมาช่วงบ่ายที่รัฐสภามีการประชุม ส.ส.พรรคก้าวไกลเป็นการภายใน เพื่อพิจารณาต่อเนื่องในประเด็นที่วิป 3 ฝ่ายหารือในช่วงเช้า เรื่องความชัดเจนในการเสนอนายกฯรอบสอง โดยมีแกนนำเข้าร่วมพร้อมหน้า อาทิ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรค และแคนดิเดตนายกฯ นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรค นายพิธาให้สัมภาษณ์ถึงกรณีพรรคเพื่อไทยระบุว่า ต้องมีแผนสำรองในการส่งชื่อแคนดิเดตฯจากเพื่อไทย นายพิธาตอบว่า ยังไม่เห็นสถานการณ์จำเป็นที่ต้องทำเช่นนั้น ตอนนี้เอ็มโอยูยังเหมือนเดิมอยู่ และยังไม่ได้รับการติดต่อจากพรรคไหนว่าให้มีการแก้ เมื่อถามว่าโหวตนายกฯรอบ 2 แม้เสียงเพิ่มขึ้นแต่ยังคงไม่ผ่านจะเดินหน้าต่อใช่หรือไม่ นายพิธาตอบว่า หากได้ผลลัพธ์สามารถปรับยุทธศาสตร์ได้เรื่อยๆ หากไม่ได้ผลลัพธ์ต้องยอมให้ประเทศชาติเดินหน้าไปต่อได้สกัดคนเดียวสะเทือนทั้งระบบเมื่อถามถึงความกังวลใจเรื่องข้อบังคับที่ 41 นายพิธาตอบว่า กังวลใจถ้าทำเช่นนี้เพื่อสกัดกั้นตนคนเดียว หากมัดตนและพรรค ก.ก.ก็จะมัดพรรคอื่นด้วย เป็นการผูกที่แก้มัดได้ยากมาก เป็นปัญหาต่อไปในอนาคต ส่วนที่มีความพยายามสลับขั้วเพื่อให้ฝั่งตรงข้ามมาเป็นรัฐบาล ไม่สามารถฟันธงได้ แต่จะทำแค่สกัดกั้นตนให้หมดสิทธิโหวตนายกฯ เป็นสิ่งที่ไม่น่าทำ เมื่อถามว่ามีการปรับเอ็มโอยูเพื่อดึงพรรคที่ 9 และ 10 เข้ามาร่วม มีเงื่อนไขอย่างไรบ้าง นายพิธาตอบว่า ยังไม่มีการพูดคุยกัน ไม่มีความคืบหน้าอะไร เมื่อถามว่าหากพรรค พท. เป็นแกนนำตั้งรัฐบาล พรรค ก.ก.ต้องอยู่ในสมการเดียวกันหรือไม่ นายพิธาตอบว่า นั่นคือสิ่งที่ประชาชนต้องการ ในเมื่อเป็นรัฐบาลที่จัดตั้งโดย 8 พรรค มีเอ็มโอยูชัดเจน เราทำงานกันมาถึงขนาดนี้ในฐานะที่เราเป็นพรรคอันดับหนึ่งไม่สามารถไปต่อได้ ก็ต้องส่งไม้ต่อให้พรรคอันดับสอง มองว่าเราลงเรือลำเดียวกันเพื่อจัดตั้งรัฐบาลความหวังของประชาชน“ชลน่าน” โยนที่ประชุมชี้ขาดนพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การประชุมรัฐสภาวันที่ 19 ก.ค. พรรคเพื่อไทยจะเป็นผู้เสนอชื่อนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เพื่อโหวตเป็นนายกฯรอบที่ 2 ถ้ามีคนเห็นต่างต้องมาอภิปรายถกเถียงกันด้วยเหตุผล ถ้าญัตติตกไปถือว่าจบ ต้องนัดประชุมรอบใหม่ เมื่อถามว่าถ้าต้องเสนอชื่อนายพิธาโหวตเป็นนายกฯรอบ 3 ต้องได้คะแนนรอบ 2 เท่าใด จึงจะมีความชอบธรรม นพ.ชลน่านตอบว่า พรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกลเคยคุยกัน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ยกตัวอย่างการโหวตรอบ 3 ว่า ต้องมีแนวโน้มสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปยังไม่มีข้อสรุป แต่นายพิธาไปบอกว่าควรมีคะแนนเพิ่มขึ้น 10% หรือ 344-345 คะแนน ถ้าดูคำว่า 10% หมายความว่าต้องได้เพิ่มอีก 32 คะแนน เมื่อไปรวมกับ 324 เสียงจากรอบแรก ต้องได้ 356-360 เสียง จึงเป็นไปตามเงื่อนไขที่พูดคุยกันได้ พรรคเพื่อไทยเคารพพรรคอันดับ 1 แต่พรรคก้าวไกลยังไม่ประกาศอย่างเป็นทางการให้พรรคอันดับ 2 ตั้งรัฐบาล พรรคเพื่อไทยจะมาทึกทักเป็นโอกาสของตัวเองไม่ได้ โดยความชอบธรรมต้องรอให้พรรคอันดับ 1 มีแถลงการณ์ก่อน เราจึงจะบอกได้ว่าเสนอชื่อใครเป็นแคนดิเดตนายกฯขอฉีกเอ็มโอยูถ้าได้ตั้งรัฐบาลเมื่อถามว่าพรรคเพื่อไทยต้องการเวลาหาเสียงสนับสนุนนานเท่าไหร่ ในการตั้งรัฐบาล หากชื่อนายพิธาไม่ผ่านการโหวตรอบ 2 นพ.ชลน่านตอบว่า เราพร้อมแต่ต้องรอให้ผ่านกระบวนการภายในพรรคฯก่อน หากพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำตั้งรัฐบาลและประธานรัฐสภาบรรจุญัตติเลือกนายกฯในสัปดาห์หน้า เราก็พร้อม แต่หลายเรื่องต้องเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะเนื้อหาสาระเอ็มโอยู 8 พรรค หลายเรื่องต้องเปลี่ยน แต่ไม่ใช่ยกเลิก เช่น ชื่อนายพิธาจะเปลี่ยนไปเป็นใคร การเติมเสียงพรรคที่ 9 พรรคที่ 10 การหาเสียง ส.ว.มาสนับสนุนเพิ่มเติม เมื่อถามว่า ส.ว.ยืนยันว่าถ้ามีพรรคก้าวไกลร่วมรัฐบาล จะไม่โหวตให้เพื่อไทย นพ.ชลน่านตอบว่า เป็นแค่สถานการณ์สมมติ การจะได้ 375 เสียง ต้องดูว่า 8 พรรคร่วมเห็นอย่างไร เราจะปรับเปลี่ยนอะไรได้บ้าง การฟังเสียง ส.ว.ต้องนำองค์ประกอบเหล่านี้มาประกอบกัน ดังนั้น อย่าเพิ่งไปคาดการณ์อะไรถึงขั้นนั้นจะดัน “เศรษฐา” ต้องผ่าน กก.บห.นพ.ชลน่านยังกล่าวถึงกรณี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร แคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย ระบุว่าจะเสนอชื่อนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯ ลงชิงนายกฯในนามพรรคเพื่อไทย หากนายพิธาไปต่อไม่ได้ นพ.ชลน่านตอบว่า เป็นความเห็นของน.ส.แพทองธารต้องนำเรื่องเข้าที่ประชุมพรรคก่อน ส่วนจะนำชื่อนายเศรษฐาเสนอเข้าสู่ที่ประชุมรัฐสภาในวันที่ 19 ก.ค. ได้ทันทีหรือไม่หากชื่อนายพิธาไม่ผ่าน ในทางปฏิบัติไม่ควรยื่นญัตติซ้อนไป เพราะชื่อนายเศรษฐาไม่เคยนำเข้าที่ประชุม 8 พรรคร่วมฯมาก่อน คงต้องรอดูเหตุการณ์วันที่ 19 ก.