เป็นไปตามความคาดหมายของบรรดาเกจิอาจารย์ทางการเมืองทั้งหลาย นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ได้คะแนน 324 ในการออกเสียงลงคะแนนเลือกนายกรัฐมนตรี ยังขาดอยู่ 51 คะแนน จึงจะครบ 375 ในบรรดาผู้สนับสนุนเป็น ส.ส. 324 คน ส.ว. 13 งดออกเสียง 199จึงจะได้รับเลือกเป็นนายกรัฐมนตรี นับเป็นความผิดหวังครั้งใหญ่ของประชาชน ที่อยากเห็นการจัดตั้งรัฐบาลประชาธิปไตย ตามเสียงส่วนใหญ่ของประชาชน หลังจากที่ประเทศอยู่ใต้ประชาธิปไตยครึ่งใบมากว่า 9 ปี แต่ยังไม่ถือว่าแพ้แบบเด็ดขาด ยังมีโอกาสแก้ตัวในการประชุมเลือกนายกฯในครั้งต่อๆไปการประชุมรัฐสภาเพื่อเลือกนายกรัฐมนตรี กลายเป็นวิวาทะครั้งใหญ่ เกี่ยวกับนโยบายของพรรคก้าวไกลในการแก้ไข ป.อาญา ม.112 ฝ่ายที่คัดค้านการเลือกนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อ้างเป็นเหตุผลสำคัญ ส่วนคุณสมบัติของตัวบุคคลแทบจะไม่มีใครสนใจ ถึงแม้ กกต.จะเพิ่งร้องศาลรัฐธรรมนูญแบบสดๆร้อนๆมติที่ กกต.ส่งศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัย คือการถือหุ้นไอทีวี ที่เป็นประเด็นถกเถียงกันมาแรมเดือน แต่ กกต.เพิ่งจะมาเร่งเครื่องตรวจสอบ และลงมติก่อนการประชุมรัฐสภาเพียงวันเดียว ให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่านายพิธาขาดสมาชิกภาพการเป็น ส.ส. และขอให้ศาลมีคำสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ แต่ศาลได้แค่รับเรื่องไว้ในขณะที่ ม.112 กลายเป็นประเด็นโต้เถียงที่ดุเดือดเผ็ดมันระหว่างฝ่ายค้านกับฝ่ายสนับสนุน สะท้อนถึงการแสดงความคิดเห็น มักจะใช้อารมณ์มากกว่าเหตุผล เช่น กล่าวหาผู้ที่เสนอแก้ไข ม.112 เป็นผู้ใช้สิทธิเสรีภาพ เพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขเป็นการกล่าวหาที่แรงเกินจริง เช่นเดียวกับการกล่าวหาพรรคการเมืองว่า ล้มล้างหรือเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตย มีโทษถึงยุบพรรค ทั้งๆที่การแก้ไข ม.112 เคยมีมาหลายครั้ง แต่ไม่เคยล้มล้างระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข รัฐประหารต่างหากที่ล้มการปกครองเช่นเดียวกับบทเฉพาะกาลในรัฐธรรมนูญ 2560 ที่ขัดหลักประชาธิปไตย เช่นให้ ส.ว. ที่มาจากแต่งตั้ง ร่วมเลือกนายกรัฐมนตรี ที่ขัดกับหลักประชาธิปไตย เป็นปฏิปักษ์ต่อประชาธิปไตยหรือไม่ เหตุที่มีผู้ขอแก้ ม.112 เพราะมีโทษหนักเทียบเท่าการฆ่าคนตายโดยไม่เจตนา และใช้เป็นเครื่องมือขจัดฝ่ายตรงข้าม.คลิกอ่านคอลัมน์ "บทบรรณาธิการ" เพิ่มเติม