พท.ยึกยักยังไม่สรุปส่ง “พิธา” โหวตชิงนายกฯรอบสอง “ภูมิธรรม” อ้าง 2 พรรคหลักยังเห็นต่าง แยกไปหารือในบ้าน โวย ก.ก.บินเดี่ยวเพิ่ม 2 เงื่อนไขนอกเหนือเอ็มโอยู เค้นถามจะหาเสียง ส.ว.เพิ่มจากไหน โดดหนีปิดสวิตช์ ส.ว.จ่องดออกเสียงแก้ ม.272 “ชัยธวัช” ครวญอุปสรรคใหญ่กว่าที่เห็น เฉ่งขั้วอำนาจเก่าขวางทุกทางดิ้นพลิกขั้ว บอกไม่ตายตัวโหวตกี่ครั้งส่งไม้ต่อ พท. ลั่นถ้า 8 พรรคแพ็กกันแน่นปิดประตูนายกฯฝั่งเสียงข้างน้อย “เสรี” ยกรัฐธรรมนูญ ม.272 บวกข้อบังคับที่ 41 ต้านชงซ้ำชื่อ “พิธา” ขู่ดันทุรังเสนอมาอีกส่งศาล รธน.ตีความ “อดุลย์” จุดพลุ “รัฐบาลช่วยชาติ” วาระ 2 ปี ทาบ “บิ๊กป้อม” นั่งนายกฯขัดตาทัพลุยปรองดอง คาร์ม็อบว่อนร่อนใบลาออกบีบ ผบ.เหล่าทัพไขก๊อก ส.ว. “อานนท์” ฮึ่ม ก.ก.ห้ามถอย ม.112 -พท.หักลำผสมพันธุ์ข้ามขั้วเจอดีหลังจากนายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ระบุจากการหารือร่วมกันระหว่างพรรค ก.ก.กับพรรคเพื่อไทย (พท.) ได้แจ้งให้พรรค พท.รับทราบการเสนอชื่อนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรค ก.ก.และแคนดิเดตนายกฯของพรรคก.ก.โหวตในรอบสอง แต่ล่าสุดพรรค พท.กลับออกมาโต้ยืนยันว่ายังไม่ใช่ข้อสรุป พท.ยังไม่สรุปส่ง “พิธา”สู้รอบสองเมื่อวันที่ 16 ก.ค.นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์กรณีนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ระบุขอสู้อีก 2 สมรภูมิคือ การโหวตนายกรัฐมนตรีวันที่ 19 ก.ค. และการเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 272 หากดำเนินการไม่สำเร็จจะให้พรรคเพื่อไทยขึ้นมาเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลแทนว่า เข้าใจว่าการสื่อสารระหว่างตัวแทนพรรคเพื่อไทยกับพรรคก้าวไกล เมื่อวันที่ 14 ก.ค.อาจมีความคลาดเคลื่อน จากการหารือตัวแทนทั้ง 2 พรรค ยังคงมีความเห็นต่าง ขอนำความเห็นไปหารือภายในกันก่อน แล้วค่อยไปหารือ 8 พรรคร่วมรัฐบาล จากเดิมที่จะหารือวันที่ 18 ก.ค. จะเปลี่ยน มาเป็นวันที่ 17 ก.ค. จากนั้น พรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกลจะนำความเห็นมาหารือกันอีกครั้งเพื่อกำหนดเป็นแนวทางโหวตนายกฯวันที่ 19 ก.ค. ดังนั้น จึงยังไม่มีข้อสรุปเรื่องการเสนอชื่อนายกฯวันที่ 19 ก.ค.ในนาม 8 พรรคร่วมรัฐบาลเค้นคอถามจะดึงแต้ม ส.ว.จากไหนนายภูมิธรรมกล่าวว่า เรื่องที่พรรค พท.และพรรค ก.ก.ขอสงวนความเห็นกลับไปหารือเป็นการภายในก่อน อาทิ การเสนอชื่อแคนดิเดตนายกฯ ที่มีข้อกังวลจะเป็นการเสนอญัตติซ้ำตามข้อบังคับการประชุมรัฐสภา ข้อ 41 หรือไม่ ที่ไม่ให้นำญัตติที่ตกไป มาเสนอซ้ำใหม่ในสมัยประชุมเดียวกันได้ ทางออกเรื่องนี้คือ ประธานรัฐสภาวินิจฉัย หรือให้ที่ประชุมรัฐสภาลงมติหาทางออกร่วมกัน ทั้ง 2 แนวทางนี้ หากสามารถเสนอชื่อนายพิธาได้ 141 เสียงของพรรค พท.พร้อมสนับสนุนนายพิธา แต่นายพิธาต้องตอบให้ชัดว่าสมรภูมินี้จะสู้ถึงที่สุดเมื่อใด เพราะคะแนนที่ออกมาในการโหวตรอบแรกเห็นชัดว่า การจะได้คะแนนถึง 376 เสียง เป็นเรื่องลำบาก เพราะได้เสียง ส.ว.แค่ 13 เสียง พรรคก้าวไกลต้องตอบให้ได้ว่าจะนำคะแนนที่เหลือมาจากไหน และการโหวตครั้งนี้มีโอกาสสำเร็จหรือไม่ นอกจากนี้ยังมีประเด็นการเสนอชื่อแข่งจากซีกรัฐบาลเดิมอีก ซึ่งมีกระแสข่าวเข้ามาอีก ประเด็นเหล่านี้ต้องได้คำตอบที่ชัดเจนก่อนโหวตวันที่ 19 ก.ค. เมื่อถามว่า หากไม่เสนอชื่อนายพิธา 8 พรรคร่วมรัฐบาลจะเสนอชื่อใคร นายภูมิธรรมตอบว่า ขอสงวนสิทธิตอบคำถาม ต้องให้ได้ความชัดเจนว่า จะเสนอชื่อนายพิธาได้หรือไม่ จึงสามารถคิดต่อได้ หากยังไม่ได้ข้อสรุป การคิดอะไรต่อจะเป็นการขยายประเด็นไปเรื่อยๆโวยเพิ่ม 2 เงื่อนไขนอกเหนือเอ็มโอยูนายภูมิธรรมกล่าวว่า ส่วนกระแสข่าวแกนนำพรรค พท.บางคนระบุว่า การที่พรรค ก.ก.ไม่ได้เสียง ส.ว.ตามที่พูดไว้ถือเป็นการหลอกพรรคร่วมรัฐบาลด้วยกัน ทำให้เอ็มโอยูที่เซ็นไว้ยุติไป ผู้มีความเห็นสามารถคิดได้ว่าถูกหลอก เพราะตัวเลขที่ออกมาคลาดเคลื่อนจากที่พรรค ก.ก.ระบุ แต่อีกมุมตัวเลขที่คลาดเคลื่อนอาจเกิดจากประสบการณ์ที่ไม่เข้าใจความคิด ส.ว. ทำให้ประเมินผิดพลาด ถ้าเข้าใจคงประเมินได้ใกล้เคียงความจริงกว่านี้ คงแล้วแต่การตีความ ส่วนที่ระบุเอ็มโอยูสิ้นสุดไปแล้ว ไม่ขอตอบประเด็นดังกล่าว สิ่งที่เห็นคือมีการเพิ่มเนื้อหาเอ็มโอยูที่ไม่ได้อยู่ในข้อตกลงเดิมตามที่นายพิธาแสดงความเห็นออกมา ถือเป็นการประกาศของพรรค ก.ก.โดยที่ยังไม่ได้ข้อสรุปร่วมกันจ่องดออกเสียงแก้ ม.272นายภูมิธรรมกล่าวว่า ส่วนที่พรรค ก.ก.ยื่นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 272 ปิดสวิตช์ ส.