โครงการสร้างมูลค่าเพิ่มจากวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร...หนึ่งในโครงการสำคัญของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมส่งเสริมการเกษตร กรมการข้าว กรมปศุสัตว์ กรมวิชาการเกษตร และสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร บูรณาการร่วมกัน เพื่อให้เกษตรกรมีความรู้ความเข้าใจในเรื่องการนําเศษวัสดุการเกษตรมาใช้ประโยชน์ สามารถลดต้นทุน และสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจและอุตสาหกรรม ในปีงบประมาณ 2566 ได้กำหนดเป้าหมายพื้นที่ 77 จังหวัด เกษตรกร 24,900 ราย ดำเนินกิจกรรมต่างๆ เช่น การจัดการฟางข้าวหลังการเก็บเกี่ยวเพื่อความยั่งยืน การพัฒนาและถ่ายทอดเทคโนโลยี นวัตกรรม การบริหารจัดการวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรเป็นอาหารสัตว์ การจัดการวัสดุเหลือใช้โดยยึดแนวคิดระบบธุรกิจปิดวงจรและระบบการจัดการวัตถุดิบเหลือใช้สู่โรงงานแปรรูปเป็นต้นแบบ และแนวทางการสร้างมูลค่าเพิ่มจากวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เป็นต้น “จากการติดตามโครงการในรอบ 6 เดือน ตั้งแต่ตุลาคม 2565 ถึง มิถุนายน 2566 ในภาพรวมโครงการทั้งประเทศ สามารถดำเนินกิจกรรมให้แก่เกษตรกรไปแล้ว 21,271 ราย คิดเป็นร้อยละ 85.43 ของเป้าหมาย” นายฉันทานนท์ วรรณเขจร เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ยกตัวอย่างกิจกรรมสำคัญ...กรมส่งเสริมการเกษตร ได้มีการเข้ามาถ่ายทอดสร้างความรู้ความเข้าใจให้เกษตรกรในการจัดการเพิ่มมูลค่าเศษวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรที่เหมาะสมตามบริบทของชุมชน 15,400 ราย ครบตามเป้าหมาย ส่วนกรมปศุสัตว์นำเทคโนโลยีนวัตกรรมการบริหารจัดการวัสดุเหลือใช้เป็นอาหารสัตว์ และให้ยืมเครื่องจักรกลการเกษตร (Motor Pool) ผ่านศูนย์วิจัยและพัฒนาอาหารสัตว์และศูนย์เครือข่าย พร้อมถ่ายทอดความรู้ในการจัดการวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรมาใช้เลี้ยงสัตว์ ซึ่งมีเกษตรกรมาใช้บริการแล้ว 4,878 ราย (ร้อยละ 64.18 ของเป้าหมาย 7,600 ราย) นอกจากนี้ ยังเปิดศูนย์บริการอาหารสัตว์ (Feed Center) 14 แห่ง โดยผลิตพืชอาหารสัตว์เพื่อให้เกษตรกรใช้เลี้ยงสัตว์ มีเกษตรกรมาใช้บริการแล้ว 993 ราย (ร้อยละ 70.93 ของเป้าหมาย 1,400 ราย) เผยถึงการลงพื้นที่ติดตามกลุ่มตัวอย่างเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการ 74 ราย ใน 6 จังหวัด ได้แก่ หนองคาย, อุดรธานี, ขอนแก่น, ฉะเชิงเทรา, สระแก้ว และจันทบุรี พบว่า หลังจากการดำเนินโครงการ เกษตรกรสามารถลดรายจ่ายด้านอาหารเพื่อบริโภค เช่น เห็ดตะกร้า พืชผักสวนครัว ผลิตปุ๋ยหมัก ปุ๋ยอินทรีย์ใช้เอง ช่วยลดรายจ่ายในครัวเรือนเฉลี่ย 1,124 บาท/ครัวเรือน/ปีและยังสามารถลดค่าใช้จ่ายเครื่องจักรกลการเกษตรจากภาคเอกชน เปลี่ยนมาใช้บริการยืมเครื่องจักรกลตามโครงการ เพื่อจัดการฟางข้าวเป็นอาหารสัตว์ สามารถลดค่าใช้จ่ายได้ 7,425 บาท/ครัวเรือน/ปี ส่งผลให้ทั้ง 2 กิจกรรม เกษตรกรสามารถลดรายจ่ายได้ทั้งสิ้น 8,549 บาท/ครัวเรือน/ปี และสร้างรายได้เสริมจากวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร ด้วยการนำมาผลิตกระถางต้นไม้จากฟางข้าวจำหน่ายในตลาดชุมชน ได้เฉลี่ย 720 บาท/ครัวเรือน/ปีเลขาธิการ สศก. บอกว่า โดยภาพรวมเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการมีความพึงพอใจต่อโครงการ ในระดับมากที่สุด ด้วยเห็นว่า สามารถจัดการวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรมาใช้ให้เกิดประโยชน์ ลดค่าใช้จ่ายจากการจ้างเอกชนมาจัดการวัสดุเหลือใช้ จึงอยากให้มีการสนับสนุนต่อเนื่องและต่อยอดจากกิจกรรมที่ทำอยู่เพื่อให้เกิดผลยิ่งๆขึ้นไป.ชาติชาย ศิริพัฒน์