ค.อีกครั้ง “อิ๊ง” ลั่น พท.เสนอชื่อ “เศรษฐา”ที่พรรคเพื่อไทย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกฯ พรรคก้าวไกล ระบุว่า หากโหวตรอบสองคะแนนไม่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจะเป็นหน้าที่ของเพื่อไทยว่า นายพิธาคงพูดไปตามระบบ ขอให้ทำให้เต็มที่ก่อนในวันที่ 19 ก.ค. ยืนยันเพื่อไทยสนับสนุน แต่ที่สุดแล้วผลจะเป็นอย่างไรคงต้องรอดู สิ่งที่เราเตรียมการคือการโหวตให้นายพิธา แต่หากมีการเปลี่ยนแปลงในวันที่ 19 ก.ค. กรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) ต้องคุยกันก่อน เมื่อถามว่าแคนดิเดตนายกฯพรรคเพื่อไทยทั้ง 3 คน พูดคุยกันบ้างหรือไม่ จะเสนอชื่อใคร น.ส.แพทองธารตอบว่า “พรรคเพื่อไทยก็จะเสนอนายเศรษฐา ทวีสิน อันนี้เป็นที่ชัดเจน แต่เราทำไปทีละขั้น” เมื่อถามว่าหากนายกฯเป็นนายเศรษฐาแล้ว น.ส.แพทองธารจะรับตำแหน่งรัฐมนตรีหรือไม่ น.ส.แพทองธารตอบว่า ยังไม่ได้คิดในส่วนของตัวเองไว้ แต่ไม่ว่าอย่างไรแคนดิเดตทั้ง 3 คนจะช่วยกันทำงาน เราก็ทำงานด้วยกันทั้ง 3 คน และทุกคนในพรรคยืนยันไม่ว่าจะอยู่ในตำแหน่งอะไรก็ช่วยกันได้มั่นใจคุยกับ ส.ส.ในพรรครู้เรื่องเมื่อถามถึงกระแสข่าวกลุ่ม ส.ส.อีสานไม่สนับสนุนนายเศรษฐา น.ส.แพทองธารตอบว่า เรื่องนี้ต้องไปตกลงกันในพรรค ไม่ทราบว่าข่าวมาจากไหน แต่ตนสนับสนุนนายเศรษฐา ตอนนี้ประเทศชาติไม่ง่าย เราคิดว่าตัวเลือกที่ดีที่สุดกับประเทศ ณ ตอนนี้คือนายเศรษฐาจะช่วยในเรื่องเศรษฐกิจ เมื่อถามย้ำว่าจะพูดคุยกับ ส.ส.ได้ทั้งหมดหรือไม่ น.ส.แพทองธารตอบว่า ได้แน่นอนเพราะตนสนับสนุนอยู่เต็มที่ และมองตัวเองด้วยว่าเราพร้อมแค่ไหน แต่ถึงอย่างไรหากถึงเวลาต้องลุยตนมีทีมที่ดี แต่ตอนนี้หากเป็นไปได้มองว่านายเศรษฐาเป็นคนที่สามารถแก้ปัญหาต่างๆ ได้ทันท่วงที และตนจะเรียนรู้ไปเรื่อยๆว่ามีตรงไหนที่พัฒนาตัวเองได้ก็เป็นเรื่องดีไม่มีฉากทัศน์รัฐบาล เพื่อไทยที่ไร้ ก้าวไกลเมื่อถามฝั่ง ส.ว.ระบุว่า หากจะให้สนับสนุนพรรค เพื่อไทยก็ต้องไม่มีพรรคก้าวไกล น.ส.แพทองธารตอบว่า ขอให้เป็นเรื่อง 8 พรรคร่วม และ กก.บห.คุยกัน ตนไม่มีหน้าที่ตอบ เราจะทำไปทีละขั้นตอน ไม่เช่นนั้นเกิดความวุ่นวายและประชาชนจะไม่สบายใจด้วย เมื่อถามย้ำว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่รัฐบาลพรรคเพื่อไทยจะไม่มีพรรคก้าวไกล น.ส.แพทองธารตอบว่า ขอให้ กก.บห.พูดคุยกันก่อน เรื่องนี้อ่อนไหวมากหากพูดอะไรออกไป ตอนนี้ยังไม่มีคำตอบแบบนั้น ยังไม่ได้วางฉากทัศน์แบบนั้น ส่วนกรณีที่นายวราวุธ ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) ระบุว่ามีการพูดกับพรรคเพื่อไทย แต่ไม่ได้มีการเทียบเชิญร่วมรัฐบาล น.ส.แพทองธารตอบว่า ไม่ทราบเรื่องดังกล่าวเพราะไม่ได้มีการพูดคุยกับตน ตอนนี้ต้องโฟกัสว่าเราจะจัดตั้งรัฐบาลให้ประชาชนได้เมื่อไร ประเทศชาติต้องไปต่อได้แล้ว แต่เข้าใจว่ากฎกติกาไม่ปกติมีกับดักมากเราต้องผ่านตรงนี้ และโฟกัสที่ประเทศชาติกับประชาชนว่าเราจะพัฒนาต่อไปอย่างไร เพื่อให้ต่างชาติมีความมั่นใจและเข้ามาลงทุนพร้อมทำเต็มที่หากเปิดหน้าดีลเมื่อถามว่าหากพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล น.ส.แพทองธารจะออกหน้าประสานหาเสียงสนับสนุนเองหรือไม่ น.ส.แพทองธารตอบว่า คงต้องดูตัวเลขเป็นหลัก หากไม่ถึง 376 เสียงก็จัดตั้งรัฐบาลไม่ได้ หากคิดว่าตนมีประโยชน์ตรงไหนก็พร้อมช่วย เมื่อถามถึงกระแสข่าวมี ส.ส.พรรคเพื่อไทยกว่า 30 คน ไปพูดคุยกับกลุ่มรัฐบาลเดิม น.ส.แพทองธารตอบว่า เป็นเรื่องเข้าใจผิด เรื่องงูเห่านั้นไม่ใช่ แต่ไม่ทราบเรื่องตื้นลึกหนาบางว่าคุยอะไรกันไว้บ้าง แต่จากการพูดคุย ส.ส.ในพรรค ไม่ใช่แบบนั้น และมั่นใจในตัว ส.ส.“ทักษิณ” กลับเลื่อนไปนิดหน่อยน.ส.แพทองธารยังกล่าวถึงความคืบหน้าการเดินทางกลับประเทศเพื่อรับโทษของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า คงเลื่อนวันกลับจากภายในเดือน ก.ค.ออกไปนิดหน่อย เพราะตอนนี้สถานการณ์การเมืองยังเลือกนายกฯไม่เรียบร้อย จากการคุยกับนายทักษิณล่าสุดท่านก็บอกว่ารอได้ รอให้เหตุการณ์ราบรื่น ยังไงเดี๋ยวค่อยว่ากัน เมื่อถามย้ำว่าพูดชัดๆคือนายทักษิณจะกลับเมื่อการเมืองนิ่งใช่หรือไม่ น.ส.แพทองธารตอบว่าใช่ ถ้านิ่งเมื่อไร ก็กลับ แต่ไม่แน่ใจว่านายทักษิณจะมองว่านิ่งเบอร์ไหน เพราะไม่อยากเป็นปัจจัยของความวุ่นวาย “เสี่ยนิด” เขินถูกชูให้เป็นนายกฯผู้สื่อข่าวรายงานว่า คล้อยหลัง น.ส.แพทองธารให้สัมภาษณ์ไม่นาน นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย เดินทางเข้าพรรค ระหว่างเดินไปขึ้นลิฟต์ น.ส.แพทองธารยืนรอทักทายนายเศรษฐาที่บริเวณหน้าห้องแถลงข่าว เมื่อถามว่าทำไมวันนี้ถึงไม่ให้สัมภาษณ์ นายเศรษฐากล่าวสั้นๆว่า น.ส.แพทองธารให้สัมภาษณ์ไปแล้ว เมื่อถามว่าเป็นเพราะได้รับการเสนอชื่อนายกฯหรือไม่จึงไม่ให้สัมภาษณ์ นายเศรษฐาตอบว่า ไม่เกี่ยวหรอก ยังมีขั้นตอน กก.