ประวัติศาสตร์หน้าใหม่การเมืองไทยต้องบันทึกไว้ เป็นครั้งแรกที่ไม่สามารถได้ตัวนายกรัฐมนตรีในการลงมติครั้งแรกของที่ประชุมสภาตามปรากฏการณ์ที่ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย เสนอชื่อนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคก้าวไกล เพื่อให้ที่ประชุมรัฐสภาลงมติเลือกให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ตามรัฐธรรมนูญมาตรา272โดยไม่มีการเสนอชื่อแคนดิเดตคนอื่นเข้าโหวตแข่งแต่อย่างใด“พิธา” ยืนเดี่ยว สู้กับตัวเอง แต่ได้คะแนน 324 เสียง ไม่ถึงกึ่งหนึ่งของที่ประชุมรัฐสภา 375 เสียงตามตัวเลขที่ออกมา เห็นด้วย 324 คะแนน ไม่เห็นด้วย 182 คะแนน งดออกเสียง 199 คะแนนโดยเฉพาะในส่วนของสมาชิกวุฒิสภา ลงคะแนนเห็นชอบกับชื่อของนายพิธา เพียงแค่ 13 เสียง จาก “ส.ว.ลากตั้ง” ทั้งหมด 249 คนมติที่ประชุมรัฐสภา ไม่เห็นชอบกับการให้นายพิธา ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีผลที่ออกมานับเป็นเรื่องแปลกประหลาดสำหรับการเมืองไทยแต่ไม่ได้เหนือการคาดหมาย ตามเงื่อนไขสถานการณ์อย่างที่ตัวนายพิธาเองก็น่าจะรู้สัญญาณดี จากอารมณ์ที่หัวหน้าพรรคก้าวไกลผุดวาทกรรมร้อนแรง ต้องไม่มี “ศาลเตี้ย” ในรัฐสภาตอบโต้กับ ส.ส.ขั้วตรงข้าม และ ส.ว.ฝ่ายต้านที่อภิปราย ตั้งแง่ใส่คุณสมบัติของนายพิธาที่อาจขัดต่อสถานะนายกรัฐมนตรี ตามเหตุที่โยงกับปมโดนร้องเรียนในจังหวะคาบลูกคาบดอก ตรงล็อกพอดิบพอดี ก่อนโหวตเลือกนายกฯไม่กี่ชั่วโมงด้านหนึ่งคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีมติส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยสมาชิกภาพ ส.ส.ของนายพิธา สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญมาตรา 98 (3) หรือไม่ จากกรณีมีชื่อถือครองหุ้นสื่อ บริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน)รวมทั้งมีคำขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาสั่งให้ยุติการปฏิบัติหน้าที่ ส.ส.ไว้ก่อน จนกว่าศาลจะมีคำวินิจฉัยอีกด้านหนึ่ง ศาลรัฐธรรมนูญมีมติรับคำร้องทนายความของนายสุวิทย์ ทองประเสริฐ หรืออดีตพุทธะอิสระ ที่ขอ ให้วินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 49 ว่า การกระทำของนายพิธาและพรรคก้าวไกล ที่มีนโยบายแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ในการหาเสียงเลือกตั้งเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือไม่สุ่มเสี่ยงอัตราโทษหนักยุบพรรค ตัดสิทธิการเมืองและพ่วงคดีอาญาชนักปักหลัง สถานภาพ “พิธา” เสมือนหนึ่งว่า แขวนอยู่บนใยแมงมุมหากเลือกนายกรัฐมนตรีไปเสี่ยงกับคดีพลิกคว่ำพลิกหงาย มันคือเหตุผล ส.ว.ลากตั้ง รวมไปถึง ส.ส.ขั้วตรงข้าม อ้างเป็นเหตุในการไม่ลงคะแนนเห็นชอบหัวหน้าค่ายก้าวไกล“ยกแรก” กองทัพส้มไม่อาจฝ่าแนวรบ “นิติสงคราม”“ผู้นำรัฐบาลแห่งความฝัน” สะดุดด่านสภาอย่างไรก็ดี นายพิธายังใจดีสู้เสือ ยอมรับผลโหวตแต่ไม่ยอมแพ้ ยังหวังลุ้นอีกช็อต ตามที่นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ในฐานะประธานรัฐสภา วางโปรแกรมล่วงหน้า เตรียมเรียกประชุมรัฐสภาอีกในวันที่ 19-20 กรกฎาคมนี้ ในการเลือกนายกรัฐมนตรี รอบ 2โดยรัฐธรรมนูญไม่ได้กำหนดระยะเวลาไว้ ต้องเลือกจนกว่าจะได้นายกฯแต่สำหรับขวัญใจ “ด้อมส้ม” การพลาด “จั่วลม” ยกแรกไปแล้ว แนวโน้มยกสองก็คงไม่มีอะไรแตกต่างกัน กับสมการตัวเลขที่ติดล็อก ย้ายข้างลำบาก และมันอาจจะเพิ่มความยากขึ้น ตามเหลี่ยมแนวร่วมฝ่ายต้านที่มีการยกข้อบังคับสภา ว่าด้วยการเสนอญัตติได้ครั้งเดียวในสมัยประชุม ถ้าตกแล้วไม่สามารถเสนอญัตติใหม่ได้นั่นยังไม่เท่ากับว่า ถ้าศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ ส.