สิ่งแรก...ก็เหมือน ติดกระดุมเม็ดแรก ถ้าเริ่มต้นก็ทะเลาะกันวุ่นวายก็จะเสียโอกาสชาติไม่หายวิกฤติ การเอาชนะเลือกตั้งกับการบริหารประเทศนั้นคนละเรื่อง...“นายกรัฐมนตรี” ไม่ควรบริหารจิปาถะ แต่เป็นผู้นำที่ยิ่งใหญ่ที่นำคนทั้งประเทศไปในทิศทางเดียวกันเมื่อใด “คนไทยมีความมุ่งมั่นร่วมกัน” ประเทศจะเกิดพลังมหาศาลประดุจแสงเลเซอร์ทำอะไรก็สำเร็จทุกอย่าง ศ.นพ.ประเวศ วะสีศ.นพ.ประเวศ วะสี บอกว่า “สงครามเอาชนะความยากจน” เป็นสิ่งที่จะรวมใจคนทั้งหมดได้นี้คือ การร่วมกันทำสิ่งใหม่ที่ดีเมื่อสำเร็จจะเป็นจุดคานงัดให้สำเร็จอื่นๆต่อไปทุกเรื่อง วิธีทำให้สำเร็จมีดังนี้...ข้อแรก...ประกาศมรรควิธีแก้จน 25 วิธีรัฐบาลมอบให้ “พอช.” หรือ “สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน” ที่มี ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล เป็นประธาน รวบรวมวิธีแก้จนจากความจริงของแผ่นดินไทย แล้วนายกรัฐมนตรีประกาศมรรควิธีแก้จนเท่าที่นึกออกมี 17 วิธีด้วยกัน...เริ่มจาก “ชุมชนเข้มแข็ง” โดยมีองค์กรชุมชนเข้มแข็ง สามารถจัดการพัฒนาชุมชนอย่างบูรณาการ...เป็นต้นธารแห่งความสำเร็จถัดมา...ปฏิรูปที่ดิน ให้ทุกครอบครัวมีที่ดินทำกิน...ทำเกษตรผสมผสานหรือเกษตรทฤษฎีใหม่...มีสระน้ำประจำครอบครัว ที่สามารถเก็บน้ำได้ทั้งปีสนับสนุนเกษตรทฤษฎีใหม่...บริหารน้ำกินน้ำใช้ในชุมชนท้องถิ่น ด้วยฝายและธนาคารน้ำบาดาลมีป่าชุมชนทุกตำบลหายจนถ้วนหน้า ถ้าทำเต็มที่จะนำรายได้สู่ตำบล ประมาณตำบลละ 100 ล้านบาทต่อปี...มีสถาบันการเงินของชุมชน...ชุมชนมีความสามารถวิเคราะห์การเงิน ทำให้ปรับพฤติกรรมการผลิตและการบริโภค หายจนได้...วิสาหกิจชุมชน ทั้งการผลิตและการตลาดการแปรรูปอาหารและนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ธรรมชาติ...ชุมชนผลิตสินค้าวัฒนธรรม...ชุมชนมีฝีมือการช่างทุกประเภท... จัดการท่องเที่ยวชุมชนผลิตพลังงานชุมชนได้เหลือใช้...พัฒนาระบบสมุนไพรครบวงจร...ระบบเศรษฐกิจชุมชนกับเศรษฐกิจมหภาค เชื่อมโยงอย่างเกื้อกูลกัน สุดท้าย...ระบบการศึกษาชุมชนท้องถิ่น ที่สร้างสัมมาชีพเต็มพื้นที่“17 วิธีนี้เป็นเพียงตัวอย่าง เมื่อรวบรวมจริงๆคงได้มากกว่านี้และดีกว่านี้ สมมติว่าได้ 25 วิธีเมื่อเริ่มต้นนายกรัฐมนตรีประกาศ มรรค 25 ในการแก้จน การประกาศให้รู้ทั่วกันทั้งประเทศ จะไป กระตุ้นความตื่นตัวของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนั้นๆทั้งประเทศ” ศ.นพ.ประเวศ ว่าข้อที่สอง...