บห.พรรคอีก เรื่องปากท้องก็สำคัญอยู่ เมื่อถามย้ำว่า น.ส.แพทองธารประกาศชัดเจนว่าจะเสนอชื่อนายเศรษฐาเป็นนายกฯ นายเศรษฐาตอบว่า “ครับ คุณอิ๊งต้องไปบอก กก.บห.” เมื่อถามย้ำว่าหากเสนอชื่อแบบนี้โอเคหรือไม่ นายเศรษฐาไม่ตอบคำถามได้แต่ยิ้ม แล้วตัดบทชวน น.ส.แพทองธารขึ้นไปประชุมบนตึกทันทีไทยสร้างไทย หนุน “พิธา”–ถอดปลั๊ก ส.ว.นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการพรรคไทยสร้างไทย กล่าวหลังการประชุมผู้บริหารพรรคว่า พรรคไทยสร้างไทยพร้อมออกเสียงสนับสนุนนายพิธาตามมติของ 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลอีกครั้ง และพรรคมีความเห็นว่าการเสนอชื่อนายกฯตามรัฐธรรมนูญมาตรา 272 วรรคหนึ่ง ประกอบมาตรา 159 วรรคหนึ่ง ไม่ใช่ญัตติ แต่เป็นการเสนอรายชื่อบุคคลเป็นนายกฯตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ จึงไม่ขัดกับข้อบังคับฯข้อ 41 นอกจากนี้ พรรคไทยสร้างไทยพร้อมสนับสนุนการแก้ไขบทเฉพาะกาลรัฐธรรมนูญมาตรา 272 เพื่อปิดสวิตช์ ส.ว. ไม่ให้ลงคะแนนเสียงเลือกนายกฯได้ เพื่อเคารพต่อเสียงประชาชนที่เลือกมา เราไม่เพียงแต่ปิดสวิตช์ ส.ว. เราพร้อมถอดปลั๊กออกเลย “บิ๊กตู่” ยิ้มอ่อนข่าวลือดัน “ป้อม”ที่ทำเนียบรัฐบาลเมื่อเวลา 09.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เดินยิ้มทักทายสื่อมวลชนอารมณ์ดีก่อนเข้าประชุมคณะรัฐมนตรี แต่ไม่ตอบคำถามว่าจะสนับสนุน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ หัวหน้าและแคนดิเดตนายกฯ พรรคพลังประชารัฐ ขึ้นเป็นนายกฯหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ได้แต่ยิ้มและกล่าวเพียงว่า “สวัสดีจ้า สวัสดีตอนเช้า” ทั้งนี้ก่อนประชุม ครม. นายอิทธิพล คุณปลื้ม รมว.วัฒนธรรม นำคณะเยาวชนไทยที่เติบโตในต่างประเทศ อายุระหว่าง 12-18 ปี จำนวน 40 คน เข้าพบนายกฯเพื่อ รณรงค์ประชาสัมพันธ์กิจกรรมส่งเสริมภาพลักษณ์ความเป็นไทยในโครงการเยาวชนเชื้อสายไทยคืนถิ่น ประจำปี 2566 พร้อมชมการสาธิตศิลปวัฒนธรรม Nora Thai Fit (โนรา ไทยฟิต) ที่ผสมผสานนาฏศิลป์ไทยโนราเข้ากับการออกกำลังกาย พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ทุกคนถือเป็นตัวแทนทูตทางวัฒนธรรมของไทย เผยแพร่สิ่งดีงามสู่โลกภายนอก ขอให้ภาคภูมิใจความเป็นไทยที่มีสิ่งสำคัญที่ไม่เหมือนคนอื่น คือ ความรักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ “บิ๊กป้อม” อารมณ์ดีทักทายสื่อขณะที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ แคนดิเดตนายกฯ พรรค พปชร. ทันทีที่ประตูรถเปิด พล.อ.ประวิตรก้าวลงจากรถอารมณ์ดียิ้มทักทายสื่อ ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามถึงกรณีมีชื่อจะถูกเสนอชิงเก้าอี้นายกฯพร้อมหรือไม่ พล.อ.ประวิตรไม่ตอบข้อซักถาม เพียงแต่ยิ้มเดินเข้าห้องประชุม ครม.สั่ง ส.ว.โหวตไม่ได้หลังประชุม ครม. พล.อ.ประยุทธ์ไม่ได้แถลงผลการประชุม ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามว่าได้พูดคุยกับ พล.อ.ประวิตรเรื่องผ่าทางตันการเมืองหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่าไม่ได้คุย เมื่อถามย้ำว่าหากพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลจะทำให้การเมืองเดินไปง่ายหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ตอบสั้นๆว่า ไม่ทราบ ไม่เกี่ยวข้อง ไม่ได้ไปยุ่งเกี่ยวอะไร เมื่อถามว่าจะช่วยพูดคุยกับ ส.ว.หรือไม่ เพราะถูกมองว่าเป็นคนจัดตั้งขึ้นมา พล.อ.ประยุทธ์ย้อนกลับว่า “เหรอ เขาก็มีวุฒิภาวะไม่ต้องไปสั่งอะไรเขาหรอก”ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังประชุม ครม. พล.อ.ประยุทธ์ได้ร่วมรับประทานอาหารกลางวันกับนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกฯและ รมว.พลังงาน นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายอนุชา นาคาศัย รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และนายธนกร วังบุญคงชนะ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี มีเมนู อาทิ กวยจั๊บ ข้าวกะเพราไข่ดาว ส่วนของหวานเป็นไอศกรีมกะทิสด“พีระพันธุ์” ย้ำจุดยืนเดิม รวมไทยสร้างชาตินายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าและแคนดิเดตนายกฯ พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) โพสต์เฟซบุ๊กแสดงจุดยืนพรรค รทสช.ในการโหวตเลือกนายกฯว่า ยืนยันแนวทางและนโยบายพรรคในการโหวตเลือกนายกฯอีกครั้งว่า ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม คือ 1.ไม่เสนอแคนดิเดตนายกฯของ รทสช.ทั้ง 2 คน ยืนยันว่าเราไม่เห็นด้วยกับแนวทางการตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย ที่จะทำให้เกิดผลเสียหายต่อบ้านเมือง 2.จะไม่โหวตให้แคนดิเดตนายกฯ ที่มีนโยบายหรือแนวทางการทำงานที่ขัดรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะเรื่องการแก้ไขมาตรา 112 การแบ่งแยกการปกครอง การล้มล้างสถาบันครอบครัว ระบบการศึกษา วัฒนธรรมประเพณีที่ดี และสถาบันหลักทั้ง 3 ของชาติ อันมีผลกระทบต่อความมั่นคงของบ้านเมือง“ลุงป้อม” สั่ง ส.