“พิธา” อารมณ์ดีจบทัวร์เหนือ ฮัมเพลง “รางวัลแด่คนช่างฝัน” “วิโรจน์” ชี้เป้าไอทีวี ร่อนหนังสือแจงผู้ถือหุ้น ส่งสัญญาณตัดตอน เหล่าลูกสมุน เซฟตัวนายผู้บงการ ได้ทีโวกระชากหน้ากากไอ้โม่งแก๊งเตะตัดขา ฉะขบวนการคนถ่อยหมดมุก จัดตั้งรัฐบาลฉลุยด่าน ส.ว.ผ่านแล้ว ก้าวไกลเอาแน่พลิกโฉมดีอีเอสทำภาครัฐโปร่งใส “เศรษฐา” ชี้จะแก้ปัญหาเป็นรูปธรรม ต้องได้คุมคมนาคม รีแบรนด์เพื่อไทยทำไปเรื่อยๆ “ผู้กองนัส” ย้ำคำ “ลุงป้อม” กบดานนิ่งๆ “อิทธิพร” โอ่รับรองผล ส.ส.ได้เร็วกว่าปี 62 อ้างไต่สวนหุ้นไอทีวีจะเร่งรีบไม่ได้ ไม่มีเชือดก่อนโหวตนายกฯ ป.ป.ช.เปิดกรุ “ชวน” มี 13 ล. “ไพบูลย์” นายทุนปล่อยกู้ ขีดเส้นตาย “พิธา” ต้องยื่นบัญชีภายใน 18 มิ.ย. ศาลปกครองสูงสุดกระทุ้ง ป.ป.ช.เปิดข้อมูล “นาฬิกาเพื่อน”ตามที่บริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) ออกหนังสือชี้แจงผู้ถือหุ้น ปมการบันทึกรายงานการประชุมไม่ตรงกับคลิปวิดีโอขณะประชุม ทำให้นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ว่าที่ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล มองว่าเป็นการส่งสัญญาณตัดตอนลอยแพเหล่าลูกสมุนแล้ว เพื่อเซฟตัวนายผู้บงการเบื้องหลัง “ทิม” ฮัมเพลง “แด่คนช่างฝัน”เมื่อวันที่ 16 มิ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงกลางดึกของคืนวันที่ 15 มิ.ย.ที่ผ่านมา นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคและแคนดิเดตนายก รัฐมนตรี พรรคก้าวไกล โพสต์เฟซบุ๊กถึงการเดินสายขอบคุณพี่น้องประชาชนชาวเหนือที่ จ.ลำปาง, ลำพูน และเชียงใหม่ แต่กลายเป็นได้รับส่งพลังใจกลับมาอย่างไม่น่าเชื่อ เสร็จงานแล้วยังนึกถึงแต่เพลงรางวัลแด่คนช่างฝัน ของอ้ายจรัล มโนเพ็ชร ตลอดเลย จับมือเดินเคียงข้างไปต่อด้วยกันนะครับทุกคน “อย่ากลับคืนคำเมื่อเธอย้ำสัญญา อย่าเปลี่ยนวาจาเมื่อเวลาแปรเปลี่ยนไป ให้เธอหมายมั่นคงแล้วอย่าหลงไปเชื่อใคร เดินทางไปอย่าหวั่นไหวใครกางกั้น มีดวงตะวันส่องเป็นแสงสีทอง กระจ่างครรลองให้ใฝ่ปองและสร้างสรรค์ เมื่อดอกไม้แย้มบานให้คนหาญสู้ไม่หวั่น คือรางวัลแด่ความฝันอันยิ่งใหญ่ให้เธอ บนทางเดินที่มีขวากหนาม ถ้าเธอคร้ามถอยไปฉันคงเก้อ ฉันยังพร้อมช่วยเธอเสมอเพียงตัวเธอไม่หนีไปเสียก่อน จะปลอบดวงใจให้เธอหายร้าวราน จะเป็นสะพานให้เธอเดินไปแน่นอน จะเป็นสายน้ำเย็นดับกระหายยามโหยอ่อน คอยอวยพรให้เธอสมดังหวังได้นิรันดร์”“วิโรจน์” ชี้เป้าตัดตอนสมุนไอทีวีช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ว่าที่ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ทวีตข้อความถึงกรณีคณะกรรมการบริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) ออกเอกสารชี้แจงปมการบันทึกรายงานการประชุมไม่ตรงกับคลิปวิดีโอขณะประชุม รวมถึงแบบนำส่งงบการเงินที่ยื่นต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ไม่ตรงกับที่เผยแพร่ผ่านเว็บไซต์ว่า “นี่อาจเป็นการส่งสัญญาณตัดตอนลอยแพเหล่าลูกสมุน เพื่อเซฟผู้บงการ นับจากนี้ต่างคนต่างเอาตัวรอดกันเอง แต่อย่าให้เรื่องพันมาถึงนายก็แล้วกัน”โวกระชากหน้ากากแก๊งเตะตัดขาต่อมาช่วงสายวันที่ 16 มิ.ย.ที่พรรคก้าวไกล นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ให้สัมภาษณ์อีกครั้งถึงการจัดตั้งรัฐบาลว่า เมื่อกรณีหุ้นไอทีวีถูกกระชากหน้ากากออกมา ทำให้ประชาชนเชื่อว่าขบวนการไอ้โม่งมีอยู่จริง และถูกกระชากออกมาเกือบหมดแล้ว คนที่เป็นนายเริ่มถีบหัวส่งลูกสมุน ส่วนลูกสมุนแต่เดิมก็เสียงแข็ง แต่เท่าที่ติดตามการให้สัมภาษณ์ช่วงหลังๆของลูกสมุน พบว่าไม่ได้มาขู่ฝ่ายตรงข้ามหรือก้าวไกล แต่ขู่ผู้บงการและลูกสมุนด้วยกันเองมากกว่า ว่าอย่าทิ้งเขา ถ้าทิ้งก็จะมีหลักฐานล่อคืนเหมือนกัน ดังนั้น ถ้ายังมีขบวนการสกัดกั้นการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ คุณจะเจอการขุดคุ้ยโยงการตรวจสอบจากภาคประชาชนอย่างเข้มข้นแน่นอน เพราะตอนนี้ประชาชนมีสมมติฐานแล้ว ถ้ามีเหตุอะไรที่ยกขึ้นมาขัดขวางการจัดตั้งรัฐบาล หรือขัดขวางนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ไม่ให้เป็นนายกฯ ประชาชนจะมีสมมติฐานที่ไม่เชื่อโดยทันที จะช่วยกันขุดและโยงหาคนที่อยู่เบื้องหลัง เหมือนการตรวจสอบเอกสารรายงานงบการเงินของไอทีวีฉะขบวนการคนถ่อยหมดมุก“จากคลิปวิดีโอที่ออกมา ชัดเจนเลยว่ามีการวางแผนไว้ก่อน แต่ขบวนการคนถ่อยแบบนี้คงคิดว่าเขาฉลาด แต่ฉลาดในโลกยุคโบราณ ทุกอย่างใช้แต่เอกสารในการโยงกัน คนถ่อยเหล่านี้เก่งในเรื่องของการโยงเอกสารกับเอกสาร แต่คงลืมว่าโลกใบนี้เป็นโลกของดิจิทัลที่มีดิจิทัลฟุตปรินต์แล้ว ไม่สามารถกลับไปแก้ไขดิจิทัลฟุตปรินต์ที่เกิดขึ้นจากตัวคุณเองได้ นี่คือความโง่ ความเขลา และความไม่ทันโลก ความโง่เหล่านี้ประชาชนเขารู้ทันแล้ว หมดมุกหมดท่าไม้ตาย มันจบแล้วครับนาย รัฐบาลเดินหน้าได้ฉลุยแน่นอน” นายวิโรจน์กล่าวด่าน ส.