ว. พรรคพท.เคยยื่นแก้ไขมาตรานี้แล้ว 2 ครั้ง แต่ไม่ผ่านการพิจารณา ตอนนั้นพรรคก้าวไกลงดออกเสียง ถ้านับในสภาฯชุดที่ผ่านมาเสนอเรื่องนี้ 6-7 ครั้งไม่ผ่านทั้งหมด เหตุใดจึงมาผลักดันอีกช่วงนี้ มองว่าไม่ใช่เรื่องด่วนที่ต้องทำเพราะทราบผลอยู่แล้วว่าไม่ประสบความสำเร็จ การแก้ไขรัฐธรรมนูญต้องมีเสียงฝ่ายค้านสนับสนุน 20% ขณะนี้ยังไม่มีฝ่ายค้านและต้องได้เสียง ส.ว.1 ใน 3 ของ ส.ว. หรือ 84 เสียง จะหามาจากไหน มองว่าเสนอเพื่อเป็นสัญลักษณ์เท่านั้น พรรค พท.ไม่เห็นด้วยกับการเสนอแก้รายมาตรา จึงหาเสียงว่าหากได้เป็นรัฐบาลในการประชุม ครม.ครั้งแรกจะนำเรื่องแก้รัฐธรรมนูญเข้าสู่ที่ประชุมเพื่อทำประชามติแก้รัฐธรรมนูญทั้งระบบ โดยการตั้ง ส.ส.ร. เชื่อว่าจะเสร็จใน 1-2 ปี หากเรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 272 ของพรรค ก.ก.เข้าสภาฯ พรรค พท.จะงดออกเสียง เพราะอยากให้โฟกัสเรื่องจัดตั้งรัฐบาลเป็นสำคัญที่สุด เรื่องปัญหาประชาชน การฟื้นฟูเศรษฐกิจ ชัดเจนเป็นเรื่องที่รอไม่ได้บี้ ก.ก.เคลียร์ปมแก้ ม.112 ให้ชัดนายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การประชุม 8 พรรคร่วมรัฐบาลวันที่ 17 ก.ค.คงหารือภายในถึงสถานการณ์การเมืองหลายเรื่อง เช่น การแสดงท่าทีของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรค ก.ก.ที่พูดถึง 2 สมรภูมิ ที่จำเป็นต้องต่อสู้ คือการโหวตนายกฯ ครั้งที่ 2 หากฟังการอภิปรายวันที่ 13 ก.ค.เห็นชัดว่า ส.ว.ไม่ติดขัดเลือกนายพิธา แต่กังวลท่าทีพรรค ก.ก.ประเด็นมาตรา 112 ก่อนการหารือกับ 8 พรรควันที่ 17 ก.ค. พรรค ก.ก.ควรมีความชัดเจนประเด็นนี้มาบอกพรรคร่วมรัฐบาลด้วย ส่วนการยื่นแก้ไขมาตรา 272 ไม่ได้อยู่ในเอ็มโอยู ก่อนเสนอประเด็นนี้ พรรค ก.ก.ไม่ได้หารือ 8 พรรค ที่ผ่านมาเคยเสนอแก้มาตรา 272 ในรัฐบาลที่ผ่านมาไม่สำเร็จ จึงยังไม่ถึงเวลาพูดถึงเรื่องดังกล่าว เรื่องเร่งด่วนคือการจัดตั้งรัฐบาล อยากให้พรรค ก.ก.โฟกัสจุดนี้ หวังว่าการประชุมครั้งนี้จะได้ความชัดเจนจากพรรค ก.ก.ก่อนโหวตวันที่ 19 ก.ค. การเสนอชื่อนายพิธาโหวตนายกฯ ครั้งที่ 2 จะทำได้หรือไม่ ยังเป็นประเด็นข้อกฎหมาย ประธานรัฐสภาหารือทีมกฎหมายรัฐสภาหาความชัดเจนเรื่องดังกล่าววันที่ 18 ก.ค.ช่วงเช้าประธานรัฐสภาจะเรียกประชุมวิป 3 ฝ่าย จะได้ความชัดเจนก่อนโหวตวันที่ 19 ก.ค.แน่นอน “เสี่ยนิด” ปลื้มหุ้นพุ่งรับ พท.ตั้ง รบ.ที่พรรคเพื่อไทย นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯพรรค พท.เดินทางมาทำคลิปโปรโมตเรื่องเศรษฐกิจของพรรค จากนั้นนายเศรษฐากล่าวว่า มาอธิบายเรื่องหนี้สินลงสื่อโซเชียล เศรษฐกิจเรื่องใหญ่ ปากท้องความเป็นอยู่ประชาชนใหญ่ที่สุด ต้องเร่งจัดการ พรรคต้องเดินหน้าไม่ว่าเป็นแกนนำหรือส่วนหนึ่งของรัฐบาล เร่งมาตรการต่างๆ หากได้ดูแลกระทรวงที่ได้รับมอบหมายจะเร่งผลักดันมาตรการต่างๆในที่ประชุม ครม.ครั้งแรกระงับความเดือดร้อนประชาชนสำคัญที่สุด เลือกตั้งจบ 2 เดือน แต่ยังไม่ได้นายกฯ ประชาชนเอือมระอา เมื่อถามว่าหุ้นดีขึ้นจากข่าวพรรค พท.อาจเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล นายเศรษฐาตอบว่า ตลาดหลักทรัพย์เป็นตัวชี้นำความมั่นใจ ไม่อยากเข้าข้างใคร แต่ตลาดหุ้นกระเตื้องขึ้น คลายกังวลว่าจะจัดตั้งรัฐบาลได้เร็วขึ้น กว่า 2 เดือนแล้ว ที่ยังตั้งรัฐบาลไม่ได้ ถึงเวลาแล้วต้องจัดตั้งรัฐบาลและ ครม. เพื่อจัดสรรงบฯ ปี 67 ให้เร็วที่สุด งบฯปี 67 จะเริ่มเดือน ต.ค. มีเวลาไม่ถึง 3 เดือน หากตั้งรัฐบาลได้ภายใน 15 ส.ค. จะได้ใช้จริงวันที่ 15 มี.ค.67 ช้ามาก เป็นห่วงปากท้องความเป็นอยู่ประชาชนมากกว่าปัญหาภัยแล้งและหนี้สิน ควรให้ความสำคัญมากกว่าการเมืองหงุดหงิดถูกโยงชื่อนั่งนายกฯเมื่อถามว่า กลุ่มสนับสนุนนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรค ก.ก.ออกมาเคลื่อนไหว กระบวนการเลือกนายกฯควรเร่งเดินหน้าต่อไปหรือไม่ นายเศรษฐาตอบว่า ไม่ได้ตามว่าคาร์ม็อบจะมีคนมาร่วมมากหรือน้อย แต่ 8 พรรคร่วมรัฐบาลจะประชุมวันที่ 17 ก.ค.คงมีข้อสรุปชัดเจน ส่วนที่มีคนเสนอชื่อให้เป็นนายกฯ ไม่ใช่เรื่องน่าตกใจ แต่หงุดหงิด ไม่เคยพูด ไม่เคยกล่าวอะไรเลย เจอนักข่าวประจำไม่เคยหลบซ่อน ใครมีอะไรถามได้ตลอด ยืนยันว่าไม่เคยพูด ต้องให้เกียรติ 8 พรรคร่วมและพรรค ก.ก. ส่วนคลิปนายพิธาโพสต์ลงโซเชียลไม่ได้ติดตาม แต่เห็นว่าพูดว่าเคลียร์แล้วเคลียร์ได้ ขอเป็นกำลังใจให้ ชีวิตต้องเดินต่อไป เราเป็นเพื่อนกันทั้งนั้น ขอส่งกำลังใจให้กัน“ชัยธวัช” ซัดขั้วเก่าดิ้นพลิกขั้วตั้ง รบ.นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ให้สัมภาษณ์ถึงทิศทางการโหวตนายกฯรอบที่ 2 ในวันที่ 19 ก.ค.ว่า ในวันนั้นคงพิจารณาเพียงฉากหน้าไม่ได้ มีความพยายามสกัดพรรค ก.ก. ไม่ให้เป็นรัฐบาลจากผู้มีอำนาจขั้วอำนาจเดิม โดยเฉพาะปฏิบัติการต่อ ส.ว.ที่กดดัน เพื่อไม่ให้โหวตให้นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกฯ นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นเบื้องหลังจริงๆ มีเป้าหมายที่อยากจะพลิกขั้วรัฐบาลจริงๆ ได้คุยหารือกันส่วนใหญ่จะมีวิธีการอย่างไรทำให้ 8 พรรคแพ็กกันแน่นต่อไปได้จริงๆลั่นถ้า 8 พรรคแพ็กกันเเน่นไม่หมู“มีขั้วอำนาจเดิมผูกพันกับกลุ่มผลประโยชน์ กลุ่มทุนใหญ่จำนวนหนึ่งพยายามจะทำให้สังคมเข้าใจผิดว่าพรรค ก.ก.จะแก้มาตรา 112 ให้ได้ไม่ทำเรื่องอื่น เราอยากเห็นเสถียรภาพทางการเมือง มันเป็นระเบิดเวลาที่ไม่ควรซุกเอาไว้คือไม่ใช่ดึงดันแก้ 112 ให้ได้ แต่เปิดโอกาสเอาเรื่องนี้มาหาข้อยุติในสภาฯ เมื่อวันที่ 14 ก.ค. ตัวแทนพรรค ก.ก. ได้ไปหารือกับแกนนำพรรค พท. ภายใต้กรอบการจับมือกันแน่นที่สุดในระหว่าง 8 พรรค เพื่อจัดตั้งรัฐบาลให้ได้สิ่งที่สำคัญมากๆ 8 พรรคร่วมจับมือกันให้แน่นๆ ไม่ว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไร เชื่อว่าเมื่อไรที่ 8 พรรคยังเกาะแน่นเสียงเป็นส่วนใหญ่ การพลิกขั้วรัฐบาลไม่เกิดง่ายๆ” นายชัยธวัชกล่าวตีกันนายกฯขั้วเสียงข้างน้อยเลขาธิการพรรค ก.ก.กล่าวว่า ฝ่ายรัฐบาลเดิมหลายพรรคเคยแสดงจุดยืนชัดเจนหลายครั้งว่าไม่เห็นด้วยไม่สนับสนุนจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อยหากเสนอชื่อแคนดิเดตนายกฯจากเสียงข้างน้อยขึ้นมา มันไม่มีเหตุผลอะไร ไม่มีความชอบธรรม ที่หลายพรรคจะโหวตให้ ส่วน ส.ว.ในเมื่อหลายท่านงดออกเสียง คล้ายจะวางตัวเป็นกลางทางการเมือง อาจไม่ได้ทุกคน แต่เป็นจำนวนมาก จะต้องมีคำถามว่าหากเสนอแคนดิเดตจากเสียงน้อยขึ้นมา ยิ่งไม่มีเหตุผลที่จะไปให้โหวต ไม่ตายตัวโหวตกี่หนให้สลับ พท.ขึ้นเเทนเมื่อถามว่า ล่าสุดคุยกับแกนนำพรรค พท.เป็นอย่างไร นายชัยธวัชกล่าวว่า พรรค พท.ยังคงชัดเจนเห็นตรงกันที่จะจับมือกันระหว่าง 8 พรรคจัดตั้งรัฐบาลอย่างสุดความสามารถ เป็นสมการทางการเมืองตอบโจทย์ประชาชนและสังคมไทยมากที่สุดในปัจจุบัน เรายังอยู่ในกรอบนี้ เมื่อถามว่าเมื่อไหร่จะสลับหน้าให้พรรค พท.เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล หากรัฐสภายังไม่โหวตให้นายพิธาเป็นนายกฯ นายชัยธวัชตอบว่าปฏิเสธไม่ได้ว่าได้พูดคุยแลกเปลี่ยนกัน การหาแนวทางหลายฉากทัศน์ที่พูดคุยกัน พรรค ก.ก.มีข้อเสนอตามแนวทางของเรา หลังจากนี้แต่ละพรรคคงเอาไปหารือในแกนนำ และ ส.ส.ของตัวเอง เช้าวันที่ 18 ก.ค.จะมีประชุมระหว่างพรรคกันอีกครั้งคงต้องประเมินพรรค ก.ก.ยืนยันเราไม่ได้มองเรื่องตำแหน่งผลประโยชน์ของตัวเองเป็นตัวตั้งเรามองภาพใหญ่ปฏิเสธไม่ได้ว่าถ้าถึงจุดหนึ่ง โอกาสที่จะโหวตให้นายพิธาเป็นนายกฯ มองไม่เห็นทางจริงๆ นายพิธาและพรรค ก.ก.พร้อมเปิดโอกาสใหม่กับประเทศและการเมืองไทย เรายังอยากเห็นโอกาสใหม่ อยู่บนพื้นฐานของการจับมือร่วมกันระหว่างพรรคการเมือง แล้วเราทำเอ็มโอยูร่วมกันได้แล้ว ยังคิดว่านั่นเป็นทางออกที่ดีที่สุด เมื่อถามว่าพรรค พท.มีเงื่อนไขเกี่ยวกับการโหวตนายกฯว่า โหวตไม่ผ่านกี่ครั้งถึงสลับเป็นพรรค พท.ขึ้นมาเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลหรือต้องดูสถานการณ์ไปเรื่อย นายชัยธวัชกล่าวว่า คงไม่มีอะไรตายตัวขนาดนั้น ต้องดูสถานการณ์ พรรค ก.ก.มีแนวคิดแนวทางของตัวเองอยู่ก.ก.ไม่ยอมแลกทุกอย่างเพื่อเป็นรัฐบาลเมื่อถามว่านายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า เสนอให้สู้สุดซอย ถ้าไม่ถึงฝั่งฝันเข้าสู่ทำเนียบรัฐบาล ถอยเป็นฝ่ายค้าน ได้ฐานมวลชน 25 ล้านเสียง สำหรับการเลือกครั้งต่อไป ประเด็นนี้ในพรรค ก.ก.พูดถึงอย่างไร นายชัยธวัชกล่าวว่า เรื่องเหล่านี้เป็นการถกเถียงแลกเปลี่ยนกันมาตลอด ยืนอยู่บนพื้นฐานแนวทางที่พูดเอาไว้ไม่ใช่ทำทุกวิถีทาง แล้วไปละเมิดผิดหลักการที่คิดว่าไม่ควรจะยอมรับได้ หรือทำให้กระทบกับคุณค่าหลักการนโยบายของพรรคมากกว่านี้คงไม่ยอมแลกกับเรื่องเหล่านี้ ไม่ยอมแลกกับทุกอย่างเพื่อทำอย่างไรให้ได้เป็นรัฐบาลรับฝ่าด่านอุปสรรคใหญ่กว่าที่เห็นเมื่อถามย้ำว่าวันที่ 19 ก.ค. นายพิธาฝ่าด่าน 376 เสียงได้หรือไม่ นายชัยธวัชกล่าวว่า ต้องยอมรับว่าไม่ง่าย เราต้องพยายามให้ถึงที่สุด อยากให้ช่วยส่งเสียงเชิงบวกเพื่อให้ ส.ว.