ข่าว “เขย่าขวด” สุดสัปดาห์นี้รอยเชื่อมต่อทางประวัติศาสตร์ของสังคมประเทศไทยกำลังเดินมาถึงจุดที่ไม่สามารถหยุดนิ่งไว้ได้คลื่นลูกใหม่กำลังถาโถมขับไล่คลื่นลูกเก่า แม้จะไม่มหึมาพาคลื่นอย่าง “สึนามิ” แต่ก็แทรกซึมซอกซอนไปทั้งองคาพยพนี่คือความจริงที่กำลังเกิดขึ้นการเลือกตั้งเมื่อปี 2562 เกิดปรากฏการณ์ขึ้นมาเมื่อ “อนาคตใหม่” ได้รับการเลือกตั้งเข้ามาอย่างเกินคาดหมายแม้จะประเมินด้วยสายตาดูแคลนว่า เพราะกติกาเอื้อ แต่หารู้ไม่ว่ามันคือสัญญาณที่บ่งบอกว่าความเปลี่ยนแปลงคืบคลานเข้ามาแล้วปี 2566 ชนะการเลือกตั้ง 151 เสียงครองอันดับ 1 ในนาม “ก้าวไกล”“เพื่อไทย” ภายใต้ชื่อต่างๆ ที่ไม่เคยหลุดอันดับ 1 มา 26 ปี มีอันต้องจบสถิติก่อนการเลือกตั้ง ปี 2566 นักการเมืองรุ่นเก่าไม่ฟังเสียงเตือนให้ระวัง “คนรุ่นใหม่” จะมาแรงแซงเข้าป้ายสุดท้ายก็เจอเข้าจริงๆ“ประชาธิปัตย์” พรรคเก่าแก่ระดับสถาบันการเมืองของประเทศไทยยังติดหล่มตัวเองแล้วฉาบด้วยของปลอมๆอย่างเอาคนรุ่นใหม่เข้ามาเสริมในพรรคเพื่อให้รับรู้กันว่าเปลี่ยนแล้วนะ ...ซึ่งมันไม่ใช่ เพราะที่จะเปลี่ยนนั้นคือความคิด ความทันสมัย รู้เท่าทันความจริงขายแค่ไม่โกง ไม่กิน ไม่สิ้นชาติ มันไม่พอแล้ว“เพื่อไทย” วันนี้ถูกตั้งสมญาว่า “อนุรักษนิยมใหม่” ก็คงไม่ผิด เพราะความจริงมันเป็นเช่นนั้น เริ่มเติบโตมาจากการขาย “นโยบาย” จนทำให้คนไทยติดกันงอมแงม“ทักษิณ” ไม่ต่างไปจาก “พระเจ้า”สืบทอดอำนาจกันมาในวงศาคณาญาติ จนมาถึงลูกสาวคนเล็ก “อุ๊งอิ๊ง” ที่หวังจะให้รักษามรดกตกทอดต่อไปทำท่าจะสำเร็จแต่ในมิติการเมืองใหม่ที่ต้องการเปลี่ยนแปลงรูปแบบเก่าๆ เดิมๆ ไปสู่ความใหม่ที่โปร่งใสอย่างถึงลูกถึงคนภาพเก่าเรื่องทุจริตจึงมิอาจลบไปจากความทรงจำได้พรรคการเมืองอื่นๆ ที่ลงสนามเลือกตั้งคราวนี้ แม้จะยังมีที่ยืนแต่ก็มีพื้นที่ไม่มากนัก จึงได้ ส.ส.กันพรรคละไม่กี่คนถ้าไม่เริ่มปรับความคิดใหม่ตั้งแต่วันนี้...ไปเอาดีทางอื่นได้เลย!ในสภาพที่เป็นจริงทางการเมือง แม้จะอยู่ในช่วงที่ตั้งคำถามกันว่า “รอดไม่รอด” ของ “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจาก “ก้าวไกล”ซึ่งจะต้องฝ่าด่าน “376 เสียง” จากที่ประชุมรัฐสภาก็ตามแต่ก็เป็นเพียงภาพสะท้อนทางการเมืองที่แจ่มชัดว่าเป็นการสู้กันระหว่าง “เก่า” - “ใหม่” ด้วยวิถีแห่งการเปลี่ยน แปลงเป็นเพียงฉากทัศน์หนึ่งเท่านั้น...เช่นกัน ในความใหม่ก็ต้องเรียนรู้จากสิ่งเก่า เพื่อความคงทนในก้าวเดินต่อไป เพราะเห็นมามากแล้วว่าเก่า-ใหม่ต้องเดินเคียงคู่กันไปตัดแยกกันไม่ได้เด็ดขาด เพราะต้องอยู่ร่วมกันในสังคมเดียวกัน ไม่สามารถจะแยกโดดๆได้ เพราะนี่คือประเทศไทยยังจำได้ที่ “พิธา” เตือนคนในพรรคว่า “อย่ากร่าง”นั่นแหละคือคำตอบอย่างหนึ่งที่นำไปปรับใช้กับกระบวนทัศน์อื่นๆได้เพราะนี่เป็นเพียงแค่ก้าวแรกเท่านั้น...!“ลิขิต จงสกุล”