ว.ผ่านแค่ปักชนักต่อรองนายวิโรจน์ยังกล่าวอีกว่า ส่วนกรณีที่ กกต.มีมติปัดตก 3 คำร้องถือหุ้นไอทีวีของนายพิธา ก่อนหน้านี้ ตั้งเรื่องไต่สวนตามมาตรา 151 แทนคิดว่าเรื่องนี้คือสัญญาณบวก เพราะการสู้ในเรื่องมาตรา 151 คือการรู้อยู่ก่อนว่าไม่มีคุณสมบัติแล้วมาสมัคร ในเมื่อศาลยังไม่ตัดสินจะไปกล่าวหาว่าเขารู้อยู่ก่อนได้อย่างไร เพราะเขาเชื่อโดยสุจริตว่าเขามีคุณสมบัติ คนที่กล่าวหาต้องมาพิสูจน์ เผลอๆคนที่แจ้งมาตรา 151 มั่วๆอาจโดนแจ้งความเท็จแจ้งข้อมูลเท็จ กลั่นแกล้งให้บุคคลอื่นต้องโทษคดีอาญาก็ได้ หากกล้าก็แจ้งเลย การสู้ในศาลยุติธรรมมี 3 ศาล แต่เอามาตรา 151 มาเป็นชนักปักหลังแล้วไปซื้อเวลาเอา เผื่อดินฟ้าอากาศเปลี่ยน อาจสั่งให้มีอภินิหารในการเดินคดีได้ เอาชนักปักหลังแล้วไปต่อรองเอา มองอีกมุมถ้าเกิดใช้กลไก ส.ว.ได้ วิชามารเหล่านี้ไม่เกิดหรอก แสดงว่าด่าน ส.ว.ผ่านแล้ว เชื่อว่าตอนนี้ ส.ว.มีวิจารณญาณและเคารพเสียงประชาชนมาก ขบวนการคนถ่อยคงรู้ว่าบงการ ส.ว.ไม่ได้แล้ว เลยต้องใช้เส้นสนกลในอื่นแทน แต่พอถูกกระชากหน้ากากเรื่องไอทีวี ชนักที่ปักหลังนายพิธาหลุดหมด วิ่งตัวปลิวแล้ว และชนักกลับไปปักพวกเขาแทน ให้ทุกข์แก่ท่านทุกข์นั้นถึงตัว เวรกรรมมีจริงวอนสังคมอย่าเพิ่งเบื่อร่วมขุดขณะที่ พ.ต.ต.ชวลิต เลาหอุดมพันธ์ อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล โพสต์เฟซบุ๊กถึงกรณีคณะกรรมการบริษัทไอทีวีฯ ออกเอกสารชี้แจงปมการบันทึกรายงานการประชุมไม่ตรงกับคลิปวิดีโอ ขณะประชุมว่า “ขอสังคมอย่าเพิ่งเบื่อกับประเด็นเอกสารบันทึกการประชุมประจำปีของไอทีวี และรายงานงบการเงิน (ส.บช.3) กันนะครับ เพราะด้วยการจับตา ด้วยความสนใจของประชาชนจำนวนมาก ถึงกดดันให้ไอทีวีทำหนังสือชี้แจงดังกล่าวออกมา คิดว่ามีแนวโน้มที่ดีขึ้น แต่ยังไม่พอ ความรับผิดชอบของไอทีวีและอินทัชต่อกรณีนี้ที่จะลดความไม่พอใจของประชาชน ผ่อนจากหนักให้เป็นเบาได้ ไม่ใช่แค่การไม่ปฏิเสธคลิปการประชุม แต่ควรยืนยันความถูกต้องของเนื้อหาในคลิปให้ชัดเจน ยอมรับความผิดพลาดในเอกสารบันทึกการประชุม และแบบนำส่งงบการเงิน และแก้ไขข้อความให้ถูกต้องทั้งหมด เพราะมันคือข้อความที่นักร้อง และนักให้ความเห็นบิดเบี้ยวเอามาอ้าง ควรแก้ไขให้ถูกต้อง”ก.ก.ชู 5 ภารกิจกระทรวงดีอีเอสด้านเพจเฟซบุ๊กพรรคก้าวไกลโพสต์ข้อความถึงบทบาทกระทรวงดิจิทัลฯว่า มองเห็นศักยภาพภารกิจในการวางรากฐานอนาคตประเทศอย่างน้อย 5 อย่างคือ 1.Single Digital ID ทำให้บัตรประชาชนของเราใบเดียว หรือเลข 13 หลัก เชื่อมต่อฐานข้อมูลกันระหว่างหน่วยงานรัฐทั้งหมด ขอรับบริการอะไรแค่ยื่นบัตรประชาชน หรือกรอกเลขบัตรประชาชนทางอินเตอร์เน็ตก็สามารถรับบริการได้ทันที 2. โครงสร้างพื้นฐานด้านข้อมูล ความฝันคือการสร้างฐานข้อมูลขนาดใหญ่ที่รวบรวมข้อมูลทุกอย่างของภาครัฐและภาคเอกชน จัดเก็บในระบบฐานข้อมูลเดียว และเปิดให้ทุกคนนำไปใช้ประโยชน์ต่อยอดทางเศรษฐกิจและสังคมได้ ภายใต้มาตรฐานความปลอดภัยและการรักษาสิทธิข้อมูลส่วนบุคคล 3.เปิดข้อมูลภาครัฐทั้งหมดให้เป็น “รัฐเปิดเผย” สิ่งที่เปิดได้ทันที อาทิข้อมูลการจัดซื้อจัดจ้าง เอกสารงบประมาณ และทุกเอกสารราชการ การประชุมของหน่วยงานรัฐต้องมีการไลฟ์สดเอาแน่ยุบศูนย์ต้านข่าวปลอม4.การรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ รมว.ดิจิทัลฯ คนใหม่ทำได้ทันที นั่งหัวโต๊ะเรียกคุยกับทุก social media platform ให้บังคับใช้ “การยืนยันตัวตนโดยใช้หลายปัจจัย” (Multi-Factor Authentication; MFA) ให้ทุกส่วนราชการที่เปิดช่องทาง social media ต้องลงทะเบียนอีกชั้น แก้ปัญหาการถูกแฮ็ก ส่วนระยะยาวจะทำให้ Cloud กลางภาครัฐเกิดขึ้นจริง ผลักดันกฎหมาย Data Protection Act เพื่อปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลที่มีมาตรฐานมากขึ้น และ 5.ยุบศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมเลิกบทบาทปิดกั้นสิทธิเสรีภาพทั้งหมด กระทรวงดิจิทัลฯภายใต้รัฐบาลพรรคก้าวไกลจะไม่ใช่กระทรวงที่มีหน้าที่บล็อกเว็บไซต์ แต่ต้องเอื้อต่อสังคมที่ทำให้เกิดสิทธิและเสรีภาพ หนึ่งใน 45 กฎหมายที่พรรคก้าวไกลเสนอคือ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ยกเลิกอำนาจรัฐปิดปากประชาชน“พิธา” ให้โชคด้อมส้มเลขท้าย 30ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากผลสลากกินแบ่งรัฐบาลงวดประจำวันที่ 16 มิ.