สามารถออกเสียงลงมติอยู่ข้างประชาชน ถ้าไปใช้วิธีลักษณะเชิงลบ อาจจะไม่ได้ผล “ยากแน่นอนคือปฏิเสธไม่ได้ การเข้าเป็นรัฐบาลเดิมพันการเมืองสูงมาก มันไม่ใช่แค่ติดปัญหาเรื่องคุณสมบัติของแคนดิเดตนายกฯ หรือติดนโยบายเรื่องนั้นเรื่องนี้โดยเฉพาะ คิดว่ามันเกิดการปะทะกัน ชัยชนะในการเลือกตั้งของพรรค ก.ก. ทำให้เกิดการปะทะระหว่างระบบการเมืองแบบใหม่กับระเบียบสังคมแบบเดิม ที่มีคนหยิบมือหนึ่งได้ประโยชน์จากมัน ไม่ว่าในทางเศรษฐกิจหรือการเมือง และไม่ต้องการให้ระบบการเมืองแบบเดิมๆ ระเบียบสังคมแบบเดิมๆเปลี่ยนแปลงไป ดังนั้นข้างหลังใหญ่เนี่ย มันใหญ่กว่าสิ่งที่เราเห็นอยู่ในสภาฯ อยู่ในรัฐสภา ฉะนั้นย่อมเผชิญอุปสรรคปฏิเสธขนาดใหญ่”“ธนกร” แซะขอเสียง ส.ว.ดีกว่าปลุกม็อบนายธนกร วังบุญคงชนะ รมต.ประจำสำนักนายกฯ ในฐานะรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวว่า นายพิธาและพรรค ก.ก.ควรสื่อสารทำความเข้าใจกับกลุ่มผู้สนับสนุนให้มากกว่านี้ ไม่ควรใช้วิธีลักษณะข่มขู่คุกคาม กระทำเข้าข่ายผิดกฎหมาย ใช้สื่อโซเชียลด่าทอแบนธุรกิจ ส.ว.เข้าข่ายคุกคาม ทั้งผิดกฎหมาย พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ สร้างความแตกแยก เพิ่มอุณหภูมิความขัดแย้งในบ้านเมืองมากขึ้นไปอีก ควรเคารพการตัดสินใจและประชาธิปไตยเสียงข้างมากในรัฐสภา สมควรเดินหน้าพูดคุยขอการสนับสนุนจากวุฒิสภา ไม่ใช่ยื่นแก้ไขมาตรา 272 ปิดสวิตช์ ส.ว.จะยิ่งทำให้ยากขึ้นไปอีก จะไปเอาเสียงมาจากไหนถึง 84 ส.ว. ขนาด 60 ส.ว.ยังหาไม่ได้เลย ควรมุ่งหาเสียงสนับสนุนจาก ส.ว.ด้วยเหตุผลและความจริงใจ แต่ถ้ายังใช้วาทกรรมปลุกระดมมวลชนสร้างความขัดแย้งแบบนี้ สุดท้ายประเทศชาติอาจกลายเป็นสมรภูมิรบอย่างที่นายพิธาแถลงได้ ถ้าพรรคอันดับ 1 ตั้งรัฐบาลไม่ได้ควรให้อันดับ 2 และ 3 จัดตั้ง ไม่ควรเสียเวลา คนทั้งประเทศรอรัฐบาลใหม่อยู่ไม่ใช่พอตั้งไม่ได้แล้วไปปลุกม็อบลงถนนดันทุรังโหวตซ้ำยื่นศาล รธน.แน่นายเสรี สุวรรณภานนท์ ส.ว.กล่าวถึงการประชุมรัฐสภา วันที่ 19 ก.ค.เพื่อโหวตนายกฯรอบ 2 ที่อาจมีการเสนอชื่อนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรค ก.ก.ที่ประชุมรัฐสภาไม่ให้ความเห็นชอบรอบแรกเสนอชื่อกลับมาโหวตอีกครั้งว่า เท่าที่ได้ศึกษาข้อกฎหมายพบว่า นอกจากเข้าข่ายขัดข้อบังคับการประชุมรัฐสภา ข้อ 41 ที่ระบุชัดญัตติใดที่ตกไปแล้วหรือรัฐสภาไม่ให้ความเห็นชอบห้ามนำกลับมาเสนอใหม่แล้ว ยังมีกรณีรัฐธรรมนูญ มาตรา 272 วรรคสองระบุว่ากรณีที่ไม่อาจแต่งตั้งนายกฯ จากบัญชีรายชื่อพรรคการเมืองแจ้งไว้ ตามมาตรา 88 กรณีดังกล่าวมองว่าแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคนั้นๆ ทำได้แค่ครั้งเดียวเท่านั้น หากไม่ได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภาถือว่าหมดสิทธิเสนออีก ต้องพิจารณาแคนดิเดตนายกฯ ในบัญชีรายชื่อพรรคอื่นที่มีสิทธิต่อไป เมื่อถามว่าความมุ่งหมายรัฐธรรมนูญ มาตรา 272 วรรคสอง ใช้กรณีเพื่อไม่ให้การเมืองเกิดทางตัน กรณีแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคการเมืองไม่ถูกยอมรับ จึงต้องหาคนนอกบัญชี นายเสรีตอบว่า ต้องดูให้ดี คำว่าไม่อาจแต่งตั้ง หมายถึงว่าการเสนอมาแล้วรอบแรก แต่รัฐสภาไม่เห็นชอบ เท่ากับไม่อาจแต่งตั้งได้ กรณีดังกล่าวสอดรับข้อบังคับการประชุมรัฐสภา ข้อ 41 ที่เสนอญัตติซ้ำไม่ได้ หากฝืนจะทำจะให้โหวตซ้ำ ระวังจะมีผู้ยื่นศาลรัฐธรรมนูญว่าทำผิดรัฐธรรมนูญ โยนหินใช้มติสภาฯชี้ขาดเมื่อถามว่าข้อบังคับข้อ 41 กำหนดให้นำญัตติกลับมาโหวตซ้ำได้หากเหตุการณ์เปลี่ยนแปลงไป ถ้ามีกรณีการเสนอชื่อคนอื่นแข่งนายพิธา เรียกว่าเหตุเปลี่ยนแปลงหรือไม่ นายเสรีตอบว่า ไม่ได้แล้ว เพราะบัญชีแคนดิเดตนายกฯพรรค ก.ก.ถูกวินิจฉัยไปแล้ว จากนี้พรรค พท.ได้รับโอกาส แต่หากพรรคพท.ยังรวมกับพรรค ก.ก.หรือพรรค ก.ก.อยู่ร่วม 8 พรรคร่วมรัฐบาล คาดว่าที่ประชุมรัฐสภาจะไม่เห็นด้วย หากแคนดิเดตนายกฯพรรค พท.ไม่ได้รับเสียงเห็นชอบชื่อนั้นจะเสียไป แต่พรรค พท.ยังมีโอกาสอยู่ เพราะมีแคนดิเดตนายกฯ 3 คน เมื่อถามว่าข้อบังคับการประชุมให้ประธานรัฐสภาตัดสินใจ นายเสรีตอบว่าอยู่ที่มติของสภาฯ การประชุมโหวตนายกฯรอบ 2 อาจมีประเด็นให้เกิดกรณีอภิปรายเรื่องหลักการและข้อบังคับการประชุมได้ แต่สุดท้ายจะสรุปอย่างไร ต้องขึ้นอยู่กับมติที่ประชุม อาจมีคนเสนอให้โหวตหรือไม่ก็ได้ฟ้องศาล 2 เกรียนคีย์บอร์ดนายเสรีกล่าวอีกว่า เมื่อวันที่ 17 ก.ค. ได้ให้ตัวแทนยื่นฟ้องบุคคล 2 คน ต่อศาลอาญาตลิ่งชัน กรณีโพสต์ข้อความในโลกออนไลน์ทำให้เสียหาย เป็นคดีแรกหลังถูกหมิ่นประมาทด้วยข้อความทางโลกออนไลน์มาหลายครั้ง โดยเวลา 11.00 น. วันที่ 17 ก.ค.