พรรคประชาธิปัตย์ เป็นพรรคการเมืองที่เก่าแก่ มีอายุมากกว่า 77 ปี ผ่านสถานการณ์การเมืองมาทุกรูปแบบ จุดยืนหลักการของประชาธิปัตย์คือ แกนนำฝั่งประชาธิปไตย มีบุคลากรที่มีความ เป็นประชาธิปไตย ต่อต้านกับเผด็จการ มาโดยตลอดจนกระทั่งวันหนึ่ง เมื่อสถานการณ์บ้านเมืองเปลี่ยนไป บุคลากร ของ ประชาธิปัตย์ เปลี่ยนไป ถูกการเมืองเข้าครอบงำ การชิงอำนาจ ทางการเมืองเข้มข้นขึ้น คนสำคัญของประชาธิปัตย์ในยุคหนึ่งต้อง เข้าไปเกี่ยวข้องกับ วิกฤติการเมือง ฟางเส้นสุดท้ายคือ แกนนำบางคน เป็นแกนนำในการขับไล่รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง และ สนับสนุนรัฐบาลที่มาจากการยึดอำนาจ ขัดต่อหลักการที่บรรพบุรุษแสดงเจตนารมณ์มาในอดีตประชาธิปัตย์วันนี้กลับถูกผลักให้ไปอยู่กับฝั่งอนุรักษนิยมเรียบร้อยไม่ว่าประชาธิปัตย์จะพยายามฟื้นฟูพรรคอย่างไร ไม่ว่าจะมี ตัวแทนของคนที่ต่อสู้กับเผด็จการในอดีตยังนั่งเป็นสมาชิกพรรคอยู่ อาทิ ชวน หลีกภัย, บัญญัติ บรรทัดฐาน หรืออีกหลายคนที่เคยต่อสู้กับ เผด็จการ มาอย่างแสนสาหัส แต่การตัดสินใจที่ผิดพลาดแค่ ครั้งเดียว ทำให้การฟื้นฟูพรรคยากยิ่งกว่าเข็นครกขึ้นภูเขาสิ่งที่ปรากฏในประชาธิปัตย์ในปัจจุบัน คือ การขาดแคลนบุคลากร ที่สำคัญ เมื่อเทียบกับในอดีต การเฟ้นหาตัวผู้นำพรรคแต่ละครั้ง ยากกว่า งมเข็มในมหาสมุทร โดยเฉพาะการยอมรับจากบุคคลภายนอกจากพรรคอันดับหนึ่ง พรรคที่มีบุคลากรได้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มากที่สุด เป็นรัฐบาลติดต่อกันหลายสมัย ในช่วงที่การเมืองอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ การแสดงจุดยืนของพรรคและการแสดงบทบาทที่ชัดเจนของผู้นำพรรค จะเป็นการแสดงถึงทิศทางของพรรคประชาธิปไตยจะกลับมา ยิ่งใหญ่เช่นอดีตได้หรือไม่การเลือกตั้งเมื่อปี 2562 อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นหัวหน้าพรรค สู้ศึกเลือกตั้งกับอนาคตใหม่ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เกิดข้อเปรียบเทียบระหว่างประชาธิปไตยเก่ากับประชาธิปไตยใหม่ สุดท้ายประชาธิปัตย์ก็แพ้ในสนามเลือกตั้ง อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ต้องลาออกจากหัวหน้า พรรค แต่ก่อนที่ อภิสิทธิ์ จะวางมือชั่วคราวได้แสดงจุดยืนเอาไว้ว่าจะ ไม่สนับสนุนพรรคเผด็จการคือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯแต่เผอิญอยู่ในช่วงระยะเวลาสั้นๆ ก็ไม่ต่างจากที่เพื่อไทย ประกาศไม่จับมือกับพรรคลุงในช่วงโค้งสุดท้ายของการเลือกตั้งผลออกมาจึงไม่มีน้ำหนักเท่ากับการแสดงความชัดเจนมาตั้งแต่ต้น เช่นเดียวกับก้าวไกลการเลือกตั้งปี 2566 ฉายหนังซ้ำอีกรอบ จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ต้องประสบชะตากรรมเดียวกับ อภิสิทธิ์ เป็นการพิสูจน์อีกครั้งว่า การแสดงจุดยืนในการเข้าร่วมรัฐบาลเมื่อปี 2562 คือความผิดพลาดครั้งที่สองของประชาธิปัตย์ และพิสูจน์ว่า การตัดสินใจของ อภิสิทธิ์ ในปี 2562 เป็นเรื่องที่ถูกต้องแต่เมื่อเหตุการณ์ล่วงเลยมาจนถึงขนาดนี้แล้ว คงไม่มีโอกาสที่จะไปฟื้นฝอยหาตะเข็บ ประชาธิปัตย์ก็ต้องเดินไปตามเส้นทางของอนาคตจะผิดจะถูก Show must go on เอาใจช่วยหัวหน้าพรรค คนใหม่ไม่ให้ตกหลุมตกร่อง.หมัดเหล็กmudlek@thairath.co.th