ย. ออกเลขท้าย 2 ตัว 30ปรากฏว่าตรงกับสลากกินแบ่งรัฐบาลที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกฯพรรคก้าวไกล ที่ซื้อจากแผงแม่ค้ารายหนึ่ง ระหว่างเข้าสักการะอนุสาวรีย์พระนางจามเทวี ตอนลงพื้นที่ขอบคุณพี่น้องชาว จ.ลำพูน เมื่อวันที่ 14 มิ.ย. จำนวน 2 ใบ เลข 863630 ส่งผลให้นายพิธาถูกรางวัลเลขท้าย 2 ตัว โดยรางวัลเลขท้าย 2 รางวัล รางวัลละ 2,000 บาท รวมกันเป็นมูลค่า 4,000บาท และวันนั้นมีบรรดาแฟนคลับแห่ซื้อตามจำนวนมาก ทำให้ถูกตามกันหลายคน โดยเลข 30 ถือว่าตรงกับนายกฯคนใหม่ คนที่ 30 ด้วยก.พาณิชย์ยันไอทีวียังมีชีพอยู่นายทศพล ทังสุบุตร อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ตามที่ปรากฏข่าวเกี่ยวกับบริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) โดยเฉพาะประเด็นการนำส่งงบการเงินตามแบบ ส.บช.3 และรายละเอียดด้านอื่นๆ กรมพัฒนาธุรกิจการค้าได้รวบรวมประเด็นที่เป็นข้อสงสัยหลักของสาธารณชน ชี้แจง 3 ประเด็น ประกอบด้วย 1.การนำส่งงบการเงินตามแบบ ส.บช.3เป็นไปตาม พ.ร.บ.การบัญชีที่กำหนดผู้มีหน้าที่จัดทำบัญชี ตามมาตรา 8 ต้องจัดทำงบการเงินและยื่นงบการเงินดังกล่าวต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ซึ่งเป็นสำนักงานกลางบัญชี ตามระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด 2.ปัจจุบันมีสถานะ “ยังดำเนินกิจการอยู่” ไม่ได้มีกฎหมายกำหนดนิยามไว้ แต่เป็นการระบุเพื่อให้ทราบว่าเป็นนิติบุคคลที่ได้จดทะเบียนจัดตั้งตาม พ.ร.บ.บริษัทมหาชนจำกัด ยังไม่เปลี่ยนแปลงเป็นสถานะอื่นใด มีตัวตนอยู่ตามกฎหมาย แต่ไม่ได้หมายความว่านิติบุคคลนั้นทำกิจการหรือประกอบกิจการทางการค้าใดในความเป็นจริงอยู่หรือไม่ หากมีการประกอบกิจการในลักษณะใดจะแสดงข้อมูลผลการดำเนินการ และฐานะการเงินในงบการเงินนั้น ทั้งนี้หากเปรียบเทียบกับสถานะของบุคคล เปรียบเสมือนบุคคลที่เกิดและยังมีชีวิตอยู่ อาจทำงานหรือไม่ทำงานก็ได้ไม่มีหน้าที่สอบบันทึกไม่ตรงปกนายทศพลกล่าวอีกว่า 3.การนำส่งสำเนารายงานการประชุมผู้ถือหุ้นสามัญประจำปีของบริษัทมหาชนจำกัด มีวัตถุประสงค์เพื่อประกอบการยื่นแจ้งงบการเงินประจำปีของผู้มีหน้าที่จัดทำบัญชี และยื่นงบการเงินต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ตาม พ.ร.บ.การบัญชี จะทำให้ทราบว่างบการเงินฉบับดังกล่าว ได้ผ่านการพิจารณาอนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นแล้ว ตาม พ.ร.บ.บริษัทมหาชนจำกัด มาตรา 127 ที่ระบุว่า“บริษัทต้องจัดส่งรายงานประจำปี พร้อมกับสำเนางบดุลและบัญชีกำไรขาดทุน ที่ผู้สอบบัญชีได้ตรวจสอบและที่ประชุมผู้ถือหุ้นได้อนุมัติแล้ว และสำเนารายงานประชุมผู้ถือหุ้นเฉพาะที่เกี่ยวกับการอนุมัติงบดุล การจัดสรรกำไร และแบ่งเงินปันผล” กรมฯมีหน้าที่รับเอกสารตามที่นิติบุคคลยื่นมา หากพบว่ารายงานการประชุมในส่วนของวาระอื่นนอกเหนืออำนาจตาม พ.ร.บ.บริษัทมหาชนฯที่อาจก่อให้เกิดข้อโต้แย้งใดแก่ผู้ถือหุ้น และบุคคลซึ่งเกี่ยวข้องกับบริษัทนั้นๆ อาจพิจารณาเป็นการดำเนินการเป็นการภายในของบริษัทที่จะต้องตรวจสอบและชี้แจงต่อไป ขอให้สาธารณชนสบายใจได้ว่า การดำเนินการของกรมฯเป็นไปตามกรอบกฎหมายก.ก.–พท.เห็นตรงเก้าอี้ ปธ.สภาฯผู้สื่อข่าวรายงานว่า พรรคก้าวไกลมีการประชุมกรรมการบริหารพรรคประจำสัปดาห์ มีนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรค เป็นประธานการประชุมผ่านระบบออนไลน์ ที่ประชุมมีการหารือทั้งประเด็นสถานการณ์การเมือง และบทบาทการทำงานของ ส.ส.ในสภาฯ ส่วนประเด็นตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร เริ่มมีความเห็นตรงกันเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับพรรคเพื่อไทย และมีข้อยุติออกมาแล้ว ท่ามกลางความพอใจของทั้ง 2 ฝ่าย แต่ยังไม่ได้วางตัวบุคคล มีความเชื่อมั่นว่าทั้งตำแหน่งประธานสภาฯ และรองประธานสภาฯทั้ง 2 คนเป็นผู้ที่เหมาะสม ทุกฝ่ายยอมรับ ส่วนโควตาตำแหน่งรัฐมนตรี ที่ประชุมมองว่ายังมีเวลาทำงานร่วมกันในคณะกรรมการประสานงานเปลี่ยนผ่านรัฐบาล จึงยังไม่ได้เคาะชื่อบุคคลที่เหมาะสม แต่ก็มีการพูดถึงเรื่อง ส.ส.บัญชีรายชื่อ อย่างน้อย 10 คน อาจลาออกเพื่อไปดำรงตำแหน่งในฝ่ายบริหาร ทำให้ต้องมีการขยับอันดับ ส.ส.บัญชีรายชื่อขึ้นมาทดแทน นอกจากนี้ยังมีการเตรียมพร้อมสำหรับการเปิดประชุมสภาฯ โหวตเลือกประธานสภาฯ โหวตเลือกนายกฯ ให้ ส.