จะแถลงรายละเอียดและเปิดเผยชื่อบุคคลที่ยื่นฟ้อง 2 คน พร้อมจะพาทนายความไปรับเรื่องจาก ส.ว.คนอื่นที่ถูกบูลลี่หรือหมิ่นประมาทด้วยข้อความอันเป็นเท็จจากโลกออนไลน์ จากนั้นจะทยอยฟ้องต่อไปรอบนี้เอาจริง ไม่ทน เพราะคนกลุ่มนี้ทำตัวเป็นอันธพาลคอยหาเรื่อง คุกคามมากเกินไป ด่าทอใส่ร้ายคนอื่น ส่วนกรณีโลกออนไลน์รณรงค์สืบหาธุรกิจ ส.ว.หรือเมียน้อย ส.ว.หากทำผิดกฎหมายต้องดำเนินคดี ขณะที่ตลาดเสรีที่เป็นธุรกิจของตนที่ถูกโซเชียลเปิดเผยนั้น ไม่มีผลกระทบใดๆ ตลาดคือสถานที่ทำให้คนได้มีอาชีพค้าขาย ประชาชนต้องมาจับจ่ายใช้สอย ขณะนี้พบว่ามีคนมาเดินซื้อสินค้า มากขึ้น ไม่อยากให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้น ส่วนกรณีนายอานนท์ นำภา จัดคาร์ม็อบยื่นใบลาออกให้ ส.ว.กิจกรรม ทำได้ แต่ต้องไม่ด่าทอหรือหมิ่นประมาท ส.ว.จะไม่ยอม“เฉลา” ห่วง“พิธา” วืดซ้ำยกสองนายเฉลา พวงมาลัย 1 ใน 13 ส.ว.ที่ลงมติโหวตสนับสนุนนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก.ก.เป็นนายกฯ กล่าวถึงการโหวตนายกฯรอบ 2 วันที่ 19 ก.ค.ว่า พร้อมสนับสนุนนายพิธาเช่นเดิม แต่กังวลว่านายพิธาจะได้รับการเสนอชื่อรอบนี้หรือไม่ เพราะมีปัญหาต้องถกเถียงกันเรื่องข้อบังคับการประชุมรัฐสภา ข้อ 41 ที่ไม่ให้นำญัตติที่ถูกตีตกไป กลับมาเสนอซ้ำได้อีก รวมถึงต้องรอดูการประชุมศาลรัฐธรรมนูญวันที่ 19 ก.ค. จะมีคำวินิจฉัยสั่งนายพิธายุติการปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราวในวันดังกล่าวหรือไม่ อาจทำให้ชื่อนายพิธาไม่สามารถนำมาโหวตรอบ 2 ได้ ส่วนถ้าเสนอชื่อบุคคลมาโหวตนายกฯรอบ 2 แทนนายพิธา ต้องขอพิจารณาดูก่อนว่าเป็นชื่อใคร ยังไม่ตัดสินใจ หากเป็นกรณีฝ่ายพรรคร่วมรัฐบาลเดิมจะเสนอชื่อคนอื่นมาโหวตสู้เพื่อเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย คงไม่โหวตสนับสนุนให้ เพราะรัฐบาลเสียงข้างน้อยบริหารไม่ได้ ประเทศไปต่อไม่ได้ไม่เล่นด้วยปิดสวิตช์ตัวเองนายเฉลากล่าวว่า ส่วนที่พรรค ก.ก.ยื่นเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 272 แม้จะโหวตให้นายพิธา แต่คงไม่สามารถโหวตเห็นด้วยกับร่างมาตรา 272 ได้ เพราะกำลังทำหน้าที่ขับเคลื่อนประสานและผลักดันร่าง พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติอยู่ เป็นกฎหมายปฏิรูปประเทศสำคัญที่ต้องผลักดัน จะปล่อยให้ค้างคาไม่ได้ บุคลากรการศึกษาทุกคนฝากความหวังการพัฒนาระบบการศึกษาไว้ที่ร่างกฎหมายฉบับนี้ ตนเป็น ส.ว.กลุ่มอาชีพได้รับเลือกมาจากคนในวงการศึกษาให้มาขับเคลื่อนพัฒนาการศึกษา จะหนีปัญหาไม่ได้ ถือว่าไม่รับผิดชอบงาน เหลือเวลาอีกแค่ 10 เดือน ส.ว.ชุดนี้จะหมดหน้าที่เดือน พ.ค.67 ต้องพ้นอยู่ดี อดทนรออีกนิด ไม่กลัวทัวร์ลง โดนทัวร์ลงหนักอยู่แล้วจากที่โหวตสนับสนุนนายพิธาเป็นนายกฯ ถูกกองเชียร์อีกฝ่ายต่อว่าโจมตีมากมาย“สมชาย” แฉกลยุทธ์ด้อยค่า ส.ว.วันเดียวกัน นายสมชาย แสวงการ ส.ว.โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่าชัดเจนว่าพรรค ก.ก.ย่อมรู้ว่าการจุดพลุปิดสวิตช์ ส.ว. เสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 272 ช่วงปลายสมัยวุฒิสภาและใกล้หมดอายุบทเฉพาะกาล ทำไม่ได้ ทำไม่ทัน แต่จะทำ เดินยุทธศาสตร์ตอกย้ำด้อยค่า ส.ว. บังคับให้ ส.ว.โหวตเลือกพิธา ทั้งปิดสวิตช์ ส.ว.และบังคับขอเสียง ส.ว.คราวเดียวกัน ทั้งที่ ส.ว.ไม่ใช่คู่กรณีทางการเมือง แต่พรรค ก.ก.และพรรค พท.ต่างหาเหตุแยกทาง โดยใช้ ส.ว.เป็นเหยื่อแพะรับบาป การขอแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 272 ของพรรค ก.ก. จึงไม่ประสงค์ผลสำเร็จในการแก้ไข แต่มีเป้าหมายลับลวงพรางแฝงเร้น เป้าหมายกดดัน ส.ว. บังคับให้โหวตนายพิธาเป็นนายกฯ พร้อมด้อยค่า ส.ว.เป็นปัญหาขัดขวางการเสนอแก้ไขมาตรา 272 พร้อมประกาศส่งสารล่าสุดไปทุกแพลตฟอร์มโซเชียล ให้มวลชน ด้อมส้มร่วมกดดัน ส.ว.ทุกวิถีทาง บีบ ส.ว.ชูพิธาเป็นนายกฯ ให้ได้ในวันที่ 19 ก.ค. รุกทางยุทธวิธีของพรรค ก.ก.หวังผลทางยุทธศาสตร์ตอกย้ำด้อยค่า ส.ว. หวังบังคับ ส.ว. “ปิดสวิตช์ตัวเอง บังคับโหวต” ไปในทางเดียวกัน“อดุลย์” จุดพลุรัฐบาลช่วยชาติ 2 ปีวันเดียวกัน นายอดุลย์ เขียวบริบูรณ์ ประธานคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา 35 อดีตกรรมการศึกษาแนวทางการสร้างความปรองดอง สภาปฏิรูปแห่งชาติกล่าวถึงการโหวตเลือกนายกฯและการจัดตั้งรัฐบาลว่า ผลลงมติไม่เหนือความคาดหมาย ส.ว.