ส.ทุกคนเข้าสภาที่พรรคพลังประชารัฐ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าและแคนดิเดตนายกฯ พรรคพลังประชารัฐ เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคและ ส.ส.พรรค พร้อมรับฟังผลการประชุมวิป 3 ฝ่าย จากนั้นเวลา 16.40 น. พล.อ.ประวิตรปฏิเสธให้สัมภาษณ์ขึ้นรถกลับทันที ขณะที่นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองหัวหน้าพรรค พปชร. ให้สัมภาษณ์ว่า ได้หารือถึงการประชุมรัฐสภาในวันที่ 19 ก.ค. กรณีหากมีการเสนอชื่อนายพิธาอีกครั้ง จะทำได้หรือไม่ และจะผิดข้อบังคับหรือไม่ ซึ่งที่ประชุมร่วมรัฐสภาคงมีการหารือเรื่องดังกล่าว และ พปชร.จะร่วมแสดงความคิดเห็นด้วย ขณะที่ พล.อ.ประวิตรกำชับ ส.ส. เข้าร่วมประชุมโดยพร้อมเพรียงรอปัจจัยเปลี่ยนแปลงพลิกขั้วนายชัยวุฒิกล่าวว่า สำหรับแนวทางพรรคต่อเรื่องนี้มองว่าทำไม่ได้ แต่ต้องฟังในที่ประชุมว่ามีเหตุผลอื่นหรือไม่ ทั้งนี้หากไม่สามารถโหวตนายพิธาได้เพราะเป็นการเสนอชื่อซ้ำ โดยหลักแล้วคงมี 2 แนวทาง คือ 1.ปิดประชุม และนัดประชุมใหม่ 2.เสนอชื่อบุคคลอื่นให้ไม่ซ้ำกับครั้งที่แล้ว โดยยังไม่มีการพูดคุยถึงการจัดตั้งรัฐบาล เพราะเวลานี้เป็นเรื่องของ 8 พรรคที่มีเอ็มโอยูร่วมกัน ต้องให้เขาทำไปให้สุดจนจบว่าจะจัดตั้งรัฐบาลได้หรือไม่ จากนั้นค่อยมาคุยกัน ต้องเคารพมติ 8 พรรคร่วม เมื่อถามว่าปัจจัยที่ทำให้ไม่โหวตซ้ำ หมายถึงการพลิกขั้วตั้งรัฐบาลหรือไม่ นายชัยวุฒิตอบว่า มีหลายเหตุผล อาจขึ้นอยู่กับพรรคการเมืองที่ร่วมรัฐบาล มี ส.ว.บางกลุ่มที่จะโหวตให้ ซึ่งอธิบายไม่ได้ เพราะอาจมีคะแนนที่เปลี่ยนแปลง หรือมีปัจจัยที่ทำให้ไม่เหมือนเดิม“ธรรมนัส” ยังกั๊กขอดูหน้างานด้าน ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ประธานประสานงาน ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า ทิศทางการโหวตเลือกนายกฯ ของพรรคต้องดูหน้างาน ส่วนการเสนอชื่อนายพิธา ขัดกับข้อบังคับที่ 41 ที่ไม่ให้เสนอญัตติซ้ำหรือไม่นั้น ตอนนี้ยังพูดอะไรไม่ได้ ยังไม่มีข้อสรุปแน่นอน ต้องขอดูหน้างานก่อน และวันที่ 19 ก.ค.พรรคจะประชุม ส.ส.ช่วงเช้า ต้องประสานกับพรรคอื่นด้วย ส่วนเรื่องการจัดตั้งรัฐบาลไม่ได้มีการคุยกัน เมื่อถามว่าพรรคเพื่อไทยได้ติดต่อมาหรือไม่ ร.อ.ธรรมนัสตอบว่า ไม่ ยังไม่ถึงเวลา ขอการโหวตวันที่ 19 ก.ค. ผ่านไปก่อน หลังวันที่ 19 ก.ค.ถ้ามีอะไรชัดเจนแล้ว สัปดาห์ต่อไปก็ควรจะจบได้แล้วชี้ญัตติ “พิธา” ตกนัดประชุมใหม่เมื่อถามว่าชื่อนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทยเป็นอย่างไร ร.อ.ธรรมนัสตอบว่า แคนดิเดตนายกฯ แต่ละพรรคดีหมด เป็นเรื่องของสมาชิก เมื่อถามว่าถ้าเป็นนายเศรษฐา พปชร.จะทำงานง่ายขึ้นใช่หรือไม่ ร.อ.ธรรมนัสตอบว่า พรรคเรามีแนวทางชัดเจน คือก้าวข้ามความขัดแย้ง เมื่อถามว่าเท่าที่ดูโอกาส พล.อ.ประวิตรเป็นนายกฯ มีหรือไม่ ร.อ.ธรรมนัสตอบว่า หัวหน้าพรรคและตนยืนยันชัดเจน การจะตัดสินใจทางการเมืองเราต้องมีมารยาท หลังพรรคก้าวไกลจัดตั้งไม่ได้แล้วก็ต้องเป็นหน้าที่พรรคเพื่อไทย ยืนยันชัดเจนว่าเราจะไม่เสนอชื่อหัวหน้า พปชร.เป็นนายกฯ เสียงข้างน้อยเด็ดขาด เชื่อว่าวันที่ 19 ก.ค.ไม่น่าจะมีการเสนอชื่อท่านอื่นนอกจาก นายพิธา เชื่อว่าถ้าญัตติโหวตนายพิธาตกไป คงให้ปิดการประชุม“หนู” นำทีม ส.ส.ชื่นชม “ชาดา”ช่วงเย็นที่พรรคภูมิใจไทย มีการประชุมส.ส.พรรค มีนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เป็นประธาน ก่อนเริ่มการประชุมนายอนุทินขอให้ ส.ส.ของพรรคปรบมือแสดงความชื่นชมแก่นายชาดา ไทยเศรษฐ์ รองหัวหน้าพรรค ที่อภิปรายก่อนโหวตนายกฯรอบแรกเมื่อวันที่ 13 ก.ค. ทำให้เห็นจุดยืน เหตุผล และเจตนารมณ์ของพรรคภูมิใจไทย ที่ไม่สนับสนุนพรรคใดก็ตามที่ต้องการแก้ไขหรือยกเลิกมาตรา 112 เราไม่สามารถร่วมงานด้วยได้ ไม่ว่าจะเสนอชื่อเป็นนายกฯหรือไปร่วมรัฐบาลที่มีพรรคดังกล่าวอยู่ร่วม ขอย้ำให้อีกครั้งว่าภูมิใจไทยไม่ต้องการแย่งจัดตั้งรัฐบาล ปล่อยให้เป็นไปตามกติกามารยาททางการเมืองไทย นอกจากนี้นายอานนท์ กลิ่นแก้ว ประธาน ศปปส. นำมวลชนราว 30 คน มาให้กำลังใจนายชาดาถึงที่พรรคด้วยภท.ไม่หนุน พท.หากยังอุ้ม ก้าวไกลด้านนายชาดา ไทยเศรษฐ์ รองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงกระแสข่าวการเสนอชื่อนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าและแคนดิเดตนายกฯ พรรคภูมิใจไทย แข่งโหวตชิงนายกฯวันที่ 19 ก.ค.