ส.หน้าใหม่ของพรรคเรียนรู้ระบบงานในสภาฯ อย่างน้อย 3 วัน “ภูมิธรรม” เฮ กกต.จ่อประกาศ ส.ส.เมื่อเวลา 10.50 น. ที่พรรคเพื่อไทย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ส่อแขวนว่าที่ ส.ส.พรรคเพื่อไทยกว่า 20 คนว่า ขณะนี้ยังอยู่ในช่วงการพิจารณาของ กกต. จำนวนที่ถูกสอบเป็นเพียงกระแสข่าว แต่ยังไม่ทราบรายละเอียดของแต่ละกรณี ขณะนี้ให้ฝ่ายกฎหมายพรรคประสานแต่ละพื้นที่ ดูคำร้องเรียนเพื่อเตรียมการชี้แจง แต่ถึงอย่างไรต้องรอรายละเอียดที่ชัดเจนของ กกต. เมื่อถามถึงกระแสข่าว กกต.เตรียมประกาศรับรอง ส.ส.วันที่ 21 มิ.ย. ถือเป็นข่าวดีหรือไม่ นายภูมิธรรมตอบว่า ก็ดี ถ้า กกต.ประกาศได้รวดเร็วจะเป็นประโยชน์กับการฟอร์มรัฐบาล และการดำเนินการไปสู่การจัดตั้งรัฐบาล เพื่อไปแก้ปัญหาให้ประชาชน อย่างไรก็ตามระยะเวลาดังกล่าวยังอยู่ในกรอบการพิจารณาของ กกต.ยังรอคำตอบโควตา ปธ.สภาฯเมื่อถามถึงความชัดเจนตำแหน่งประธานสภาฯระหว่างพรรคเพื่อไทยกับพรรคก้าวไกล นายภูมิธรรมตอบว่า จากที่เคยคุยกันไว้จุดไหนก็ยังอยู่จุดนั้น เป็นเรื่องของพรรคแกนนำต้องประสานงานกัน การพูดคุยก่อนหน้านี้เราได้บอกวัตถุประสงค์และความคิดของแต่ละฝ่ายไปแล้ว ว่าคิดอย่างไร พรรคก้าวไกลรับไปพิจารณา ตอนนี้ยังไม่ตอบกลับมา เรายังรออยู่เพราะให้เกียรติพรรคแกนนำ สำหรับการประชุมแกนนำ 8 พรรคร่วมวันที่ 20 มิ.ย. ที่พรรคไทยสร้างไทยเป็นเจ้าภาพ จะมีการหยิบเรื่องนี้มาคุยหรือไม่นั้น ที่ผ่านมาเราพยายามให้คณะกรรมการเปลี่ยนผ่านจัดทำนโยบาย ครั้งนี้มีเรื่องสำคัญกว่า คือการดำเนินการไปสู่การจัดตั้งรัฐบาลให้เรียบร้อยให้ได้ เสนอกับพรรคแกนนำไปแล้วว่าเป็นเรื่องสำคัญ เมื่อถามว่าคณะทำงานชุดต่างๆที่หยิบยกแต่ละนโยบายไปดำเนินการ ได้พูดถึงตัวบุคคลที่จะเป็นรัฐมนตรีมาดูแลเรื่องนั้นๆบ้างหรือไม่ นายภูมิธรรมตอบว่า ไม่เกี่ยวกัน ทุกพรรคสามารถส่งบุคคลที่ทำความเข้าใจปัญหาและเสนอนโยบายที่เกี่ยวข้องเข้ามาได้ เราเข้าใจร่วมกันดีว่า12 คณะทำงานจะคอยรวบรวมข้อมูลข่าวสาร เพื่อสรุปจัดทำเป็นนโยบาย และนำมาเสนอที่ประชุมหัวหน้าพรรค“เศรษฐา” ชี้ต้องได้คมนาคมนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์หลังการหารือกับกลุ่มสมาชิกสหกรณ์แท็กซี่ว่า การจัดตั้งรัฐบาลยังไม่จบสิ้น และตนไม่ได้เกี่ยวข้องกับการต่อรองตำแหน่งกระทรวงต่างๆ แต่วันนี้พี่น้องสหกรณ์แท็กซี่ที่เราเคยไปหาเสียงไว้ยังมีความเดือดร้อนหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นมา การแข่งขันกับบริษัทข้ามชาติที่ใช้เทคโนโลยีเข้ามา จนทำกำไรได้ดีกว่า พี่น้องแท็กซี่ต้องทำงานหนักขึ้นถึง 14 ชั่วโมง แต่หักลบกลบหนี้แล้วเหลือเงินแค่ 200 กว่าบาท ไม่พอกิน เป็นหน้าที่ที่พรรคการเมืองต้องเข้าไปดูแล คิดว่าหากการจัดตั้งรัฐบาลเสร็จ และพรรคเพื่อไทยได้รับมอบหมายจากนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าและแคนดิเดต นายกฯ พรรคก้าวไกล ให้ดูแลกระทรวงคมนาคม เชื่อว่าปัญหาที่ถูกหมักหมมมา 10 ปี จะนำมาแก้ไขได้ และหวังว่าจะสามารถจัดตั้งรัฐบาลให้จบได้เร็วๆนี้ เมื่อถามว่าการแก้ปัญหาให้เป็นรูปธรรมจำเป็นที่พรรคเพื่อไทยต้องได้ตำแหน่ง รมว.คมนาคมหรือไม่ นายเศรษฐาตอบว่า เชื่อว่าการจะแก้ปัญหาเป็นรูปธรรมได้ เราต้องได้ดูกระทรวงคมนาคม แต่หากไม่ได้รับมอบหมาย เชื่อว่านายพิธาคงมีความกังวลในเรื่องนี้อยู่ และคงส่งผ่านไปยังรัฐมนตรีที่อยู่ในรัฐบาลได้เหมือนกัน เพราะรัฐบาลที่มาจากฝ่ายประชาธิปไตยจะเอาพี่น้องประชาชนเป็นหลักรีแบรนด์เพื่อไทยทำไปเรื่อยๆเมื่อถามถึงความคืบหน้าการรีแบรนด์พรรคเพื่อไทย นายเศรษฐาตอบว่าไปเรื่อยๆ มีการแจ้งความคืบหน้าต่อนายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย คาดว่าอีกประมาณ 1-2 สัปดาห์คงแถลงอะไรได้บ้าง การที่เราต้องมีการเปลี่ยนแปลง ไม่ได้มีแค่เฉพาะการเปลี่ยนแปลงภาพลักษณ์อย่างเดียว แต่ต้องเปลี่ยนวิธีการทำงานและวิธีคิดด้วย ฉะนั้นคงต้องใช้เวลาอีกเล็กน้อย ไม่ต้องห่วงรวดเร็วแน่นอน เมื่อถามถึงการเผยแพร่เอกสารของไอทีวี นายเศรษฐาตอบว่า “ไม่มีความคิดเห็นครับ ไม่เคยไปฟังข่าวเรื่องนี้ ผมโฟกัสแค่เรื่องของพรรคเพื่อไทยอย่างเดียว ให้กำลังใจคุณพิธา หวังว่าทุกอย่างจะผ่านไปได้ด้วยดี เรียบร้อย” “บิ๊กป้อม” ย้ำลูกพรรคกบดานนิ่งๆร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ว่าที่ ส.ส.พะเยา ประธานยุทธศาสตร์ภาคเหนือ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงกรณีเอกสารหลุดจากสำนักงาน กกต. มีรายชื่อว่าที่ ส.ส.