ส่วนใหญ่ไม่โหวตให้นายพิธา ทำให้การจัดตั้งรัฐบาลมีแนวโน้มนำไปสู่ความแตกแยกทางการเมือง พรรคเสียงอันดับหนึ่งตั้งรัฐบาลไม่ได้ หากสลับขั้วจะเกิดการชุมนุมต่อต้านจากอีกฝ่าย ถ้าปล่อยให้ดำเนินการไปสุ่มเสี่ยงที่จะขัดแย้งรุนแรงถึงขั้นนองเลือดอีก จึงถึงเวลาที่ทุกฝ่ายรอมชอมสามัคคีกัน ทุกพรรคมีทั้งจุดแข็งจุดอ่อน ขั้วรัฐบาลเดิมล้าหลัง ประชาชนไม่ยอมรับ ขั้วรัฐบาลใหม่สุดโต่ง สุ่มเสี่ยงนำไปสู่ขัดแย้ง จึงควรเอานโยบายที่เหมาะสมจากทุกพรรคมาใช้เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อบ้านเมืองอย่างแท้จริง และเชิญบุคคลที่มีความรู้ ความสามารถจากทุกพรรคมาร่วมกันเป็น “รัฐบาลช่วยชาติ” โดยไม่ยึดติดโควตา ทาบ “บิ๊กป้อม” ขึ้นนายกฯขัดตาทัพนายอดุลย์กล่าวว่า เมื่อพรรค ก.ก.จัดตั้งรัฐบาลไม่ได้ จะโหวตอีกรอบไม่ได้อยู่ดี พรรคอันดับสองคือพรรค พท.ชอบธรรมที่จะเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล แต่หากคนของพรรค พท.จะเป็นนายกฯ ส.ว.คงไม่โหวตให้อีก เหลือทางเลือกสุดท้ายคือสลับขั้วมาจับมือกับพรรคพลังประชารัฐ และพรรคภูมิใจไทย ร่วมเป็นแกนนำ โดยให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นนายกฯเชื่อว่าจะได้รับเสียงโหวตจาก ส.ว.ครบ ภายใต้เงื่อนไขเริ่มกระบวนการปรองดองสมานฉันท์ในสังคมได้ทันที ตามแนวก้าวข้ามความขัดแย้ง ออก กฎหมายเพื่อความสมานฉันท์แห่งชาติ นิรโทษกรรมคดีทางการเมือง ส่วนคดีเกี่ยวกับมาตรา 112 เป็นพระราชอำนาจที่พระองค์ทรงมีพระเมตตาต่อพสกนิกร ทุกหมู่เหล่าอยู่แล้ว จากนั้นร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ให้เป็นประชาธิปไตย ปฏิรูปประเทศทุกด้าน เมื่อบ้านเมืองเข้าสู่สถานการณ์สงบเรียบร้อยภายใน 2 ปียุบสภาเลือกตั้งใหม่ แต่ถ้าไม่มีการปฏิรูปประเทศ ความขัดแย้งจะขยายตัวอีกจี้ ก.ก.อย่าดุดัน บี้กลุ่มอนุรักษ์ปรับตัวนายอดุลย์กล่าวอีกว่า ขอเตือนพรรค ก.ก.ให้ระมัดระวังการปลุกกระแสความเกลียดชัง แบ่งฝ่าย เลือกข้าง สร้างความแตกแยก ไม่เป็นผลดีต่อตัวเองและส่วนรวม ยิ่งเกี่ยวกับสถาบัน คนไทยส่วนใหญ่ยังเคารพศรัทธา และขอฝากฝ่ายอนุรักษนิยมต้องปรับตัว อย่าฝืนกระแสการเปลี่ยนแปลง ถึงเวลาคนรุ่นใหม่แล้ว อย่าลืมว่ากาลเวลาเป็นผู้ชนะเสมอ แต่การเปลี่ยนแปลงใด ต้องคำนึงถึงประเพณีวัฒนธรรมอันดีงามของสังคมไทย จะเดินตามชาติตะวันตกที่ไม่มีรากเหง้าทางประวัติศาสตร์ไม่ได้ อย่าหักโหม หักด้ามพร้าด้วยเข่า จะเกิดเหตุการณ์ไม่พึงปรารถนาอีก เพราะการเปลี่ยนแปลงใดๆต้องใช้เวลา ไม่ใช่แค่ยุคนี้ คนไทยอย่าคิดแบบโลกสวย ต้องมองความจริงที่ปฏิบัติ ได้ด้วย ทุกฝ่ายจึงต้องร่วมมือกันแก้ไขเปลี่ยนแปลงด้วยเหตุผล มีความสามัคคีสมานฉันท์พปชร.ขอนิ่งก่อนรอดูจังหวะนายบุญสิงห์ วรินทร์รักษ์ กรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวมีความเคลื่อนไหวผลักดัน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯในฐานะหัวหน้าพรรค พปชร.แข่งชิงตำแหน่งนายกฯหากมีเสียง ส.ส.สนับสนุน250 เสียง ว่า ยังเป็นข่าวเท่านั้น เรื่องการรวมเสียงตั้งรัฐบาลหรือเสนอชื่อนายกฯเพื่อโหวตรอบ 2 ต้องเป็นเรื่องของพรรค พท. และพรรค ก.ก.รวมถึงพรรคร่วมพูดคุยตกลงกันเองว่าจะเลือกแนวทางใด ส่วนที่มีกระแสข่าวมีมาพูดคุยกับ พปชร.ร่วมรัฐบาลไม่ทราบ เวลานี้พรรค พปชร.เราจะอยู่นิ่งๆ ดูจังหวะที่จะออกมาเรื่องใดจะช่วยกันไม่ให้บ้านเมืองถึงทางตัน มีรัฐบาลบริหารประเทศให้เดินหน้าต่อไปได้โดยเร็วต้องช่วยกัน แต่ต้องไม่สวนทางจุดยืนพรรคก้าวข้ามความขัดแย้ง เราไม่มีเงื่อนไขทำงานร่วมกับใคร แต่มีเงื่อนไขไม่เอาพรรคหรือกลุ่มการเมืองที่จะแก้ไขมาตรา 112เชื่อเอ็มโอยูสลาย พท.เขย่าใหม่นายบุญสิงห์กล่าวอีกว่า สำหรับนายพิธาเมื่อไม่ผ่านการโหวตของสภาฯต้องถือว่าหมดความชอบธรรมแล้ว จึงเป็นความชอบธรรมพรรค พท.อันดับ 2 ไปคุยกับพรรคร่วมที่เหลือ เพื่อรวบรวมเสียงเป็นแกนนำตั้งรัฐบาล ส่วนจะคุยแบบใด มีเงื่อนไขอย่างไร ใช้สูตรไหนและเสนอใครเป็นนายกฯเป็นเรื่องของพรรค พท.ไปพูดคุยให้ได้ก่อนประชุมร่วมรัฐสภา โหวตครั้งที่ 2 เชื่อว่าเอ็มโอยู 8 พรรคคงต้องสลายไป เนื่องจาก ส.ว.ไม่เอาพรรค ก.ก. จึงมาพูดคุยกันตกลงใหม่ว่าจะมีพรรคใดร่วมอยู่บ้าง และจะเสนอชื่อใครเป็นนายกฯก่อนถึงวันโหวตนายกฯรอบ 2 วันที่ 19 ก.ค.โพลให้โหวตชื่อ “พิธา” ไปเรื่อยๆวันเดียวกัน นิด้าโพลเปิดเผยผลการสำรวจความคิดเห็นประชาชน เรื่องเลือกนายกฯ 2566 สำรวจวันที่ 11-12 ก.ค.2566 จำนวน 1,310 ตัวอย่างพบว่า ร้อยละ 43.21 ระบุว่า ควรเสนอชื่อนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรค ก.ก. เพื่อให้รัฐสภาพิจารณาไปเรื่อยๆ จนกว่าจะได้ ร้อยละ 20.69 ระบุว่า ควรเสนอชื่อนาย พิธา อีก 1-2 รอบเท่านั้น ร้อยละ 12.98 ระบุว่าพรรค ก.ก.ควรยอมยกเลิกบางนโยบายที่ ส.