คณะกรรมการการเลือกตั้งนัดพิจารณา คดีถือหุ้นสื่อไอทีวี ของ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกฯของพรรคก้าวไกล ต้องห้ามตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. มาตรา 151 ประกอบด้วยมาตรา 42 (3) ถือว่ามีโทษร้ายแรง รู้อยู่แล้วว่าขาดคุณสมบัติการลงรับสมัครเลือกตั้งแต่ยังฝ่าฝืนลงสมัครรับเลือกตั้ง มีโทษทางอาญาทั้งจำและปรับและถูกตัดสิทธิทางการเมืองอีกด้วยคาดว่า กกต. ส่งเรื่องให้วินิจฉัยและศาลรัฐธรรมนูญ จะรับไว้พิจารณาในวันที่ 12 ก.ค. วันที่ 13 ก.ค.จะมีการโหวต เลือกนายกฯในสภา เพราะฉะนั้นถ้าเป็นไปตามไทม์ไลน์ดังกล่าว ศาลรัฐธรรมนูญ คงต้องมีการขมวดในตอนท้ายของการวินิจฉัยรับเรื่องด้วยว่า พิธา จะต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ถ้าหยุดปฏิบัติหน้าที่ ส.ส. จะมีผลกับการโหวตนายกฯ ในวันที่ 13 ก.ค.นี้อย่างไรหรือไม่และถ้า ศาลรัฐธรรมนูญ ไม่ได้วินิจฉัยในประเด็นที่เกี่ยวกับการโหวตเลือกนายกฯของพิธา การประชุมเลือกนายกฯในวันที่ 13 ก.ค. จะเอาอย่างไร แต่อย่างน้อยก็จะเป็นเหตุผลให้ ส.ว. อ้างได้ว่า กรณีนี้ยังคลุมเครือยังไม่สมควรที่จะมีการโหวตเลือกนายกฯก่อนที่จะได้ข้อสรุปเช่นเดียวกันก็มีกระแสข่าวว่า ส.ส. จะรวบรวมรายชื่อส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญมีการวินิจฉัยเรื่องคุณสมบัติ การดำรงตำแหน่ง ส.ส. ของพิธา อีกกระทอก ตามมาตรา 82 แห่งรัฐธรรมนูญภาระจะไปตกกับประธานรัฐสภา วันมูหะมัดนอร์ มะทา จะแก้ไขสถานการณ์นี้อย่างไร จะรอจนกว่าศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัย ก็ไม่รู้จะได้ข้อยุติเมื่อไหร่ ครั้นจะให้ เพื่อไทย ในฐานะพรรคอันดับสอง เสนอชื่อ แคนดิเดตนายกฯ มาเสียบทันที ก็ดูไม่เหมาะสม เพราะสมมติศาลรัฐธรรมนูญว่า พิธา ไม่ผิด ก็จะต้องมาทวงสิทธิ การเป็นพรรคอันดับ 1 เพื่อโหวตให้เป็นนายกฯ อีกรอบ พรรคร่วมรัฐบาล 8 พรรค ก็ต้องไปตกลงกันใหม่อีกทีว่าจะจับมือกันต่อไปหรือจะต่างคนต่างไปยังไม่รวมเรื่องอื่นๆ ที่ร้องอยู่ใน ป.ป.ช. กกต.และศาล ยุติธรรมการเมืองก็จะยุ่งเป็นฝอยขัดหม้อ โดยเฉพาะถ้ามองข้ามช็อตไปจนถึงการวินิจฉัยว่า พิธา ต้องห้ามการลงสมัคร ส.ส. ตามมาตรา 151 ประกอบ 42 (3) ถือหุ้นจนถึงปี 2566 การลงสมัคร ส.ส.ของพิธา ทั้งเมื่อปี 2562 และ 2566 เป็นความผิดต่อเนื่อง การรับรองผู้สมัครของพรรคในการลงสมัคร ส.ส. ก็จะขาดคุณสมบัติไปด้วยทำให้คะแนน บัญชีรายชื่อ 14 ล้านเสียง หายไป ส.ส.บัญชีรายชื่อหายไป 39 คน ส.ส.เขต 112 เขตต้องไปเลือกตั้งกันใหม่อีก คะแนน ส.ส.บัญชีรายชื่อก็ต้องมาคำนวณสัดส่วน กันใหม่ จากฐานคะแนน 3 แสนกว่าคะแนนก็จะเหลือ 2 แสนกว่าคะแนนส่งผลการตั้งรัฐบาลผสม จากเสียงข้างมากก็อาจจะกลายเป็นเสียงข้างน้อยได้ รัฐธรรมนูญปี 60 ผูกเอาไว้แบบนี้ แต่ไม่มีเขียนวิธีแก้เอาไว้ด้วย การเมืองบานตะไทแน่นอน.หมัดเหล็กmudlek@thairath.co.th