พรรค พปชร. 14 คน ส่อถูกแขวนว่า ยังไม่รู้ว่าเป็นเอกสารจริงหรือไม่จริง ยังต้องรอผลเป็นทางการก่อน คาดสัปดาห์หน้าจะมีความ ชัดเจน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรค พปชร. สั่งให้ดูแลว่าที่ ส.ส.แล้ว โดยฝ่ายกฎหมายพรรคจะเข้าไปให้คำปรึกษา ทั้งนี้ได้แจ้งว่าที่ ส.ส.พรรคเตรียมพร้อมชี้แจงแล้ว ตอนนี้เรายังไม่มีความเคลื่อนไหวอะไรทั้งนั้น เนื่องจากหัวหน้าพรรคให้นโยบายยังไม่ให้มีการเคลื่อนไหวใดๆ ให้รอ กกต.ประกาศรับรองผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ หลังจากนั้นจะมีการเรียกประชุมและสัมมนาว่าที่ ส.ส.“จุรินทร์” ชี้ กกต.ต้องรอบคอบที่กระทรวงพาณิชย์ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯและ รมว.พาณิชย์ รักษาการหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เชื่อว่าทุกฝ่ายอยากเห็นการจัดตั้งรัฐบาลเกิดขึ้นโดยเร็ว เพื่อต่อยอดหรือสะสางปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้น แต่ทั้งหมดต้องเป็นไปตามกระบวนการ กกต.มีหน้าที่กำกับดูแลการเลือกตั้งให้เป็นไปด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรม ดังนั้น การประกาศรับรองผลเลือกตั้ง กกต.ต้องรับผิดชอบ มิเช่นนั้น กกต.ก็เร่งประกาศผลเลือกตั้งออกมาการจัดตั้งรัฐบาลทั้งหมดยังอยู่ในกรอบ 60 วัน ตามระยะเวลากฎหมายกำหนด“ท็อป” ยังชั่งใจโหวตให้ “พิธา”นายวราวุธ ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) กล่าวถึงกระแสข่าวที่ กกต.จะประกาศรับรองผลการเลือกตั้งรับรอง ส.ส.ในสัปดาห์หน้าว่า หลังจากทุกคนได้รับรองเป็น ส.ส.แล้วพรรคจะนัดหารือพูดคุยกัน แต่คงไม่มีงานปฐมนิเทศเนื่องจากได้ ส.ส.10 คน เมื่อถามถึงกรณีที่นักวิชาการมีข้อเสนอให้ว่าที่ ส.ส.ร่วมโหวตให้นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เป็นนายกฯ เพื่อประคับประคองประชาธิปไตย นายวราวุธตอบว่า พรรคมี 10 เสียง ไม่เกิดประโยชน์อะไร คงต้องเป็นพรรคใหญ่ ทั้งพรรคพลังประชารัฐ พรรครวมไทยสร้างชาติ พรรคประชาธิปัตย์ หรือพรรคภูมิใจไทย พรรคว่าที่รัฐบาลจะมาขอเสียงจากฝั่งฝ่ายค้านไม่เคยเกิดขึ้น มองว่าพรรคที่จะร่วมเป็นฝ่ายค้านเป็นไปได้ที่จะคุยฟอร์มแนวทางร่วมกันหลังจากที่ ส.ส.ได้รับการรับรองแล้ว“อิทธิพร” โวรับรองเร็วกว่าปี 62ช่วงสายที่โรงแรมเซ็นทรา บาย เซ็นทารา ศูนย์ราชการฯแจ้งวัฒนะ นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวถึงความคืบหน้าการพิจารณาประกาศรับรองผลการเลือกตั้ง ส.ส. ว่า เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาสำนักงาน กกต.ได้เสนอข้อมูลการประกาศรับรองผล ส.ส.แบ่งเขตเลือกตั้ง ที่ประชุมรับทราบข้อมูลเบื้องต้น แต่เห็นว่าการรับรองผลต้องมีข้อมูลประกอบมากกว่านี้ จะประชุมกันต่อในสัปดาห์หน้า รวมทั้งประกาศรับรองผล ส.ส.บัญชีรายชื่อด้วย ถ้าสัปดาห์หน้ามีข้อมูลเพียงพอ จะประกาศรับรองผลให้ได้อย่างน้อยร้อยละ 95 แต่ถ้าข้อมูลครบถ้วนจะประกาศให้ครบ 100% ยืนยันว่าจะประกาศผลให้เร็วกว่าการเลือกตั้งเมื่อปี 62รับชงแขวน 71 ส.ส.ข่าวจริงเมื่อถามว่ากรณีมีเอกสารหลุดแขวน 71 ว่าที่ ส.ส.ที่มีเรื่องร้องเรียน นายอิทธิพรตอบว่า เป็นเอกสารที่สำนักงาน กกต.เสนอข้อมูลต่อที่ประชุม กกต. เพื่อประกอบการพิจารณา เป็นเพียงข้อมูลส่วนหนึ่ง ไม่ใช่ข้อมูลหลัก และยังไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ เมื่อถามอีกว่ามีความเป็นไปได้ที่จะไม่ประกาศรับรองผลให้กับ 71 ส.ส. หรือไม่ นายอิทธิพรตอบว่า ยังไม่อยากพูดเช่นนั้น เมื่อดูข้อมูลคำร้องจะสามารถพูดได้ ถ้าเกี่ยวข้องทำให้การเลือกตั้งไม่สุจริตเที่ยงธรรม กกต.ต้องมีมติให้ดำเนินการอย่างไร หรือให้ดำเนินการสืบสวนต่อไปก่อน หากมีใบเหลืองหรือใบส้มต้องทำก่อนประกาศก่อนรับรองผล ส.ส. ยืนยันว่าในระยะเวลาที่เหลืออยู่ก่อนครบกรอบ 60 วัน หากกกต.ต้องสั่งเลือกตั้งใหม่สามารถทำได้ ขณะนี้สำนวนคำร้องเรียนคัดค้านการเลือกตั้ง กกต.ยังไม่ได้เริ่มพิจารณาผล ลต.ไม่เกี่ยวปมคุณสมบัติเมื่อถามว่ากรณีหุ้นไอทีวีของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกฯพรรคก้าวไกล จะประกาศผลพิจารณารับรองไปก่อนหรือไม่ นายอิทธิพรตอบว่า กรณีดังกล่าวเข้าสู่กระบวนการโดย กกต.มีมติตั้งคณะกรรมการไต่สวนตรวจสอบตามระเบียบ ย้ำว่าต้องให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย และต้องยึดถือกระบวนการตามขั้นตอนอย่างเคร่งครัด ส่วนจะแยกระหว่างการประกาศรับรองผลกับการสืบสวนไต่สวนหรือไม่นั้น ยืนยันว่าไม่เกี่ยว เพราะ กกต.