ว.ไม่เห็นด้วย ให้ได้คะแนนเสียงเพิ่มขึ้น ร้อยละ 7.94 ระบุว่า พรรค ก.ก.ควรเปิดโอกาสให้พรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล 8 พรรคแทนทันที เมื่อถามว่าบุคคลที่มีโอกาสเป็นนายกฯ หากนายพิธาไม่ได้รับเสียงสนับสนุนเพียงพอ พบว่าร้อยละ 38.55 ระบุเป็น น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ร้อยละ 35.04 นายเศรษฐา ทวีสิน ร้อยละ 6.79 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ร้อยละ 5.65 ระบุว่า ไม่ทราบ/ไม่ตอบ/ไม่สนใจ ร้อยละ 5.42 เป็น พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ คาร์ม็อบคึกคักรวมพลไล่ ส.ว.เมื่อเวลา 11.00 น. ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย มวลชนผู้สนับสนุนพรรค ก.ก. นำโดยนายอานนท์ นำภา ทนายจากศูนย์ทนายเพื่อสิทธิมนุษยชน อดีตแกนนำม็อบราษฎร พร้อมภาคีเครือข่าย นัดหมายมวลชนจัดการชุมนุมคาร์ม็อบเรียกร้อง ส.ว.เคารพเสียงประชาชน “Respect My Vote” บรรยากาศทั่วไปหน้าร้านแมคโดนัลด์ อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย จุดรวมพลการชุมนุม เริ่มมีแนวร่วมหน้าเก่าขาประจำนำพาหนะส่วนใหญ่เป็นรถจักรยานยนต์มาจอด ส่วนพื้นที่โดยรอบ มีการนำอาหาร ข้าวของต่างๆที่เป็นสัญลักษณ์พรรค ก.ก.มาจำหน่าย โดยแกนนำชุมนุมได้ประสานกองบัญชาการตำรวจนครบาล เตรียมเส้นทางเคลื่อนขบวนคาร์ม็อบดังนี้ จุดที่ 1 กองทัพบก ใช้ถนนราชดำเนินกลางผ่านสะพานผ่านฟ้าเข้าสู่ถนนราชดำเนินนอกเสร็จสิ้นแล้ว ไปจุดที่ 2 กองทัพเรือ กลับรถไปถนนราชดำเนินกลางมุ่งหน้าสะพานสมเด็จ พระปิ่นเกล้า เลี้ยวซ้ายแยกอรุณอมรินทร์ จุดที่ 3 ไปสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กลับรถข้ามสะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า ใช้ถนนราชดำเนินกลาง ถนนนครสวรรค์ ถนนพิษณุโลก ถนนเพชรบุรี เลี้ยวขวา ประตูน้ำ ถ.ราชดำริ แยกราชประสงค์ ถนนพระราม 1 เลนฝั่งวัดปทุมวนาราม จุดที่ 4 หอศิลปและ วัฒนธรรมแห่ง กทม.ใช้เส้นทางถนนพระราม 1 แล้วชุมนุมปราศรัยต่อถึงประมาณ 20.00 น.ยื่นใบลาออก ส.ว.ให้ ผบ.เหล่าทัพนายอานนท์ นำภา ทนายจากศูนย์ทนายเพื่อสิทธิมนุษยชน และอดีตแกนนำม็อบราษฎร กล่าวว่า กิจกรรมคาร์ม็อบวันนี้จะตั้งขบวนที่ถนนราชดำเนิน มุ่งหน้าสู่ถนนราชดำเนินนอก เพื่อนำใบลาออกไปยื่นให้ ผบ.เหล่าทัพทั้ง 6 คน ที่จงใจหลีกเลี่ยงไม่มาลงมติโหวตเลือกนายกฯ วันที่ 13 ก.ค. ในขบวนจะมีรถเครื่องเสียงของแกนนำนำหน้า ตามด้วยรถยนต์ รถจักรยานยนต์ไปที่กองทัพบก กองทัพเรือ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขบวนจะไม่เคลื่อนเร็ว จะสื่อสารกับประชาชนระหว่างทางว่า เห็นด้วยหรือไม่ที่ ส.ว.ต้องลาออก เพราะไม่ทำหน้าที่ จากนั้นจะอ่านแถลงการณ์ที่หน้าหอศิลป์ก่อนยุติกิจกรรม เหตุผลที่ขอให้ ส.ว.ลาออกนั้น เพราะรัฐธรรมนูญบิดเบี้ยวให้ ส.ว. มีอำนาจเลือกนายก จึงเลือกไปเฉพาะสถานที่ที่เป็นสัญลักษณ์ แต่การไปถึงบ้าน ส.ว.อาจไม่เหมาะสมกับสถานการณ์ เป็นการกดดัน แสดงออกสันติวิธี ประชาชนต้องส่งเสียงได้ ส่วนการลดเพดานเรื่องมาตรา 112 เพื่อเปิดทางให้นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เป็นนายกรัฐมนตรีนั้น มีคนพยายามปิดเสียงประชาชน การแก้มาตรา 112 เพราะมีปัญหาโครงสร้างที่ต้องแก้ไข แต่เหตุผลที่ ส.ว.พูดมาเป็นข้ออ้างไม่ให้พรรคก้าวไกลไปบริหารราชการแผ่นดิน ทั้งที่มาตรา 112 ไม่กระทบ โครงสร้างการเมือง บี้ ผบ.เหล่าทัพไขก๊อก ส.ว.พท.ห้ามพลิ้วต่อมา นายอานนท์ขึ้นรถกระจายเสียงปราศรัยซักซ้อมกับผู้ชุมนุมก่อนเคลื่อนขบวนว่า วันนี้จะไปพบ ส.ว.ที่เป็นผู้นำเหล่าทัพ แต่ไม่ทำหน้าที่ออกเสียง จะใช้เสียงแตรไล่ ส.ว. ให้เป็นจุดแรกเริ่มคนทั้งประเทศ มาร่วมแสดงพลังต่อสู้ร่วมกัน 8 พรรคต้องเกาะกันให้แน่น ยึดเสียงประชาชนเป็นหลัก ถ้าพรรค พท. เปลี่ยนขั้วไปรวมกับพรรค พปชร. พรรค รทสช.ถูกประชาชนไล่ด่าแน่นอนนายสมยศ พฤกษาเกษมสุข แกนนำกลุ่ม 24 มิถุนาประธิปไตย กล่าวว่า หากพรรคก้าวไกลยอมถอยเรื่องมาตรา 112 เท่ากับขุดหลุมฝังศพตัวเอง พรรค ก.ก.ต้องยืนหยัดไม่ยกเลิกมาตรา 112 แม้เพลี่ยงพล้ำชิงตำแหน่งนายกฯ ไม่สามารถลดทอนจุดยืนมาตรา 112 ที่ขณะนี้ไม่เพียงถูกใช้เป็นเครื่องมือทำลายคนเห็นต่าง แต่ถึงขั้นยับยั้งตำแหน่งคนที่จะมาเป็นนายกรัฐมนตรี จึงเป็นเหตุผลควรยกเลิกมาตรา 112 มากกว่าการแก้ไขร่อนหนังสือลาออกข้ามรั้ว ทบ.กระทั่งเวลา 14.00 น. ขบวนคาร์ม็อบไล่ ส.ว.