คอการเมืองอกสั่นขวัญแขวน กินไม่ได้นอนไม่หลับ ลุ้นกันอยู่ว่าใครจะเป็น นายกฯคนที่ 30 ของประเทศไทย การประชุม รัฐสภา เพื่อโหวตเลือกนายกฯคนที่ 30 ของประเทศไทย เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคมที่ผ่านมา ไม่มีการเสนอชื่อจากทาง ฝั่งรัฐบาลเสียงข้างน้อย มาแข่งกับ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ โดย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย เป็นคนลุกขึ้นเสนอชื่อ พิธา เป็นนายกฯด้วยตัวเอง แสดงสปิริตพรรคอันดับสอง ที่จะไม่เสนอชื่อ นายกฯลงแข่ง เพราะฉะนั้นตามขั้นตอนแล้วก็เป็นหน้าที่ของ ที่ประชุมร่วมสองสภา ว่าจะโหวตให้ พิธา ได้เป็นนายกฯด้วยเสียงที่มากกว่ากึ่งหนึ่งหรือ 376 เสียงหรือไม่ ก็อย่างที่ทราบกันไปแล้วถ้าจะมองข้ามช็อต ข้ามการเลือกนายกฯออกไป อย่างไรเสีย ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยก็จะต้องมี นายกรัฐมนตรี เพื่อจะทำหน้าที่ในการตั้งรัฐบาล เสนอชื่อคนที่จะเป็นรัฐมนตรีอยู่แล้ว จะช้าจะเร็วก็ต้องมีนายกรัฐมนตรีในการทำหน้าที่ผู้นำประเทศ ไม่มีทางเป็นอย่างอื่นซึ่งในรัฐธรรมนูญหาทางออกเอาไว้มากมาย แม้แต่กระทั่งถ้าไม่สามารถจะเลือกนายกฯ ในก๊อกแรก คือ ส.ส.และ ส.ว.ไม่สามารถจะโหวตเลือกนายกฯได้ ก็สามารถยกเว้นการเลือกนายกฯจากบัญชีรายชื่อของพรรคการเมือง แล้วเอาคนนอกใครก็ได้มาเป็นนายกฯ จึงไม่มีอะไรน่าเป็นกังวลแต่สำหรับ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ กับพรรคก้าวไกล ไม่ว่าจะอยู่ในสถานะใดก็ตาม สถานภาพกำลังเดินอยู่บนปากเหว ต่อให้ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ได้เป็นนายกฯคนที่ 30 ของประเทศไทยก็จะต้องเจอกับวิบากกรรมหลายกระทง ถือหุ้นสื่อ คุณสมบัติต้องห้ามการลงสมัคร ส.ส. การนำนโยบายการแก้รัฐธรรมนูญมาตรา 112 ไปหาเสียง อันเป็นการล้มล้างการปกครอง และอีกหลายข้อกล่าวหาที่มีผลต่ออนาคตของ พิธา และ ก้าวไกล โดยตรงไม่ได้เกี่ยวกับพรรคร่วมรัฐบาล หรือ คะแนนเสียง 14 ล้านเสียงหรือ 25 ล้านเสียงใดๆทั้งสิ้นเมื่อเรื่องนี้ไปเกี่ยวข้องกับข้อกฎหมายและบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญ ที่บัญญัติเอาไว้ก่อนที่จะมีการรับสมัครเลือกตั้ง ส.ส. และก่อนที่พิธา จะได้รับการเสนอชื่อให้โหวตเป็นนายกฯ ก็ต้องให้กระบวนการยุติธรรมทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา เป็นเรื่องดีกับทั้งสองฝ่าย พิธาก็จะได้พิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเอง ไม่ต้องไปนั่งหวาดระแวงว่าจะถูกสอยวันไหน ตั้งใจทำงานได้เต็มที่ คนร้องก็จะได้สบายใจว่าทำหน้าที่ของตัวเองจบสิ้นกระบวนการแล้วชาวบ้านก็จะได้กลับมาใช้ชีวิตกันอย่างปกติ ไม่ต้องไปคอยลุ้นกันว่า ใครจะเป็นรัฐบาลเป็นนายกฯ อย่าลืมว่าการเกิดวิกฤติการเมืองทุกครั้ง ผลลัพธ์คืออะไร และใครได้ประโยชน์ คงไม่ต้องอธิบายกันให้เมื่อยตุ้มส่วนเรื่องของพิธาและก้าวไกล ถ้าคำวินิจฉัยของ ศาลรัฐธรรมนูญ ออกมาบริสุทธิ์ทุกคดี การเมืองก็จะเดินหน้าไปได้อีกสเต็ป จะเจอกับวิบากกรรมใหม่ๆอะไรอีก ก็เป็นอนาคตทางการเมือง แต่ถ้าพิธาไม่รอด ก้าวไกลก็คงไปลำบาก มีตั้งแต่พ้นสภาพ ส.ส. จัดเลือกตั้งใหม่ไปจนถึงยุบพรรค การเมืองคงชุลมุนไปพักใหญ่ เพราะฉะนั้นแม้เรื่องของพิธากับเรื่องนายกฯคนที่ 30 ของประเทศไทยจะเป็นเรื่องเดียวกัน ไม่ว่าพิธาจะได้เป็นนายกฯหรือไม่ได้เป็นนายกฯ ผลลัพธ์จะออกมาจะต้องแยกเป็นสองฉากทัศน์ระหว่างอนาคตของพิธา กับอนาคตของประเทศไทย.คลิกอ่านคอลัมน์ "คาบลูกคาบดอก" เพิ่มเติมหมัดเหล็กmudlek@thairath.co.th