นี้ว่าไม่มี เราเป็นเสียงข้างน้อย ต้องให้พรรคอันดับ 1 จัดก่อน ถ้ายังจัดไม่ได้ก็ให้พรรคอันดับ 2 และ 3 จัด เมื่อถามว่าถ้าพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลแต่มีพรรคก้าวไกลอยู่ด้วยจะโหวตให้หรือไม่ นายชาดาตอบว่า ต้องรอประชุมพรรคก่อน แม้พรรคเพื่อไทยไม่มีนโยบายแก้มาตรา 112 แต่มีพรรคก้าวไกลอยู่ ก็หมายถึงยังมีมาตรา 112 อยู่ จะอยู่ตรงไหนส่วนเล็กส่วนใหญ่ ไม่ร่วมแน่นอน สิ่งที่อยากบอกคือคะแนนพรรคอันดับ 1 ไม่ได้ชนะขาดและผูกขาดความเป็นนายกฯอยู่พรรคเดียว ไม่ใช่พรรคอื่นเป็นไม่ได้ ตามที่ด้อมส้มพยายามเบี่ยงเบนกวักมือด้อมส้มทัวร์บ้านอุทัยฯเมื่อถามว่ามีคนจาก 8 พรรค ติดต่อพรรคภูมิใจไทยขอเสียงสนับสนุนหรือไม่ นายชาดาตอบว่า อาจติดต่อผู้ใหญ่ในพรรคฯ แต่ตนไม่ทราบ ส่วนที่พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย พยายามติดต่อพรรคอื่นมาร่วมสนับสนุนด้วยนั้น ที่ผ่านมาพรรคภูมิใจไทยยื่นโอกาสให้แล้วเมื่อวันที่ 13 ก.ค. เรายื่นมือไปให้แล้วแต่เขาไม่รับ ไม่รู้จะว่า อย่างไร ถือว่าข้อเสนอจบไปตั้งแต่วันนั้นแล้ว โอกาสคงไม่มีมาบ่อยๆ กรณีมีการขุดคุ้ยเรื่องหุ้นสื่อของตน เรื่องนี้เป็นคนละเรื่องกัน ไม่ใช่หุ้นในประเทศไทยเป็นหุ้นอยู่ที่สหรัฐฯ อย่าเอามาผูกกัน “ไม่สนใจทัวร์ที่จะมาลงอยู่แล้ว ไม่กังวล อยากให้ไปที่บ้านผมรออยู่ ไม่ชอบพฤติกรรมแบบนี้ มันป่าเถื่อน ไปด่า ส.ว.ด่าคนไม่เห็นด้วย ขู่จะเอาแก๊สไประเบิดพฤติกรรมแบบนี้ไม่ใช่กลุ่มการเมือง แต่เป็นกลุ่มอันธพาล ไม่ถูกต้อง” “จุรินทร์” ไม่เจรจากับก้าวไกลด้านนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รักษาการเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ แจ้งว่ามีตัวแทนพรรคก้าวไกลมาประสานให้ขอช่วยโหวตนายกฯ วันที่ 19 ก.ค.ว่า ไม่ขอพูดรายละเอียดเอาเป็นว่าไม่มีการเจรจาในการตั้งรัฐบาลกับพรรคก้าวไกลเป็นจุดยืนของพรรคชัดเจนอยู่แล้ว ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง เมื่อถามว่าหากพรรคเพื่อไทยจัดตั้งรัฐบาลแทน ประชาธิปัตย์จะเข้าร่วมด้วยหรือไม่ นายจุรินทร์ตอบว่า ไม่ขอตอบ เรื่องยังไม่เกิดขึ้น เอาสถานการณ์ปัจจุบัน“เสี่ยต่อ” ปัดไม่ได้คุย “ชัยธวัช”นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รักษาการเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ไม่ได้คุยกับนายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล ที่มีข่าวว่าพรรคก้าวไกลโทร.มาขอเสียงสนับสนุนจากประชาธิปัตย์โหวตให้นายพิธานั้น ไม่ทราบ ต้องไปเช็กว่าคุยกับใคร ไม่ได้คุยกับตน เมื่อถามว่าต้องนำเข้าที่ประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคเพื่อเป็นมติใช่หรือไม่ นายเฉลิมชัยตอบว่า ต้องเป็นมติ ส.ส. มติเป็นอย่างไรก็เป็นอย่างนั้น เมื่อถามว่าหากพรรคก้าวไกลถอยเรื่องมาตรา 112 ประชาธิปัตย์จะสนับสนุนหรือไม่ นายเฉลิมชัยตอบว่า ต้องรอให้ ส.ส.มีมติก่อน“ท็อป” นั่งบนภูรอจังหวะเสียบนายวราวุธ ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) กล่าวถึงท่าทีพรรคก้าวไกลที่ดูเหมือนเปิดรับ ชทพ.เข้าร่วมรัฐบาลว่า อ่านข่าวก็ยังสับสน แต่ละคนในพรรคก้าวไกลให้สัมภาษณ์แตกต่างกันไป ที่สำคัญต้องดูว่าเป็นมติของพรรคก้าวไกล เป็นความเห็นชอบของ 8 พรรคร่วมหรือไม่ เพราะถ้ามีการเชิญแต่ไม่มีการยืนยันว่าเป็นความเห็นชอบของทุกฝ่ายร่วมกัน ก็คงไม่สามารถให้คำตอบได้ แต่ ชทพ.ยืนยันจุดยืนเดิม ส่วนกระแสอาจเปลี่ยนเป็นพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลนั้น จุดยืนชทพ.ไม่ว่าพรรคไหน เราให้ความสำคัญเรื่องมาตรา 112 สูงสุด หากพรรคเพื่อไทยไม่มีแนวทางแก้ไขมาตรา 112 น่าจะคุยกันได้ “ตอนนี้เรานั่งอยู่บนภู ให้เขาว่ากันไปให้เต็มที่” เมื่อถามย้ำว่ามีกระแสข่าวว่าจะเสนอชื่อ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ชิงนายกฯ นายวราวุธรีบปฏิเสธว่า ไม่มีๆ ชทพ.ทำงานตามแนวทางที่ได้พูดก่อนเลือกตั้ง พูดอย่างไรวันนี้ก็ยังเหมือนเดิม ไม่เปลี่ยนแปลงกองทัพเต้นโต้ดีลลับลังกาวีผู้สื่อข่าวรางานจากกองบัญชาการกองทัพไทย ถึงกระแสข่าว พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผบ.ทหารสูงสุด ร่วมคณะ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ อดีต ผบ.ทบ. ไปลังกาวี ประเทศมาเลเซีย ช่วงวันที่ 5-7 พ.ค.2566 ถูกโยงว่าไปพบกับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ มีดีลลับการเมืองก่อนเลือกตั้ง โดยแหล่งข่าวระดับสูงระบุว่า พล.อ.เฉลิมพลไม่ได้ไปพบอดีตนายกฯตามที่มีข่าว แต่ไปพบปะกับแกนนำกลุ่มก่อความไม่สงบจังหวัดชายแดนภาคใต้ ตามที่นัดหมายไว้ เป็นการประสานเปิดช่องทางการติดต่อสื่อสารอีกช่องทางหนึ่ง ขณะที่กลุ่มเคลื่อนไหวรอมีรัฐบาลใหม่ก่อน ส่วนกรณีที่ พล.อ.อภิรัชต์เดินทางไปด้วยนั้น เนื่องจาก พล.อ.อภิรัชต์สนใจติดตามแก้ปัญหาความไม่สงบในชายแดนใต้ และมีสายข่าวอยู่ในฝั่งมาเลเซีย ยังคงติดตามสถานการณ์มาตลอด คาดว่ามีคนพยายามจะเชื่อมโยงกับการเมือง ที่ผ่านมามีการปล่อยข่าวลือพาดพิง พล.อ.อภิรัชต์มาตลอด แต่ พล.อ.อภิรัชต์เลือกที่จะนิ่ง ไม่ชี้แจงตอบโต้ แต่ไม่ชี้แจงไม่ได้หมายความว่าเป็นเรื่องจริง เพราะอยู่ในสถานภาพที่ไม่ได้มายุ่งเกี่ยวใดๆทางการเมือง ขออย่าโยง“อกนิษฐ์”ตั้งแง่ 3 คุณสมบัติผู้นำที่รัฐสภา พล.