เคลื่อนตัวออกจากอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยไปกองบัญชาการกองทัพบก มีขบวนรถจักรยานยนต์นับร้อยคัน บีบแตรเสียงดังลั่นนำหน้า ตามมาด้วยรถเครื่องขยายเสียงของแกนนำ รถเก๋ง รถกระบะติดริบบิ้นสีส้มแสดงสัญลักษณ์ กระทั่งเวลา 14.10 น. ขบวนมาถึงถนนราชดำเนินนอก หน้ากองบัญชาการกองทัพบก บีบแตรส่งเสียงดังลั่นจนแสบแก้วหู นายโสภณ สุรฤทธิ์ธำรงค์ หรือเก็ท โมกหลวงริมน้ำ พร้อมแนวร่วมกรูไปที่รั้วกองทัพบกก่อนพับจดหมาย ลาออกจากตำแหน่ง ส.ว.ที่จะยื่นให้ผู้นำเหล่าทัพเป็นจรวดขว้างข้ามรั้วเข้าไป หลังปราศรัยโจมตีผู้นำเหล่าทัพพักใหญ่ มีนายทหารเวรรักษาการณ์ประจำวันเดินมารับ หนังสือ โดย น.ส.แทนฤทัย แท่นรัตน์ กลุ่มเฟมินิสต์ปลดแอก เป็นตัวแทนยื่นหนังสือ จากนั้นเวลา 15.10 น. ขบวนคาร์ม็อบมาถึงกองบัญชาการกองทัพเรือ มีนายจิรภาส กอรัมย์ หรือแก็ป ทะลุแก๊ส เป็นตัวแทนยื่นหนังสือลาออกจากตำแหน่ง ส.ว.ถึง ผบ.ทร. และผบ.ทอ. มี น.อ.พันธ์ณรงค์ ยุทธวงศ์ ผอ.กองประชาสัมพันธ์ มารับหนังสือ และเคลื่อนขบวนต่อไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติทำพิธีเผาตั๋วช้างหน้า สตช.ต่อมาเวลา 16.30 น. กลุ่มคาร์ม็อบเดินทางไปหน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พร้อมยื่นหนังสือผ่านตัวแทนที่ออกมารับและฝาก “ตั๋วช้าง” ที่ทำขึ้นมาเอง เขียนเป็นภาษาอังกฤษว่า “Elephant Ticket” ไปพร้อมเอกสาร จากนั้นมีการเผาตั๋วช้างและเผาพริกเผาเกลือสาปแช่งไปพร้อมกัน กระทั่งเวลา 16.40 น. คาร์ม็อบเดินทางต่อไปหน้าหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพฯ สี่แยกปทุมวัน ตั้งเวทีสลับปราศรัยโจมตี ส.ว. โดย น.ส.ธนพร วิจันทร์ แกนนำเครือข่ายแรงงาน กล่าวว่า วันที่ 18 ก.ค. เครือข่ายฯจะไปยื่นหนังสือต่อศาลรัฐธรรมนูญ คัดค้านการที่ กกต.ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญให้พิจารณากรณีถือหุ้นไอทีวีของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ถือว่าเป็นการกระทำ โดยไม่ชอบ ขอชวนประชาชนให้ไปเจอกันห้าม 8 พรรคแตกแถวย้ายขั้วด้านนายอานนท์ นำภา แกนนำคาร์ม็อบ กล่าวปราศรัยว่า มาตรา 112 เป็นแค่ข้ออ้างฝ่าย ส.ว. แต่จริงๆแล้วผู้มีอำนาจกลัวการเปลี่ยนแปลง กลัวพรรค ก.ก.เปลี่ยนแปลงโครงสร้าง เปลี่ยนหลักสูตรการศึกษาที่เอาไว้ล้างสมองลูกหลาน กลัวไปจัดการกับตั๋วช้าง กลัวพลเมืองเป็นใหญ่เหนือทหาร ที่สำคัญกลัวเช็กบิลทหารที่เคยอยู่ใน ศอฉ. และมีส่วนสลายการชุมนุมเสื้อแดงปี 2553 เมื่อเขากลัว เราต้องทำสิ่งเหล่านี้ให้เป็นจริงขอส่งเสียงถึง 8 พรรคร่วมรัฐบาลว่า พรรคไหนแตกแถวย้ายขั้วก่อนพรรคนั้นเป็นเผด็จการออกแถลงการณ์จี้ ส.ว.ลาออกกระทั่งเวลา 18.40 น. มีการอ่านแถลงการณ์ของกลุ่ม โดย น.ส.อาทิตยา พรพรม กลุ่มเดมโฮป ระบุว่า ในนามแนวร่วมประชาชนฝ่ายประชาธิปไตย ขอเรียกร้องไปยังรัฐสภา รวมทั้งประชาชนทั้งประเทศดังนี้ 1.ขอประณามสมาชิกรัฐสภา โดยเฉพาะ ส.วที่ไม่ลงมติตามฉันทามติของคนทั้งประเทศที่มุ่งหมายฝ่ายประชาธิปไตยจัดตั้งรัฐบาลเพื่อบริหารบ้านเมือง 2.ขอเรียกร้อง ส.ว.ที่ไม่ทำหน้าที่ลงมติเห็นชอบตามเสียงส่วนใหญ่ของคนทั้งประเทศให้ลาออกทั้งหมด แล้วให้สมาชิกรัฐสภาที่เหลือทำหน้าที่ลงมติตามเสียงส่วนใหญ่ของคนทั้งประเทศต่อไป 3.ขอให้ 8 พรรคร่วมฝ่ายประชาธิปไตยผนึกกำลังให้เหนียวแน่น เพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ตามคำสั่งสัญญาที่ให้ไว้กับประชาชน 4.ขอให้ประชาชนทั่วประเทศออกมาต่อสู้กับแนวร่วมประชาชนฝ่ายประชาธิปไตย ปชป.เลือกหัวหน้าคนใหม่ 23 ก.ค.นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวว่า พรรค ปชป.จัดประชุมใหญ่วิสามัญ ครั้งที่ 2 ปี 2566 ในวันที่ 23 ก.ค. เวลา 08.30 น. ที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ มีวาระประชุมสำคัญที่เลื่อนมาคือ การเลือกตั้งคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ และคณะกรรมการสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส.ของพรรคองค์ประชุมทั้งหมดของที่ประชุมใหญ่ กำหนดองค์ประชุมไว้ 19 กลุ่ม ตามข้อบังคับพรรค คาดว่า จะมีจำนวนมากขึ้นกว่าการประชุมครั้งก่อน เนื่องจากองค์ประชุมที่ไม่ได้ร่วมประชุมครั้งที่แล้ว สนใจเข้าร่วมประชุมครั้งนี้ เพราะเป็นการประชุมครั้งสำคัญที่จะกำหนดทิศทางพรรค ถือเป็นการร่วมประวัติศาสตร์เลือกหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์คนที่ 9 จะรับฟังวิสัยทัศน์ผู้สมัครหัวหน้าพรรค คนละ 7 นาที พร้อมมีส่วนร่วมเลือกตั้งคณะกรรมการบริหาร พรรคชุดใหม่ ทั้ง 11 ตำแหน่ง 41 คน ไปจนถึงเลือกตั้งคณะกรรมการสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส.ของพรรคอีกด้วย