คำนึงถึงสาเหตุสำคัญคือการเลือกตั้งมีความสุจริต และเที่ยงธรรมหรือไม่อ้างไต่สวนหุ้นไอทีวีเร่งรีบไม่ได้เมื่อถามว่าล่าสุดบริษัทไอทีวีฯออกเอกสารชี้แจงบันทึกการประชุมสามัญผู้ถือหุ้น และคลิปวิดีโอการประชุมผู้ถือหุ้นที่ถูกเผยแพร่ต่อสาธารณะ รวมถึงเอกสารที่ยื่นให้กับ ป.ป.ช.ในฐานะผู้จัดการมรดกจะมีผลต่อการพิจารณาของ กกต.หรือไม่ นายอิทธิพรตอบว่า ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนตามอำนาจการตรวจสอบของคณะกรรมการการสืบสวนไต่สวน ทำหน้าที่ตามขั้นตอนจะเรียกพยานหรือเอกสารได้ กกต.จะไม่ก้าวก่าย หรือแทรกแซงการทำงานของคณะกรรมการฯ หากไม่ทันสามารถขยายเวลาได้ครั้งละ 15 วัน ดังนั้นเรื่องนี้จะทำโดยเร็วไม่ได้ เพราะจะขัดต่อกระบวนการที่กฎหมายกำหนดเชือดก่อนโหวตนายกฯไม่ได้เมื่อถามว่ามีการเรียกร้องให้ กกต.ดำเนินการ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 82 เพื่อให้ทันต่อการโหวตนายกฯ นายอิทธิพรตอบว่า พูดตอนนี้ไม่ได้ เพราะยังไม่ผ่านขั้นตอนการพิจารณา ทุกอย่าง กกต.ต้องตัดสินโดยมติที่ประชุม เมื่อถามย้ำว่าเรื่องนี้ต้องให้มีผู้ร้องเรียนยื่นเรื่องเข้ามาก่อนหรือไม่ นายอิทธิพรตอบว่า ถ้าตามกฎหมายไม่จำเป็น เมื่อถามว่าสามารถนำข้อมูลในชั้นของคณะกรรมการสืบสวนมายื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญตามมาตรา 82 ได้หรือไม่ นายอิทธิพรตอบว่า ตามทฤษฎีผลการตรวจสอบวินิจฉัยของคณะกรรมการสืบสวนต้องเสนอ กกต. ต้องพิจารณาว่าข้อมูลเพียงพอ หรือว่าต้องดำเนินการอะไรเพิ่มเติม หรือสามารถตัดสินได้เลย เมื่อถามอีกว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่จะสามารถพิจารณาได้ทันก่อนการโหวตนายกฯ ประธาน กกต.ตอบว่า คิดอย่างนั้นไม่ได้ เพราะเรื่องเข้าสู่กระบวนการ ถ้าเทียบกับระเบียบสืบสวนไต่สวนเหมือน ป.อาญา หากไปเร่งจะไม่เป็นธรรมเปิดกรุทรัพย์สิน “ชวน” มี 13 ล้านที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีการเปิดเผยบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง กรณีพ้นตำแหน่ง ส.ส. เมื่อวันที่ 20 มี.ค. จำนวน 104 ราย มีบัญชีทรัพย์สินที่น่าสนใจ อาทิ นายชวน หลีกภัย อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรค ประชาธิปัตย์ มีทรัพย์สิน 13,036,195 บาท ไม่มีหนี้สิน ส่วนใหญ่เป็นเงินฝาก 10.3 ล้านบาท เงินลงทุน 1,000 บาท ของศูนย์และจำหน่ายผลิตภัณฑ์พื้นเมือง ที่ดิน 1 แปลง มูลค่า 1.2 ล้านบาท ที่ อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้างเป็นแฟลตที่เขตพญาไท 416,800 บาท จักรยานยนต์ 1 คันมูลค่า 30,000 บาท และทรัพย์สินอื่นๆ 1,040,000 บาท อาทิ สร้อยคอทองคำ 5 เส้น ปืนสั้น ปืนยาว นาฬิกาข้อมือ 19 เรือน พระพุทธรูป 300องค์เครื่องดนตรีแซกโซโฟน 3 ตัว รูปปั้นประติมากรรม 20 ชิ้น ขณะที่นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรค ปชป.มี 41,713,185 บาท เป็นของนายจุรินทร์ 28,564,003 บาท ของนางอรอนงค์ ลักษณวิศิษฏ์ คู่สมรส 13,149,181 บาท มีหนี้สิ้น 8,253,803 บาท “ศรีนวล” ย้ายค่ายรวยขึ้น ล.กว่าด้าน น.ส.ศรีนวล บุญลือ อดีต ส.ส.เชียงใหม่ พรรคภูมิใจไทย มีทรัพย์สิน 2,138,577 บาท ทรัพย์สินที่น่าสนใจ อาทิ โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง 1หลังที่ จ.เชียงใหม่ มูลค่า 5 แสนบาท ยานพาหนะ2คันเป็นรถยนต์และมอเตอร์ไซค์ มูลค่า 1.25 ล้านบาททรัพย์สินอื่น อาทิ ต่างหู สร้อยคอและจี้ สร้อยแขน แหวนเพชรพลอย แหวนพลอยสีม่วง แหวนทองชัน โซฟาไม้สัก 1 ชุด แหวนทอง อสม.ดีเด่น ประจำปี 47 เมื่อเทียบกับตอนเข้ารับตำแหน่ง ส.ส.เชียงใหม่ พรรคอนาคตใหม่ เมื่อวันที่ 5 มิ.ย.62 แจ้งว่ามีทรัพย์สิน 950,000 บาท รวมแล้วมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้น 1,188,577 บาทบ้านใหญ่นครปฐมระดับเศรษฐีนายพาณุวัฒณ์ สะสมทรัพย์ อดีต ส.ส.นครปฐม พรรคชาติไทยพัฒนา มี 419,065,792 บาท ที่น่าสนใจคือ ที่ดิน 148,459,500 บาท อ.