ใกล้รู้ดำเห็นแดง ปิดจ๊อบโหวตประธานสภาฯ สัปดาห์ต่อไปรอโหวตนายกรัฐมนตรี วันที่ 13 ก.ค.2566ช็อตเดิมพันอำนาจของจริงที่หักเหลี่ยมเฉือนคม ดุเดือดยิ่งกว่าการโหวตประธานสภาฯเส้นทางชนะเลือกตั้งที่ว่าหิน หรือเกมเลือกประธานสภาฯที่หืดจับทุลักทุเล แต่การโหวตนายกฯยิ่งสาหัสทวีคูณกว่าอีกหลายเท่าตัวด่านสำคัญที่จะชี้ชะตาชื่อ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล จะได้เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 หรือไม่แม้จะเห็นสัญญาณอุ่นใจ ตอนลงมติเลือกประมุขนิติบัญญัติที่เสียงฝ่าย 8 พรรคร่วมรัฐบาล ได้คะแนนเต็มเป๊ะ 312 เสียง ไม่มีแตกแถว หนำซ้ำกลายเป็นซีกคู่แข่ง ฝั่งอนุรักษ์นิยมที่แกว่งเอง แต้ม นายวิทยา แก้วภราดัย ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ หายไป 80 กว่าคะแนน ไม่ได้ 188 เสียงเต็มจำนวน ส.ส.ฝ่ายตัวเอง ตอนชิงเก้าอี้ประธานสภาฯคนที่ 1 แพ้หลุดลุ่ยให้ ปดิพัทธ์ สันติภาดา ส.ส.พิษณุโลก พรรคก้าวไกลแต่การโหวตประธานสภาฯกับนายกฯเป็นคนละบริบท เทียบเคียงกันไม่ได้หน้าฉากโหวตประธานสภาฯเป็นไฟต์บังคับซีกประชาธิปไตยต้องสามัคคีกันโดยปริยาย ไม่ให้การฟอร์มทีมตั้งรัฐบาล 8 พรรค ถูกล้มโต๊ะก่อนเวลาอันควร แค่เกมลดความหวาดระแวง “เพื่อไทย-ก้าวไกล” เพื่อผลประโยชน์ที่ลงตัวร่วมกันในเวลาใดเวลาหนึ่งเท่านั้นแต่สิ่งที่ต้องระวังคือ ความขัดแย้งระหว่าง 2 พรรคที่อาจปะทุแรงขึ้นเรื่อยๆหลังจากนี้โดยเฉพาะจุดหมิ่นเหม่แตกหัก หลังการโหวตนายกรัฐมนตรีที่แนวโน้มชัดเจนมากขึ้นชื่อ “พิธา” คงสิ้นสุดทางลาก จอดป้ายเพียงแค่นี้ติดบล็อกด่าน ส.ว.ไม่ไฟเขียวให้ผ่าน น้ำเสียงฝั่งสภาสูงสายที่เคยให้ความหวังเคลิบเคลิ้ม ยึดมติมหาชน อวดอ้างหลักประชาธิปไตยสวยหรู ทยอยกลับลำทิ้ง “พิธา” ไว้กลางทางจากที่เคยมีแนวร่วมเกือบ 30 คน เหลือแค่เสียงหนุนต่ำสิบ หดหายลงเรื่อยๆ จะโหวตอีกกี่รอบก็หมดโอกาสล้ำเส้นผ่าน 376 เสียงยื้อเต็มที่คงได้ลุ้นโหวตชื่อ “พิธา” ในรัฐสภาไม่เกิน 3 ครั้ง ตามการส่งซิกของ นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาฯคนที่ 2 แล้วส่งไม้ต่อให้พรรคเพื่อไทยเป็นหัวขบวนตั้งรัฐบาลแทน เผลอๆอาจสู้ได้แค่รอบเดียว ตามเค้าลางที่ ส.ว.บางพวกพยายามหาช่องทางปิดสวิตช์ไม่ให้กัปตันด้อมส้มมีชื่อโหวตชิงนายกฯรอบสอง เทียบเคียงข้างๆคูๆกับการลงมติเลือกองค์กรอิสระ หากชื่อใครไม่ผ่านความเห็นชอบในครั้งแรก ก็หมดสิทธิเสนอชื่อในครั้งถัดไปทั้งมือที่มองเห็นและมองไม่เห็น รุมกินโต๊ะค่ายสีส้มตั้งแต่ต้นทางยันปลายทาง โอกาสสร้างปาฏิหาริย์ตั้งรัฐบาลสำเร็จยังริบหรี่เปิดโอกาสเพื่อไทยรอผงาด แตะมือกำหนดเกมอำนาจในไม้สอง แต่คำตอบปลายทางมีแนวโน้มไม่ต่างจากตอนพรรคก้าวไกลเป็นหัวขบวน หากพรรคอันดับ 1 และ 2 ยังกอดคอล่มหัวจมท้ายกันอยู่ไม่แคล้วเข้าอีหรอบเดิม มี ส.ว. ไม่มีก้าวไกล แม้จะพอมีเสียงเพิ่มมาบ้าง แต่เขย่งยังไงก็ไม่ข้ามเส้น 376 เสียงปิดจ๊อบตั้งนายกฯ ตั้งรัฐบาลไม่สำเร็จสักที บังคับให้ต้องแก้สมการใหม่ อาจต้องนำเสียงจากพรรคร่วมรัฐบาลเดิมมาเติม เพราะหวังยืมมือ ส.ว.เพียงลำพัง คงได้ไม่พอแน่รูปการณ์เข้าเค้าเสี่ยงวงแตก สลายขั้ว 8 พรรคร่วมรัฐบาล หากมี “ภูมิใจไทย–พลังประชารัฐ-รวมไทยสร้างชาติ” เกาะขบวน ก้าวไกลก็ชิ่งถอนตัว ไปเป็นฝ่ายค้านแน่จังหวะลุ้นเปลี่ยนขั้ว ย้ายข้างมั่วอุตลุด ต้องเปิดเกมเจรจาต่อรองกระดานอำนาจกันใหม่ ฝ่าย “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ก็วางหมากตรึงกำลัง เตรียมพร้อมร่วมกำหนดสมการเมืองใหม่ เปลี่ยนจากเสือหมอบเป็นเสือติดปีกหากสถานการณ์เอื้ออำนวยการเมืองไทยพลิกคว่ำพลิกหงายฝุ่นตลบ ยังไม่รู้บทสรุปตอนเกมจบ ฝ่ายใดคือ ผู้ครองอำนาจตัวจริง“ก้าวไกล–เพื่อไทย” สู้กันเหนื่อยแทบตาย แต่บั้นปลายอาจมีตาอยู่โฉบพุงปลาไปกินตามความพิสดารล้ำลึกของค่ายกลการเมืองแบบไทยๆ 1+1 ไม่จำเป็นต้องเท่ากับ 2สัจธรรมความโหดร้ายของการเมืองไทย ผู้ชนะเลือกตั้งอาจกระเด็นเป็นฝ่ายค้าน วืดจัดตั้งรัฐบาล ความชอบธรรมกับโลกแห่งความจริงมักสวนทางกันโฉมหน้าผู้นำคนใหม่ยังขมุกขมัว ต้องตามลุ้นกันเหนื่อย ไม่รู้จะเปลี่ยนใหม่หรือไปต่อ!!!ทีมข่าวการเมือง