สงคราม 9 ทัพแบ่งประเทศไทยเป็น 9 ภาค เพื่อการจัดทัพคือ ภาคเหนือ ภาคอีสานตอนบน ภาคอีสานตอนล่าง ภาคกลางตอนบน ภาคกลางตอนล่าง ภาคตะวันออก ภาคตะวันตก ภาคใต้ตอนบน ภาคใต้ตอนล่างจัดตั้งกองทัพเอาชนะความยากจน 9 กองทัพตามภาคแยกย่อยไปอีกว่า “แม่ทัพแต่ละภาค” คือ รองนายกรัฐมนตรีและเป็นรัฐมนตรีกระทรวงใดกระทรวงหนึ่งด้วยอีกทั้งในแต่ละกองทัพภาค มีผู้บริหารระดับสูงของทุกกระทรวง คือ ปลัดกระทรวง รองปลัดฯ และผู้ช่วยปลัดกระทรวงร่วมด้วยและมีผู้นำชุมชนท้องถิ่นผู้มีปัญญาบารมีในทุกภาค ควรเป็นที่ปรึกษากองทัพภาค รวมถึงผู้ทรงคุณวุฒิอื่นๆที่แม่ทัพภาคต้องการย้ำว่า...กองทัพภาคทั้ง 9 ทัพ จะประกอบด้วยกำลังคนจากทุกภาคส่วนของประเทศ รวมกันเป็น “พลังแผ่นดิน”...อันมหาศาลที่จะเข้าประจัญบาน แล้วทำไมจะไม่ชนะประการที่สาม...ยุทธภูมิ นักรบ จุดยุทธศาสตร์ยุทธภูมิ คือ พื้นที่แผ่นดินไทยทั้งประเทศซึ่งมี 80,000 ชุมชน 8,000 ตำบล 800 อำเภอเกือบ 80 จังหวัด...นักรบ คือ ผู้นำชุมชนท้องถิ่นหลายแสนคนอาจกว่า 1 ล้านคน...จุดยุทธศาสตร์ คือ ตำบล“กองบัญชาการ” คือ องค์กรท้องถิ่นทั้งหมด ได้แก่ อบต. เทศบาล อบจ.“เป้าหมาย” คือ สร้างสัมมาชีพเต็มพื้นที่ภายใน 5 ปี“สัมมาชีพ” หมายถึง อาชีพที่ไม่เบียดเบียนตนเอง ไม่เบียดเบียนผู้อื่น ไม่เบียดเบียนสิ่งแวดล้อม มีรายจ่ายน้อยกว่ารายได้ หลุดหนี้ มีเงินออม สุขกายสุขใจ มีศักดิ์ศรี แน่นอนว่าจะต้องมี “การสนับสนุน...กองทัพภาคสนับสนุนปฏิบัติการขององค์กรและนักรบในพื้นที่ ขจัดอุปสรรคขัดข้องให้ปฏิบัติได้ ประเมินผลการปฏิบัติ เอาผลประเมินมาปรับกระบวนการสงครามอย่างต่อเนื่อง ให้บรรลุเป้าหมายในเวลาที่กำหนด”ประการที่สี่...ผลต่อประเทศไทยภาพใหญ่ที่จะเกิดขึ้นเมื่อเกิดการขับเคลื่อนเขยื้อนด้วยพลังเอาชนะความยากจนอย่างไม่ติดขัด “คนไทย”...มีสัมมาชีพทุกครอบครัว หายจนหมดทั้งประเทศ มีคุณภาพชีวิตที่ดี“เศรษฐกิจมหภาคเติบโตและมั่นคง เพราะอยู่บนฐานที่แข็งแรงของประเทศ ไม่ใช่ขึ้นกับตลาดโลกที่พลิกผันแต่เพียงอย่างเดียว...คนไทยทุกภาคส่วนจะรักกันมาก เพราะร่วมทำสงครามประสบชัยชนะร่วมกัน จะเชื่อถือไว้วางใจกัน ฉลาดร่วมกัน เกิดปัญญาร่วม”ที่สำคัญ...มีความสุขประดุจบรรลุนิพพาน เป็นพลังสร้างสรรค์ ทั้งแผ่นดิน “เมื่อเกิดพลังร่วมซึ่งเป็นพลังสร้างสรรค์ทั้งแผ่นดิน ต่อไปจะทำอะไรก็จะสำเร็จทุกอย่าง...ประเทศไทยจะเป็น แผ่นดินศานติสุข เป็นประเทศที่น่าอยู่ที่สุดในโลก เพราะมีความถูกต้องดีงามและนี่คืออนาคตของเราร่วมกัน ที่คนไทยทั้งหมดไม่ว่ารุ่นใหม่รุ่นเก่าหรือรุ่นไหนๆร่วมกันสร้าง”สุดท้ายประการที่ห้า...คนไทยทั้งหมดร่วมสนับสนุนนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ให้เป็นผู้นำนำคนไทยทั้งหมด ร่วมเดินทาง บนเส้นทางสันติอันประเสริฐ “สันติวรบท”...ไปสู่อนาคตอันรุ่งโรจน์ ของเราร่วมกัน“ขอให้คนไทยและประเทศไทยมีความสวัสดี”จากราษฎรชราคนหนึ่ง ศ.นพ.ประเวศ วะสี.