ส.ก็ต้องมีปมปัญหาให้ถกเถียงกันในมุมที่ว่า “พิธา” จะได้รับการเสนอชื่อเพื่อรับการโหวตเป็นนายกฯได้หรือไม่สิทธิ ความชอบธรรม ลดน้อยถอยลงไปแรงดันตกสวนทางกับแรงเสียดทาน สถานการณ์โหวตยกสองส่อเค้าต้องเหนื่อยกว่ายกแรกโอกาสถึงฝั่งฝันนายกรัฐมนตรีของ “พิธา” ยิ่งห่างไกลความจริงออกไปโดยเฉพาะกับการที่แม่ทัพก้าวไกลยืนกรานไม่ “ลดธง” เดินหน้ารื้อประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ต่อไปจนสุดซอย ตามนโยบายที่หาเสียงไว้กับประชาชนผู้สนับสนุนนั่นก็ไม่ต้องลุ้นแต้มเพิ่ม เผลอๆพวก “สายล่อฟ้า” จะหดหายไปตามอาการ “ตัวตึง” ของเหล่า ส.ว.ลากตั้ง ที่ขวางเด็กก้าวล้ำแดนอันตราย รวมไปถึง ส.ส.จากขั้วตรงข้าม ทั้งค่ายพลังประชารัฐ ภูมิใจไทย รวมไทยสร้างชาติ ชาติไทยพัฒนา ที่ตั้งแถวหน้ากระดานเรียงหนึ่ง ขึงพืดไม่เอาด้วยกับการรื้อมาตรา 112ไม่มีข้อมูลใหม่ ลมฟ้าอากาศไม่เปลี่ยนแปลงตามรูปการณ์ “พิธา” กับฝ่าย เสธ.กองทัพก้าวไกล ก็น่าจะตื่นรู้จากโลกแห่งความฝันไม่มีวันที่พระอาทิตย์จะขึ้นทางทิศตะวันตก อาการอย่างที่ “เดอะป๊อก” นายปิยบุตร แสงกนกกุล แกนนำคณะก้าวหน้า ส่งซิกเป็นนัยแนะให้หัวหน้าพรรคก้าวไกลถอยไปเป็นผู้นำฝ่ายค้าน เพื่อรุกกฎหมายล้างกระดาน “ส.ว.ลากตั้ง”เปิดทางถอยให้กันตามยุทธศาสตร์ลากต่อลำบากประกอบกับโทนเสียงแข็งกร้าวของ “พิธา” ที่เปิดวาทกรรม “ศาลเตี้ย” ในรัฐสภา อารมณ์ของหัวขบวนกองทัพส้มคือการส่งสัญญาณขอ “ตัวช่วย” โดนล้อมกรอบ รุมสกัดอย่างไม่เป็นธรรมเรียกคะแนนสงสารของประชาชน กระตุ้นไฟแค้นกลุ่มผู้สนับสนุนเร้าอุณหภูมิ “ด้อมส้ม” ตามเกมที่นายพิธาเดินสายตามหัวเมืองใหญ่ ระดมขุมกำลัง ตั้งใจเปิดยุทธศาสตร์ดันทะลุซอย ไม่ถอย ไม่หลบ ไม่ยอมหมอบเพื่อเกมอำนาจน้ำเน่าปักหลักรบกับขั้วอนุรักษ์นิยม เกมถนัดของทีมเด็กปลุกเร้ามวลชนในเมื่อฝ่าวงล้อม “นิติสงคราม” แหกด่านในสภาไม่ได้ ทีมแห่ “พิธา” ก็ต้องลากเกมการต่อสู้ไปข้างนอก ปักหลักบนถนน ท้าชนกับขั้วตรงข้ามตามเหลี่ยมกดดัน ขู่วัดใจพวกเดียวกันทีมเด็กใช้พลังมวลชนบล็อกพรรคเพื่อไทย ล้อมกรอบ ทีมนายห้างดูไบ ไม่ให้ชิ่งหนี “พิธา” สละเรือไปจับขั้ว ฟอร์มทีมรัฐบาลใหม่กับขั้วอำนาจเดิมทั้งหมดทั้งปวง พรรคก้าวไกลน่าจะเติมแต้มสะสม เดินหมากข้ามช็อตไปการเลือกตั้งรอบหน้า เล่นกระแสล้อกับอารมณ์คนไทย ขี้สงสาร ชอบเชียร์มวยรอง เงื่อนไขสถานการณ์อำนาจเอื้อกับกองทัพสีส้ม เหมากวาด ส.ส.ทั้งแผ่นดิน โดยไม่ต้องยืมจมูกใครหายใจตามฟอร์มเด็กมั่นใจ อายุยังน้อย รอได้ คนแก่นับวันมีแต่จะล้มหายตายจากไปแต่โจทย์ยากของทีมก้าวไกล การเลือกใช้เกมมวลชน ก็ต้องรับความเสี่ยงมือที่ 2 มือที่ 3 ไอ้โม่งกระหายเลือด แทรกมาป่วน ทำให้เกิดความวุ่นวาย สูญเสียความรับผิดชอบใหญ่หลวง จะตกอยู่ที่ทีมเด็กไม่ประสีประสาอย่างไม่อาจเลี่ยงได้จากพระเอก อาจจะพลิกเป็นผู้ร้ายทันที.คลิกอ่านคอลัมน์ "วิเคราะห์การเมือง" เพิ่มเติม“ทีมการเมือง”