เมืองนครปฐม และที่ดินพร้อมบ้านที่เมืองไครสต์เชิร์ช นิวซีแลนด์ 35 ล้านบาท ยานพาหนะ 13 คัน 40.5 ล้านบาท จักรยานยนต์ HARLEY DAVIDSON 2 คัน รถยนต์ยี่ห้อ LEXUS มูลค่า 12 ล้านบาท และทรัพย์สินอื่นอีก 180 รายการ มูลค่ารวม 69.1 ล้านบาท อาทิ เครื่องประดับบุรุษ สตรี พระเลี่ยมทอง สร้อยคอทองคำ กระเป๋าสตรี นาฬิกา ปืนสั้นและปืนยาว 21 กระบอก พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชาติ มี 57,425,626 บาท ที่น่าสนใจในรายการทรัพย์สินอื่น 53 รายการ ที่มีมูลค่ารวม 14.7 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นพระเลี่ยมทอง 22 องค์ เช่น สมเด็จวัดระฆัง 3 ล้านบาท สมเด็จวัดเกศไชโย 2 องค์ องค์ละ 1 ล้านบาท สมเด็จวัดระฆังพิมพ์ประธาน 1 ล้านบาท สมเด็จจิตรลดา 1 ล้านบาท“สันติ” ทรัพย์สินเพิ่ม 3 ล้านเศษนายสันติ พร้อมพัฒน์ อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ มี 18,832,569 บาท เป็นของนายสันติ 7,563,895 บาท ของนางวันเพ็ญ พร้อมพัฒน์ คู่สมรส 1,126,673 บาท ทรัพย์สินส่วนใหญ่เป็นที่ดิน 2 แปลง ที่ กทม. และฉะเชิงเทรา รวมมูลค่า 4,903,000 บาท ยานพาหนะ 2 คัน รวมมูลค่า 2,080,000 บาท ทรัพย์สินอื่น 7 รายการ อาทิ นาฬิกาหรู แหวนเพชร สร้อยเพชร 6,800,000 บาท เมื่อเทียบกับตอนเข้ารับตำแหน่ง ส.ส.ปี 62 นายสันติแจ้งมีทรัพย์สิน 15,402,771 บาท รวมแล้วนายสันติมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นประมาณ 3.4 ล้านบาท“ไพบูลย์” นายทุนปล่อยเงินกู้นายไพบูลย์ นิติตะวัน อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรค พปชร. มี 85,357,443 บาท ส่วนใหญ่เป็นเงินให้กู้ยืม 79,511,825 บาท วงเงินดังกล่าวเป็นการให้บริษัท สกายแลนด์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด กู้ยืมเงิน 2 ครั้ง ครั้งแรก 49,292,620 บาท ครั้งที่สอง 30,219,205 บาท แต่ไม่ได้แจ้งวันเวลาการให้กู้ยืม และทรัพย์สินอื่น อาทิ นาฬิกา กำไลทองฝังเพชร เข็มกลัดฝังเพชร สร้อยคอทองคำ รวมมูลค่า 1.2 ล้านบาท เมื่อเทียบกับตอนเข้ารับตำแหน่ง ส.ส.ปี 2562 นายไพบูลย์แจ้งมีทรัพย์สิน 77,770,402 บาท รวมแล้วมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นประมาณ 7.5 ล้านบาท“เสรีพิศุทธ์” รวยใช่ย่อย 131 ล้านพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเสรีรวมไทย มี 131,691,770 บาท ส่วนใหญ่เป็นเงินฝากในบัญชีธนาคาร 17,632,269 บาท เงินลงทุน 15,244,651 บาท เงินให้กู้ยืม 38 ล้านบาท ที่ดิน 63 แปลง ที่ กทม. มุกดาหาร ลำพูน รวมมูลค่า 44,650,850 บาท สิทธิและสัมปทาน 14,644,000 บาท เรือกลเดินทะเล 1 ลำ มูลค่า 900,000 บาท รวมถึงมีพระสมเด็จวัดระฆังพร้อมสร้อย ที่ระบุว่าไม่ทราบราคา เมื่อเทียบกับตอนยื่นบัญชีทรัพย์สินเข้ารับตำแหน่ง ส.ส.ปี 2562 มีทรัพย์สิน 135,476,212 บาท รวมมีทรัพย์สินลดลง 3,784,442 บาทเชื่อ “พิธา” รับผิดชอบยื่นทันแน่ขณะเดียวกัน พ.ต.ต.ชัชนพ ผดุงกาญจน์ รองเลขาธิการ ป.ป.ช. ให้สัมภาษณ์ถึงการยื่นบัญชีทรัพย์สินกรณีพ้นตำแหน่ง ส.ส.จำนวน 104 รายว่า อดีต ส.ส.คนใดที่ยังไม่ได้ยื่นต่อ ป.ป.ช. ต้องยื่นภายในวันที่ 18 มิ.ย. แต่ขอให้ยื่นภายในวันที่ 16 มิ.ย. เพราะวันที่ 17-18 มิ.ย.ตรงกับวันหยุดราชการ แต่การจะมาขอขยายเวลายื่นบัญชีทรัพย์สินทำไม่ได้แล้ว ไม่อนุญาต เพราะครบกำหนดยื่นไปแล้วเมื่อเดือน พ.ค.66 ส่วนนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ยังไม่ได้ยื่นเข้ามาเชื่อว่าน่าจะยื่นมาภายในกำหนด อาจใช้ยื่นทางอิเล็กทรอนิกส์ได้ แต่เกรงว่าอาจเป็นปัญหาในวันเสาร์-อาทิตย์ ที่เป็นวันหยุดราชการ ป.ป.ช.ปิดระบบ อยากให้ยื่นภายในวันที่ 16 มิ.ย. เมื่อถามย้ำว่าหากนายพิธาขอขยายเวลายื่นออกไปจากวันที่ 18 มิ.ย.ทำได้หรือไม่ พ.ต.ต.ชัชนพตอบว่า ตามกรอบขยายไม่ได้แล้ว ไม่เป็นไปตามระเบียบ หากเลยวันที่ 18 มิ.ย. ผู้ยื่นต้องชี้แจงเหตุผลว่าทำไมยื่นไม่ทันเพื่อให้คณะกรรมการ ป.ป.ช.พิจารณา เมื่อถามย้ำว่าจะถือเป็นความจงใจไม่ยื่นหรือไม่ พ.ต.ต.ชัชนพตอบว่า ไม่ถึงขนาดนั้น แต่ ป.ป.ช.ต้องรับฟังและพิจารณาเหตุผล ระดับผู้บริหารประเทศ เรื่องการยื่นบัญชีทรัพย์สินถือเป็นความรับผิดชอบ และหน้าที่ที่ควรเคร่งครัด เรื่องความรับผิดชอบถือเป็นสาระสำคัญที่ต้องมองมากกว่ายืนคำสั่งเผยคดี “นาฬิกาเพื่อน”วันเดียวกัน ศาลปกครองสูงสุด มีคำพิพากษายืนตามคำพิพากษาของศาลปกครองกลาง ให้สำนักงาน ป.ป.ช. และเลขาธิการ ป.ป.ช. เปิดเผยรายงานสรุปผลการแสวงหาข้อเท็จจริง และรวบรวมพยานหลักฐานเอกสารทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับการไต่สวนคดีนาฬิกาของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม ตามคำวินิจฉัยของคณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสาร สาขาสังคมการบริหารราชการแผ่นดิน และการบังคับใช้กฎหมายให้แก่ นายพงศ์พิพัฒน์ บัญชานนท์ บรรณาธิการอาวุโส สำนักข่าว The Matter ภายใน 15 วัน นับตั้งแต่วันที่ศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษา“ศรีฯ”ชง กกต.