อ.อกนิษฐ์ หมื่นสวัสดิ์ ส.ว. ให้สัมภาษณ์ถึงทิศทางการโหวตนายกฯ วันที่ 19 ก.ค.ว่า ต้องเป็นคนดี มีนิยามคือ 1.เป็นคนประพฤติปฏิบัติอยู่ในกรอบกฎหมาย 2.ปฏิบัติตนอยู่ในกรอบศาสนา 3.ประพฤติตัวอยู่ในขนบธรรมเนียมอันดีงาม ใครมีคุณสมบัติครบ 3 ประการนี้จะเลือก หากเป็นผู้ทำผิดกฎหมาย ผิดหลักศาสนา คิดล้มขนบธรรมเนียม โดยเฉพาะสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจเป็น 100 ปี จะเสนอชื่อใครมาก็พิจารณาเช่นนี้ แต่ถ้าเปลี่ยนเป็นคนอื่นยังตอบไม่ได้ หากเสนอมาก็พิจารณา เรื่องเก่งไม่วิตก แต่เรื่องคนดีต้องพิจารณาหนัก ยังไม่ทราบว่าจะเสนอชื่อนายเศรษฐา ทวีสิน หรือไม่“พรทิพย์” ขอปิดสวิตช์ทุกแคนดิเดตพญ.คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ส.ว. กล่าวว่า ขอบคุณทุกฝ่ายที่มาให้กำลังใจ ส.ว. ช่วยให้ผ่านอุปสรรคไปได้ ยืนยันไม่ว่าจะเสนอชื่อใครเป็นนายกฯจะโหวตปิดสวิตช์ตัวเองทุกคน คืองดออกเสียง ไม่ว่าจะเป็นนายเศรษฐา ทวีสิน หรือ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ไม่ใช่เพราะไม่ชอบแต่ต้องการยืนยันว่า ส.ว.ไม่มีอำนาจเลือกตำแหน่งนี้ หลังจากวันโหวตรอบแรกโดนผลกระทบจากด้อมส้มคุกคามตัวเองและลูก แล้วอยู่ๆจะมาบอกให้ช่วยเลือก แบบนี้ไม่ใช่ประเทศ ไทยที่สงบสุข ไม่สามารถให้ความเห็นชอบได้ เหตุใดนายพิธาไม่มาคุยกับตน ส่งคนอื่นมาคุย เมื่อถามว่าที่บอกว่าถูกคุกคาม ลูกสาวโดนคุกคามอย่างไรบ้าง พญ.คุณหญิงพรทิพย์ตอบว่า จากสภาพคนใกล้ชิดที่พบคือลูกเรียกคนเป็นแม่ว่าคุณ ทำนองเดียวกับที่เกิดขึ้นในครอบครัวตน แต่ด้อมส้มไม่ดูอะไรเลย ลูกสาวตนชอบพรรคก้าวไกล แต่เวลาเข้าไปถล่มมันคิดว่าจะไปด่าแม่แต่กลับไปด่าลูก เมื่อถามว่าความสัมพันธ์กับลูกสาวเป็นอย่างไรบ้าง พญ.คุณหญิงพรทิพย์ตอบว่า ช่วง 2-3 วันนี้ยังไม่มีโอกาสได้คุยกัน แต่คงไม่มีปัญหาอะไรที่ยิ่งใหญ่ไปกว่าความรักแม่ที่มีต่อลูก เมื่อถามว่าลูกสาวเคยขอให้ตัดสินใจช่วยโหวตนายพิธาหรือไม่ พญ.คุณหญิงพรทิพย์ตอบว่า “ยอมรับว่าเคยขอ แต่บอกไปว่าการเมืองคือการเมือง”ผบ.เหล่าทัพตบเท้าเข้าประชุมผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.สนิธชนก สังขจันทร์ ปลัดกระทรวงกลาโหม พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผบ.ทสส. พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผบ.ทบ. พล.ร.อ.เชิงชาย ชมเชิงแพทย์ ผบ.ทร. พล.อ.อ.อลงกรณ์ วัณณรถ ผบ.ทอ. พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. เตรียมเข้าร่วมประชุมรัฐสภาในฐานะ ส.ว. เพื่อลงมติเลือกนายกฯวันที่ 19 ก.ค. โดยพร้อมเพรียง หลังลาประชุมรอบแรกด้วยเหตุผลติดภารกิจต่างจังหวัดและต่างประเทศ จนกลุ่มผู้ชุมนุมคาร์ม็อบ นำโดยนายอานนท์ นำภา นายธัชพงษ์ แกดำ นำมวลชนเคลื่อนขบวนทำกิจกรรมยื่นหนังสือถึง ส.ว.ที่เป็น ผบ.เหล่าทัพ เพื่อกดดันให้ลาออกจากการเป็น ส.ว. พร้อมวิพากษ์วิจารณ์ถึงการจัดลำดับความสำคัญระหว่างงานในราชการกับการโหวตเลือกนายกฯที่เป็นเรื่องที่สำคัญกว่า “ทนายเดชา” ฟ้อง “เสรี” หมิ่นที่ศาลอาญามีนบุรี นายเดชา กิตติวิทยานันท์ ประธานเครือข่ายทนายคลายทุกข์ ยื่นฟ้องนายเสรี สุวรรณภานนท์ ส.ว. ฐานหมิ่นประมาทตาม ป.อาญามาตรา 328 ประกอบ 326 และ 83 ศาลรับคำฟ้องไว้นัดไต่สวนมูลฟ้องวันที่ 4 ก.ย.66 เวลา 09.00 น. นายเดชากล่าวหลังยื่นฟ้องนายเสรีว่า ก่อนหน้านี้ เขาออกมาแถลงข่าวว่าได้ดำเนินการฟ้องทั้งทางแพ่งและอาญากับทนายความชื่อดัง 2 คน และประชาชนที่แสดงความคิดเห็นโพสต์ข้อความหมิ่นประมาท กระทบต่อธุรกิจของครอบครัว และเครือญาติของ ส.ว. นายเสรีบอกว่า ประชาชนเป็นพวกอันธพาลด่าว่าโง่ พวกเห็นต่างทางการเมืองเป็นพวกทำลายชาติทำลายสังคมทำลายวิถีชีวิตที่ดีงามของประเทศไทย คำพูดเหล่านี้เป็นคำพูดที่หมิ่นประมาท ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง ส่วนเหตุการณ์ที่นายเสรีนำมาฟ้องนั้นเป็นเหตุการณ์ที่ตนไลฟ์แสดงความคิดเห็นทางการเมือง เป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญและข้อความคำพูดที่กดไลค์นั้นตนไม่เคยเอ่ยชื่อ ส.ว. คนใด แต่กลับมีคนร้อนตัวมาฟ้องตน และทุกอย่างที่ตนพูดเป็นความจริงอดีต ส.ส.ร.ยื่นสอย 43 ส.ว.ที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ประจำจังหวัดนครพนม นายเศวต ทินกูล อายุ 63 ปี อดีตสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) 2550 นำเอกสารหลักฐานเข้ายื่นต่อนายสมพจน์ แพ่งประสิทธิ์ ผอ.สำนักงาน ป.ป.ช.ประจำจังหวัดนครพนม และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง กล่าวหา ส.ว.จำนวน 43 คน ทุจริตต่อหน้าที่ เป็นเหตุให้เกิดความเสียหายต่อประเทศไทยและประชาชน เจตนาจงใจละเว้นการปฏิบัติหน้าที่สืบเนื่องจาก ส.ว. 43 คน ไม่เข้าร่วมประชุมโหวตเลือกนายกฯในวันที่ 13 ก.ค.โดยไม่มีเหตุอันควร และมิได้แจ้งเหตุของการขาดประชุมให้ประธานรัฐสภาทราบ ถือว่าเป็นเจตนาจงใจ ฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญมาตรา 272 ด้าน ผอ.