การผูก เป็นมัดข้าวต้ม ระหว่าง ก้าวไกล กับ เพื่อไทย ด้วยจำนวน ส.ส. 151 เสียงกับ 141 เสียง ไม่ต่างจาก ฝาแฝด ตัวติดกัน ถ้าแยกกันเมื่อไหร่ก็บาดเจ็บทั้งคู่ ก้าวไกล 151 เสียง ถ้าไม่มีเพื่อไทย เสียงจะหายไปทันที 141 เสียง รัฐบาล 7 พรรค จะเหลือเสียงสนับสนุน 170 เสียง จะไปหาเสียงจากไหนมา 80 เสียง ให้ครบ 250 เสียงขึ้นไปภูมิใจไทย 71 เสียงประกาศชัดในสภา ถ้า ก้าวไกล ยังแตะต้อง ม.112 ไม่ร่วมรัฐบาลด้วยแน่นอน เช่นเดียวกับ พลังประชารัฐ 40 เสียง รวมไทยสร้างชาติ 36 เสียง ประชาธิปัตย์ 25 เสียง ชาติไทยพัฒนา อีก 10 เสียงถึงทางตันอยู่ดีในส่วนของ เพื่อไทย 141 เสียง ถ้าไม่มี ก้าวไกล 151 เสียง ยังเอา พลังประชารัฐ หรือ รวมไทยสร้างชาติ ในวันที่ไม่มี สามลุง มาได้แบบหมิ่นเหม่ เอา ภูมิใจไทย อีกพรรค 71เสียง บวก 76 เสียง เป็น 147 เสียง มาผสมก็ได้เสียง เกิน 250 เสียงไปแล้วแต่เพื่อไทยก็จะต้องเสี่ยงกับอนาคตทางการเมืองของเพื่อไทย และครอบครัวเพื่อไทยรวมทั้งการต่อรองจาก พรรคฝั่งอนุรักษนิยม ที่ถือไพ่เหนือกว่า ถ้าไม่ได้จากฝั่งอนุรักษ์มาช่วยสนับสนุน ก็ตั้งรัฐบาลไม่ได้อีก ถ้าจะให้เลือกแล้ว เพื่อไทย เลือกที่จะอยู่กับ ก้าวไกล มากกว่า ราบรื่นกว่าแต่เมื่อ ก้าวไกล ไปด้วยเองไม่ได้ ไม่ว่า จะมีพิธาเป็นนายกฯ หรือไม่ก็ตาม ซึ่งต้องดูเงื่อนไขต่อไปว่าถ้าตำแหน่งนายกฯยกให้ เพื่อไทย จะเป็น เศรษฐา ทวีสิน หรือ แพทองธาร ชินวัตร แล้ว ส.ว.จะโหวตให้หรือไม่ เมื่อ ก้าวไกลยังอยู่ การแก้ไข ม.112 ยังอยู่หรือจะถึงทางตันเช่นเดียวกับก้าวไกลโดยเฉพาะฉากทัศน์ในการโหวตนายกฯรอบที่สอง วันที่ 19 ก.ค.นี้ เกิด พรรคฝั่งอนุรักษ์ เสนอ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ มาเป็นนายกฯแข่งโดยให้เหตุผลว่า เมื่อโหวตรอบแรกฝั่งประชาธิปไตยตั้งไม่ได้ ก็เป็นสิทธิของฝั่งอนุรักษ์ที่จะเสนอชื่อนายกฯมาโหวตแข่ง เป็นเรื่องปกติในระบอบประชาธิปไตยทั้งเพื่อไทยและก้าวไกลก็ไปไม่รอดอีกหรือถ้าเลือกนายกฯรอบที่สองไม่ผ่าน 8 พรรคร่วมรัฐบาล ก็ต้องมาคุยกันว่าจะเดินหน้าไปต่อหรือจะพอกันแค่นี้ ต่างคนต่างเดินไปตายเอาดาบหน้าการเลือกนายกฯก๊อกแรกก็จะจบลงที่ว่าเพื่อไทยเป็นแกนนำ ไม่มีก้าวไกลเป็นพรรคร่วม แต่ต้องไปจับมือกับฝั่งอนุรักษ์ตั้งรัฐบาล ก้าวไกลต้องไปเป็นฝ่ายค้าน หรือเพื่อไทยเป็นแกนนำตั้งรัฐบาลกับก้าวไกล ได้เสียง ส.ว. 64 เสียง มาโหวตให้ถ้ายังไม่ได้อีกจะได้นายกฯก๊อกสองจากคนนอกที่เป็นใครยังไม่รู้.หมัดเหล็กmudlek@thairath.co.thอ่านข่าวเพิ่มเติม "คาบลูกคาบดอก"