สอบแยกดินเเดนที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายศรีสุวรรณ จรรยา ผู้นำองค์กรรักชาติรักแผ่นดิน เข้ายื่นร้องชี้เบาะแสให้ กกต. และนายทะเบียนพรรค การเมือง ตรวจสอบว่ามีกรรมการบริหารพรรค หรือพรรคการเมืองใด มีพฤติการณ์สนับสนุนทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลังขบวนนักศึกษาที่จัดกิจกรรมจัดทำประชามติแยกดินแดน อันขัดต่อรัฐธรรมนูญและกฎหมาย พฤติการณ์หรือการกระทำดังกล่าว ลำพังขบวนนักศึกษาไม่อาจทำได้ หากไม่มีนักการเมืองหรือพรรคการเมืองอยู่เบื้องหลัง เพราะเป็นการละเมิดต่อหลักกฎหมาย และบูรณภาพแห่งดินแดนที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญมาตรา 1 ความผิดตามรัฐธรรมนูญไม่ได้กำหนดโทษสำหรับบุคคลธรรมดา แต่มีบทลงโทษสำหรับพรรคการเมืองที่จะถูกยุบพรรค และตัดสิทธิกรรมการบริหารได้ ตามมาตรา 92 (2) (3) หากพิสูจน์ได้ว่ามีพรรคการเมืองมีส่วนเกี่ยวข้อง หรือสนับสนุนการดำเนินการดังกล่าวฟันพรรคอยู่เบื้องหลังนักศึกษานายศรีสุวรรณกล่าวว่า ส่วนบุคคลธรรมดาหากอยู่เบื้องหลังอาจต้องรับโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 119 ที่มีโทษถึงประหารชีวิต หรือจำคุกตลอดชีวิต กรณีดังกล่าวถือว่าเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติและของแผ่นดิน องค์กรรักชาติรักแผ่นดิน ไม่อาจทนนิ่งเฉยได้ จึงนำพยานหลักฐานคลิปวิดีโอในงานดังกล่าว และคลิปวิดีโอการปราศรัยของผู้บริหารพรรคการเมืองที่เกี่ยวข้อง มามอบให้ กกต.และนายทะเบียนพรรคการเมือง เพื่อดำเนินการไต่สวนและวินิจฉัยเอาผิดพรรคการเมืองที่เป็นอีแอบอยู่เบื้องหลังขบวนนักศึกษาโดยเร็ว รวมทั้งต้องรีบแจ้งให้ผู้บริหารพรรคการเมืองที่เกี่ยวข้อง ยุติการกระทำดังกล่าวเสียก่อน ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรค การเมืองมาตรา 22 แล้วค่อยเสนอศาลรัฐธรรมนูญลงดาบตามมาตรา 92 (2) (3) ต่อไปโผล่ร้องศาล รธน.สั่งห้ามรื้อ 112เวลา 10.00 น. ที่สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ นายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ทนายความอิสระ ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญขอให้พิจารณาวินิจฉัยสั่งให้นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ผู้ถูกร้องที่ 1 และพรรคก้าวไกลผู้ถูกร้องที่ 2 เลิกการกระทำที่เป็นการใช้สิทธิและเสรีภาพอันอาจนำไปสู่การล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 49 นายธีรยุทธยกกรณีศาลรัฐธรรมนูญเคยวินิจฉัยเกี่ยวกับ กรณีที่กลุ่มบุคคลและองค์กรเครือข่ายเสนอข้อเรียกร้อง 10 ข้อที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ศูนย์รังสิต จนกระทบกระเทือนถึงสถาบันหลักของชาติ และมีคำสั่งให้เลิกการกระทำดังกล่าว เพื่อหยุดยั้งไม่ให้ลุกลามจนเกิดอันตรายแก่สถาบัน วันนี้จึงมายื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้นายพิธาและพรรคก้าวไกล เลิกการดำเนินการใดๆ หรือการกระทำใดๆ เพื่อยกเลิกหรือแก้ไขมาตรา 112 รวมไปถึงให้เลิกแสดงความเห็น เลิกพูด เลิกเขียน เลิกพิมพ์ เลิกโฆษณา และสื่อความหมายโดยวิธีอื่น เพื่อยกเลิกหรือแก้ไขมาตรา 112 ที่กระทำอยู่ขณะนี้ และจะเกิดขึ้นในอนาคต ต้องตัดไฟแต่ต้นลม เพราะมองว่าเป็นการกระทำที่มุ่งหวังผลประโยชน์ทางการเมือง อาจเข้าข่ายมีเจตนาไม่สุจริต หรือเป็นอันตรายต่อความมั่นคงของรัฐ ต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน นำไปสู่การทำลายการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และนำไปสู่ระบอบประชาธิปไตยแบบอื่นหรือไม่ หากเป็นเช่นนั้นย่อมไม่ไกลเกินเหตุที่จะเข้าข่ายล้มล้างการปกครองม็อบราษฎรจ่อไปเยี่ยมบ้าน ส.ว.ที่ลานหน้าหอศิลปะและวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพ สี่แยกปทุมวันเวลา 18.00 น. เครือข่ายประชาชนจับตาการเลือกตั้ง นำโดยนายยิ่งชีพ อัชฌานนท์ ผู้จัดการโครงการอินเตอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน หรือ ไอลอว์ นายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือไผ่ดาวดิน แกนนำกลุ่มทะลุฟ้า น.ส.ภัสราวลี ธนกิจวิบูลย์ผลหรือมาย แกนนำกลุ่มราษฎร พร้อมแนวร่วมจัดชุมนุม “ทวงผลเลือกตั้ง ร่วมกดดัน กกต.” บรรยากาศคลาคล่ำไปด้วยมวลชนกลุ่มผู้สนับสนุนพรรคก้าวไกล มีกิจกรรมให้ขีดเขียนข้อความในใจลงบนโพสต์อิท และป้ายผ้าขาวขนาดใหญ่ ไฮไลต์คือการเปิดประเด็นถามมวลชนว่า กรณี ส.ว.ไม่ยอมโหวตให้นายกฯที่มาจากเสียงประชาชนจะทำอย่างไร ปรากฏว่ามวลชนส่วนใหญ่แสดงความเห็นเชิงขู่ว่าควรจะมีม็อบลงถนน หรือให้ไปเยี่ยมถึงบ้าน ส.ว.เหล่านั้น