สำนักงานป.ป.ช.ประจำจังหวัดนครพนมกล่าวว่า จะนำเสนอเรื่องดังกล่าวต่อ ป.ป.ช. กลางพิจารณาตามขั้นตอนเนื่องจากการกล่าวหาข้าราชการระดับสูงเกินอำนาจหน้าที่ของ ป.ป.ช.ประจำจังหวัดที่จะพิจารณาฟ้อง กกต.เจตนาดิสเครดิต “พิธา”ที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง มีรายงานว่า เมื่อช่วงเย็นวันที่ 17 ก.ค. นายยงยุทธ เสาแก้วสถิต ทนายความ ยื่นฟ้องนายอิทธิพร บุญประคอง กับพวกรวม 7 คน เป็นจำเลยที่ 1-7 ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานของรัฐ กระทำการในฐานะเจ้าพนักงานของรัฐโดยทุจริต เจตนาร่วมกันออกประกาศคณะกรรมการการเลือกตั้งในการเลือกตั้ง ส.ส. โดยศาลนัดฟังคำสั่งชั้นตรวจฟ้องวันที่ 8 ส.ค. คำฟ้องบรรยายโดยสรุปว่า จำเลยทั้ง 7 เจตนาร่วมกันจัดเลือกตั้งในลักษณะทำทุกวิถีทางเพื่อช่วยให้พรรครัฐบาลเดิมชนะการเลือกตั้งและได้กลับมาเป็นรัฐบาลอีกครั้ง จำเลยทั้ง 7 ย่อมรู้อยู่แก่ใจว่า ก่อนการเลือกตั้งประชาชนนิยมฝ่ายรัฐบาลน้อยกว่าฝ่ายค้าน ขณะหรือหลังรับสมัครรับเลือกตั้ง จำเลยทั้ง 7 มีหน้าที่ต้องตรวจสอบคุณสมบัติของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก.ก. หรือผู้สมัครรับเลือกตั้งทุกคน แต่หาได้ทำตามอำนาจหน้าที่จนปล่อยล่วงเลยมาจนถึงวันเลือกตั้ง จำเลยทั้ง 7 มิได้ดำเนินการสืบสวน ไต่สวน และวินิจฉัยให้ละเอียดรอบคอบเสียก่อน ตามอำนาจหน้าที่ หรือตามขั้นตอน อันเป็นการดำเนินการก่อน หรือขณะโหวตเลือกนายพิธาเป็นนายกฯในวันที่ 13 ก.ค.เจตนาเพื่อลดความน่าเชื่อถือของนายพิธาและพรรคก้าวไกล ต่อสมาชิกรัฐสภา ทั้งที่นายพิธาเป็นส.ส.มาจนครบหนึ่งสมัยหรือสี่ปีแล้ว ที่ผ่านมาก็ไม่เคยมีผู้ใดร้องคัดค้าน เป็นการปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หรือโดยทุจริต ขอให้ลงโทษจำเลยด้วยกลุ่มป้องสถาบันเดินเครื่องเมื่อเวลา 09.00 น. กลุ่มศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน (ศปปส.) นำโดยนายอานนท์ กลิ่นแก้ว ประธาน ศปปส. นพ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ กลุ่มพลเมืองอาสาปกป้องแผ่นดิน นายใจเพชร กล้าจน หรือหมอเขียว แพทย์วิถีพุทธ ตัวแทนสมณะโพธิรักษ์ แห่งสันติอโศก นายใจเมฆ นาวาบุญนิยมและนายมหัศจักร โสดี ตัวแทนอดีตหลวงปู่พุทธะอิสระ ร่วมกับกลุ่มนักรบเลือดสีน้ำเงินปกป้องสถาบัน และกลุ่มกองทัพธรรมส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุชาวชุมชนสันติอโศก ใส่เสื้อม่อฮ่อมมารวมตัวกันหน้าบริษัทสามเสนบริวเวอรี จำกัด พร้อมรถกระบะ Isuzu D-max สีดำ ป้ายทะเบียน บบ 7796 นนทบุรี ติดเครื่องขยายเสียง เปิดเพลงหนักแผ่นดิน ก่อนพากันเคลื่อนไปชุมนุมกันที่ทางเข้าอาคารรัฐสภาฝั่งถนนสามเสน เพื่อขอเข้ามอบดอกไม้ให้กำลังใจ ส.ว.ภายในรัฐสภาแบน “พิธา” ประณาม 13 ส.ว.นพ.ตุลย์กล่าวว่า พวกเราจะสู้ไม่ยอมให้ยกเลิกมาตรา 112 โทษสูงยังหมิ่นแล้วยกเลิกจะขนาดไหน ขอสนับสนุน ส.ว.-ส.ส.ทุกคนให้ทำหน้าที่เหมือนวันที่ 13 ก.ค. พวกหน้าไม่อายญัตติตกไปแล้วดันทุรังอีกทำไม ขณะที่นายใจเพชรกล่าวว่า ประชาธิปไตยที่แท้จริงต้องไม่ใช่เสียงส่วนใหญ่มั่วๆ ต้องเป็นเสียงที่ทำให้เกิดความสงบสุขกับประชาชน จากนั้นร่วมกันอ่านแถลงการณ์ถึงการสนับสนุนจุดยืนของ ส.ว.ที่ไม่โหวตให้นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกฯ พรรคก้าวไกล เป็นนายกฯ และประณาม 13 ส.ว.ที่โหวตให้นายพิธา ก่อนพากันร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี มีนายกิตติศักดิ์ รัตนวราหะ ส.ว. ออกมารับตัวแทนกลุ่มเดินเข้าไปยื่นหนังสือภายในอาคารรัฐสภา (ฝั่งวุฒิสภา) โดยมีนายเสรี สุวรรณภานนท์ นายสมชาย แสวงการ พญ.คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ นายถวิล เปลี่ยนศรี พล.อ.อกนิษฐ์ หมื่นสวัสดิ์ ร่วมกันเป็นตัวแทนมารับหนังสือและรับดอกไม้ให้กำลังใจม็อบขอชุมนุมลุ้น “พิธา” รอบ 2วันเดียวกัน ที่ สน.บางโพ น.ส.กัลยกร สุนทรพฤกษ์ หรือจิ๊บ แกนนำกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม ยื่นหนังสือแจ้งขอใช้สถานที่จัดการชุมนุมสาธารณะ ที่ศูนย์ราชการกรุงเทพฯ (เกียกกาย) ตรงข้ามอาคารรัฐสภา ฝั่งถนนทหาร ระบุว่า จะทำกิจกรรมทางการเมืองเรื่องการโหวตเลือกนายกฯและอำนาจในการโหวตนายกฯของ ส.ว.ไม่มีการเดินขบวนหรือเคลื่อนย้ายสถานที่ชุมนุม ประเมิน ยอดผู้ชุมนุมราว 500-1,000 คน เริ่มการชุมนุมตั้งแต่วันที่ 19 ก.ค. เวลา 14.00 น. ถึงเวลา 01.00 น. วันที่ 20 ก.ค. ขอตั้งเวทีขนาด 10 คูณ 2 เมตร เริ่มติดตั้งเวทีตั้งแต่เวลา 11.00 น. วันที่ 19 ก.ค. พร้อมขอการสนับสนุนรถสุขา ไฟส่องสว่าง และรถพยาบาลบช.น.วาง 15 กองร้อยอารักขาที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.รุ่งโรจน์ ฐากูรปุณยสิริ รอง ผบช.น. กล่าวว่า ในวันโหวตนายกฯครั้งที่ 2 บช.น.ใช้แผนเดิมวางกำลังตำรวจดูแลเหมือนวันที่โหวตครั้งแรกเตรียมกำลังตำรวจ 15 กองร้อย ร่วมกับตำรวจรัฐสภาและเจ้าหน้าที่ กทม.