เงินภาษีประชาชนเริ่มนับหนึ่ง จ่ายเงินเดือนให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 500 คน กระบวนการฟอร์มอำนาจเดินหน้าตามไทม์ไลน์ที่ล็อกไว้ในกติการัฐธรรมนูญ ยังไม่มีสะดุดล่าสุดอำนาจนิติบัญญัติครบองค์ ภายหลังที่ประชุมสภาฯนัดแรกลงมติโหวตเลือกนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชาติ เป็นประธานสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 26“คนใหม่” แต่ “หน้าเก่า”มติเอกฉันท์ทุกขั้วทุกฝ่าย มอบหมายให้อดีตประธานสภาผู้แทนราษฎร เชนคัมแบ็กกลับมาทำหน้าที่เบอร์หนึ่งสภาอีกสมัย โดยไร้คู่แข่งประกบ ไม่มีใครกังขา ในมาตรฐานตามฟอร์มนักการเมืองรุ่นเก๋าลายคราม สะสมชั่วโมงบิน มาจนเต็มเพดานตรงสเปกตามเงื่อนไขสถานการณ์ ลงล็อกพอดิบพอดีโดยอัตโนมัติ “วันนอร์” เหมาะสมด้วยประการทั้งปวงแต่อย่างไรก็ตาม ภายใต้ความเหมาะสมมันก็แฝงอยู่ในเหลี่ยมเกมอำนาจ ตามปรากฏการณ์ยื้อยุดฉุดกระชากระหว่างพรรคก้าวไกลกับพรรคเพื่อไทยแย่งกันเคลมเก้าอี้ประธานสภาฯ คุมเกมฝ่ายนิติบัญญัติฟัดกันทำท่าจะวงแตก ทีมเด็กรุ่นใหม่ก็ดึงดันต้องยึดให้ได้ ในขณะที่ทีมผู้ใหญ่เล่นเหลี่ยมเขี้ยว พลิกกลับไป กลับมา เดี๋ยวยอม เดี๋ยวไม่ยอมทั้งกล่อม ทั้งขู่ แล้วก็เหมือนแย่ง “ของเล่น” โยนให้คนกลางแต่ตามสถานะทางการเมืองที่ไม่อาจปฏิเสธความเชื่อมโยงได้ นายวันนอร์ ค่ายประชาชาติ ก็เป็นผลพวงจากยุทธศาสตร์ “แตกแบงก์พัน” ของพรรคเพื่อไทยการรับสัญญาณจากแดนไกลน่าจะชัดเจนกว่าทีมก้าวไกลประธานสภาฯโควตาคนกลางค่อนไปทางเพื่อไทยในสายตาเซียนการเมืองทั่วไปฟันธง เดินหมากตาแรก ทีมเด็กหลงเหลี่ยม “ค่ายกล” ทีมนายห้างดูไบ ภายใต้เกมยุทธ์ค่อยๆ “กินทีละคำ”ถลำเข้าร่องเขี้ยว เสี่ยงโดนกินรวบทั้งกระดาน แม้ในอารมณ์พระเอกโลกสวยในทุ่งลาเวนเดอร์ แบบที่ “หนุ่มทิม” นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคก้าวไกล โชว์เกมยุทธ์ตามตำรา “ฮาร์วาร์ด”ผู้นำรุ่นใหม่ต้องรู้จักรุกให้ได้ ถอยให้เป็นยอมปล่อยโควตาประธานสภาฯให้นายวันนอร์ เพื่อเดินหน้าสานต่อ “รัฐบาลแห่งความฝัน”ล็อกคอ 8 พรรคเสียงข้างมาก 312 เสียง แถลง “เอ็มโอยู ภาค 2” โพนทะนาสัญญาประชาคม ดักคอดักทางพรรคเพื่อไทย ต้องร่วมจัดตั้งรัฐบาลจนสุดปลายทางช่วยกันหามแห่ “พิธา” จนถึงเก้าอี้นายกรัฐมนตรีให้สำเร็จให้ได้ต้องเสี่ยงโค้งอันตราย พร้อมลงเหวด้วยกัน ห้ามโดดหนี ห้ามเบี้ยว เลี้ยวหลบไปเส้นทางอื่นเหลี่ยมเขี้ยว “ฟันน้ำนม” ในเกมต่อรอง มัน “ตื้นเขิน” มากหากเทียบโอกาสลุ้นเดิมพันชิงพลิกขั้วอำนาจประเทศไทย กลายเป็นแค่เด็กเล่นยื่นหมู ยื่นแมว เอาเก้าอี้ประธานสภาฯแลกกับเก้าอี้นายกฯหวังเอา “กุ้งมังกร” ตก “ปลาฉลามวาฬ”ไม่ใช่แค่คนนอกจะมองว่า ทีม “พิธา” พลาดตกหลุมพรางแม้แต่คนในขบวนการเดียวกัน ยังแสดงความหงุดหงิดออกอาการอารมณ์แบบที่นายอานนท์ นำภา แกนนำม็อบราษฎร โพสต์เฟซบุ๊ก กระตุกกันแรงๆเป็นนัย เหตุผลที่คนยังเชียร์พรรคก้าวไกลอยู่ เพราะเชื่อว่าพรรคจะเข้าไปเปลี่ยนแปลงโครงสร้างอำนาจประเทศไทย โดยเฉพาะการเสนอกฎหมายที่มีความแหลมคมต่อยุคสมัย“ถ้าพรรคหันหลังให้กับสิ่งที่ให้คำมั่นไว้ก่อนเลือกตั้ง ลดเพดานเพียงเพื่อให้ได้เป็นนายกฯ ผมเชื่อว่าทุกคนจะหันหลังให้ แต่ถ้าพรรคก้าวไกลยังยืนหลัง ตรง คนนอกสภาฯก็ถึงไหนถึงกัน”แปลตามรหัสสัญญาณ แนวร่วมกองทัพส้มยื่นคำขาดถึงแม่ทัพอย่าง “พิธา”ตีธงให้เดินหน้ารื้อมาตรา 112 ไม่เช่นนั้นจะแห่ถอนสมอไม่พอใจกับเกมยุทธ์ถอยเพื่อรุก แลกกับความฝันลมๆแล้งๆอาการเดียวกับ “ทีมโปลิตบูโร” ที่หงุดหงิดกับการที่ “พิธา” หงอให้พรรคเพื่อไทย เพื่อลุ้นเก้าอี้นายกฯ แบบที่“เดอะป๊อก” นายปิยบุตร แสงกนกกุล แกนนำคณะก้าวหน้า ส่งซิกตีธงให้รุกทะลุซอย พรรคก้าวไกล ต้องยึดเก้าอี้ประธานสภาฯให้ได้ เพื่อภารกิจในการชงกฎหมายตามธงที่หาเสียงไว้ไม่แฮปปี้กับ “พ่อส้ม” ไปเล่นเกมดีลอำนาจ หวังแค่ไขว่คว้าดาวเก้าอี้นายกฯจังหวะตกที่นั่งลำบาก แค่เดินหมากตาแรกก็เพลี่ยงพล้ำ โดนพวกเดียวกันเองกระตุกขาแรงๆทำให้หัวหน้าค่ายก้าวไกลต้องยืนยันดังๆว่า ยังชูธงเดินหน้ารื้อมาตรา 112“พิธา” ต้องเสียทรง โดนแนวร่วมเขม่น เพียงเพื่อแลกกับความฝันลมๆแล้งๆท่ามกลางแรงเสียดทาน พลังต้านของขั้วตรงข้ามยังเต็มเพดานไม่มีข้อมูลใหม่ สัญญาณลมฟ้าอากาศยังไม่เปลี่ยนอรหันต์ทองคำ “250 ส.ว.ลากตั้ง” ยังตั้งด่านสกัดเด็กห้าวก้าวล่วง “โซนอันตราย” ไม่เปิดทางให้พรรคก้าวไกลเดินหน้ารื้อประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 นับไปนับกลับ แคะยังไงก็ไม่ถึง 10 เสียง ในส่วนของ ส.ส.