และได้ออกประกาศห้ามชุมนุมในรัศมีไม่เกิน 50 เมตร พื้นที่รอบรัฐสภา ตั้งแต่วันที่ 18-21 ก.ค. ส่วน กทม.ได้ประกาศกำหนดพื้นที่ชุมนุมไว้บริเวณทางเท้าภายในศูนย์ราชการเกียกกายและถนน 1 ช่องจราจร ขณะนี้มีผู้มาขออนุญาตชุมนุมแล้ว การข่าวไม่มีเหตุการณ์รุนแรง การปฏิบัติเป็นไปตามนโยบาย ผบช.น.ไม่ใช้ความรุนแรงหลีกเลี่ยงการปะทะกลุ่ม 24 มิถุนา-ครช.บุกศาล รธน.เมื่อเวลา 11.00 น. ที่ศาลรัฐธรรมนูญ ศูนย์ราชการ แจ้งวัฒนะ กลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย และคณะรณรงค์รัฐธรรมนูญประชาชน (ครช.) ประมาณ 20 คน นำโดยนายสมยศ พฤกษาเกษมสุข ชุมนุมที่หน้าศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อคัดค้านศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยยุบพรรค ก.ก.ตามที่สำนักงาน กกต.ยื่นคำร้องให้วินิจฉัยสมาชิกภาพ ส.ส.ของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าและแคนดิเดตนายกฯ พรรค ก.ก.สิ้นสุดลงตามมาตรา 82 กรณีถือครองหุ้นไอทีวี และคำร้องกรณีพรรค ก.ก.แก้ไขกฎหมายอาญามาตรา 112 เป็นการล้มล้างการปกครอง โดยมีเจ้าหน้าที่ศาลรัฐธรรมนูญเป็นผู้รับหนังสือร้องเรียนของกลุ่มจัดเผาศพ ส.ว.เปิดศึกองค์กรอิสระทั้งนี้ แกนนำผู้ชุมนุมได้สลับกันปราศรัยและอ่านแถลงการณ์ นายสมยศกล่าวตอนหนึ่งว่า ขอให้ ส.ว.ยอมรับผลของการกระทำสิ่งที่เกิดขึ้น ขณะนี้ไม่ใช่การคุกคามหรือไล่ล่าแม่มด การที่มีคนไปกดกริ่งหน้าบ้าน หรือประกาศแบนธุรกิจของ ส.ว.ทั้งหมดเป็นการแสดงออกด้วยสันติวิธี ในวันที่ 19 ก.ค. นัดแต่งชุดดำ จัดกิจกรรมฌาปนกิจศพ ส.ว.ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เวลา 17.00 น. เราขอประกาศศึกกับองค์กรอิสระ ทั้ง กกต.และศาลรัฐธรรมนูญ โดยใช้สิทธิการชุมนุมของประชาชน ไม่ปล่อยให้องค์กรเหล่านี้ทำตามอำเภอใจเพื่อตอบสนองเผด็จการ และขอเรียกร้องให้ 8 พรรคการเมืองเหนียวแน่นยืนหยัดไปด้วยกัน เพื่อกำจัดอำนาจเผด็จการศาล รธน.ประกาศคุมเข้มพื้นที่ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศาลรัฐธรรมนูญออกประกาศระบุว่า หน่วยงานความมั่นคงแจ้งต่อสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญว่า จะมีสถานการณ์ที่มีสิ่งบอกเหตุหรือข้อมูลที่แสดงให้เห็นว่าอาจจะมีเหตุการณ์ความไม่ปลอดภัยและความไม่สงบเรียบร้อยเกิดขึ้น เพื่อให้กระบวนการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญในเรื่องรับคำร้องหรือไม่รับคำร้องกรณีถือหุ้นไอทีวีของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรค ก.ก.เป็นไปด้วยความเรียบร้อยจึงกำหนดให้อาณาบริเวณหรือพื้นที่ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ 80 ปี อาคารราชบุรีดิเรกฤทธิ์ เป็นพื้นที่ชั้นนอกในการรักษาความปลอดภัยและความสงบเรียบร้อย และเป็นพื้นที่ควบคุมตามระเบียบศาลรัฐธรรมนูญ ห้ามผู้ใดเข้ามาในพื้นที่ควบคุมเว้นแต่ผู้ได้รับอนุญาต ต้องผ่านการตรวจบุคคล สิ่งของที่นำมา ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 19 ก.ค. เวลา 18.00 น. ถึง 20 ก.ค.เวลา 24.00 น. ขณะเดียวกัน บช.น.ได้เตรียมรถฉีดน้ำแรงดันสูง หรือจีโน่ และรถเติมน้ำ รถควบคุมผู้ต้องหาขนาดใหญ่ 2 คัน มาจอดสแตนด์บาย รับมือหากมีการชุมนุมก.ก.ฟิตชง ก.ม.เปลี่ยนประเทศอีกเรื่องที่รัฐสภา นายพริษฐ์ วัชรสินธุ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล พร้อม ส.ส.พรรค ก.ก. เสนอร่างกฎหมายเปลี่ยนประเทศจำนวน 2 ชุดรวม 7 ฉบับ ได้แก่ ชุดกฎหมายปฏิรูปกองทัพ 5 ฉบับ และชุดกฎหมายปิดช่องทุนผูกขาด 2 ฉบับ ผ่านตัวแทนประธานสภาผู้แทนราษฎร นายพริษฐ์กล่าวว่า แต่การจัดตั้งรัฐบาลตามมติมหาชนยังไม่สำเร็จ แต่พรรคพร้อมเดินหน้าใช้กลไกนิติบัญญัติขับเคลื่อนนโยบายทันที วันนี้เป็นการยื่นร่างกฎหมาย 2 ชุดแรก รวมทั้งสิ้น 7 ฉบับ ได้แก่ 1.ชุดกฎหมายปฏิรูปกองทัพ 5 ฉบับ คือ ร่าง พ.ร.บ.รับราชการทหาร เพื่อยกเลิกการบังคับเกณฑ์ทหารในยามปกติ และเปลี่ยนเป็นระบบสมัครใจ 100% ร่าง พ.ร.บ.จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม เพื่อตัดอำนาจสภากลาโหมให้พลเรือนอยู่เหนือกองทัพ ร่าง พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ เพื่อเพิ่มความโปร่งใสเรื่องภาระค่าใช้จ่ายและเงินนอกงบประมาณทั้งหมดของรัฐ ร่าง พ.ร.บ.ยกเลิก พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร เพื่อดำเนินการยุบ กอ.รมน. และร่าง พ.ร.บ. ยกเลิกประกาศ คสช. และคำสั่งหัวหน้า คสช. เพื่อยกเลิกประกาศและคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ละเมิดสิทธิเสรีภาพ 2.ชุดกฎหมายปิดช่องทุนผูกขาด (Demonopolize) 2 ฉบับ คือร่าง พ.ร.บ.ภาษีสรรพสามิต หรือร่างสุราก้าวหน้า และร่าง พ.ร.บ.การแข่งขันทางการค้า เพื่อสร้างกติกาแข่งขันทางการค้าที่เป็นธรรม ส่วนชุดกฎหมายเปลี่ยนประเทศอีก 12 ชุด จะยื่นหลังจากนี้