ที่ว่าเอาเหยื่อล่อ แลกผลประโยชน์แบะท่าให้เสียบกันง่ายๆ โฟกัส “อะไหล่เซียงกง” อย่างค่ายเซราะกราว ภูมิใจไทย และพรรคชาติไทยพัฒนา ก็ยังไม่มีทีท่าลดธงแต่อย่างใด จากที่ประกาศชัดไม่ร่วมรัฐบาลกับพรรคที่แก้ไขมาตรา 112และก็ไม่ต้องพูดถึงค่ายพลังประชารัฐ ของ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ กับพรรครวมไทยสร้างชาติ ของ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหมอารมณ์ “มีเรา ไม่มีลุง” ตัดไปเลยเรื่องผสมพันธุ์กับทีมก้าวไกลตามเงื่อนไขสถานการณ์ “สมการติดล็อก” ด้วยฟอร์มที่กองทัพส้ม “บล็อก” ตัวเองย้ายข้าง สลับขั้วไม่ได้ ทำให้การแก้สมการเติมแต้ม 312 เสียงที่ตุนไว้ 8 พรรค หักลบกับเสียงโหวตนายกฯ ในที่ประชุมร่วมรัฐสภา ต้องได้เกินกึ่งหนึ่งคือ 376 เสียงขาดอีก 64 คะแนน เป็นอะไรที่โคตรยาก โจทย์เกินมือของเด็กมือใหม่หัดตั้งรัฐบาลในจังหวะที่กระชั้น เข้ามา ตามสัญญาณจาก “ประธานวันนอร์” เคาะปฏิทิน นัดประชุมร่วมรัฐสภา เพื่อโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ในวันที่ 13 กรกฎาคมนี้ตามรัฐธรรมนูญ สภาต้องรีบเลือกผู้นำไปบริหารประเทศและก็เป็นนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาฯ โควตาพรรคเพื่อไทย ส่งซิกเลยว่า ในการเลือกนายกรัฐมนตรี วันที่ 13 กรกฎาคม ถ้ายังไม่ได้นายกฯ จะเลือกรอบสองวันที่ 19 กรกฎาคม และรอบสามวันที่ 20 กรกฎาคม น่าจะเพียงพอได้นายกรัฐมนตรีแล้วเปิดโอกาสให้ 3 ครั้งก่อน เพราะการเรียกประชุมบ่อยๆให้สมาชิก 750 คนมาประชุมค่อนข้างลำบากอ่านหมากตามสถานการณ์ เก้าอี้ประธานสภาฯไม่ได้อยู่ในมือของพรรคก้าวไกล โอกาสในเกมยื้อโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีไปเรื่อยๆจน “250 ส.ว.ลากตั้ง” หมดวาระ เป็นเรื่องยากขณะที่โอกาส “พิธา” จะวืดรอบแรก เป็นไปได้สูง ประธานสภาฯจึงต้องล็อกคิวล่วงหน้า เผื่อโหวตรอบสอง รอบสาม และตามเงื่อนไขความชอบธรรมของผู้นำพรรคอันดับหนึ่งก็จะลดลงเรื่อยๆเรื่องของเรื่อง ไม่ใช่แค่เก้าอี้นายกรัฐมนตรีเท่านั้น ในมุมของ “สมการติดล็อก” ถ้ามีพรรคก้าวไกลอยู่ในเสียงข้างมาก 8 พรรคเดิม แทบไม่มีทางจะเดินหน้าจัดตั้งรัฐบาลได้เกมโหดการเมืองแบบไทยๆ ผู้ใหญ่เขี้ยวตันรุมต้อนทีมเด็กห้าวไปเฮี้ยวเป็นฝ่ายค้านเกมถอยเพื่อรุก ส่อโดนกินรวบหมดกระดานเลย.“ทีมการเมือง”