เมื่อวันที่ 13 มิ.ย.66 ที่ศาลาว่าการ กทม. นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. นำทีมคณะผู้บริหาร แถลงข่าว “365 วัน ทำงาน ทำงาน ทำงานกรุงเทพฯ” ว่า วันนี้ไม่ได้เป็นการแถลงผลงานชัชชาติ แต่เป็นการแถลงผลงานของทีม กทม. ซึ่งทำงานร่วมกันอย่างไร้รอยต่อ ทั้งข้าราชการ บุคลากร และ ส.ก. ถ้ามีความดีทั้งหลายยกให้ทีมงาน แต่ถ้ามีข้อบกพร่อง จะเป็นคนรับผิดชอบเองผู้ว่าฯ กทม. กล่าวว่า แนวคิดการทำงาน 365 วันที่ผ่านมา 1.ให้ความสำคัญกับเส้นเลือดฝอย และยังทำโครงการขนาดใหญ่ (เมกะโปรเจกต์) ควบคู่กันไปด้วย ไม่ได้ละเลยเส้นเลือดใหญ่ทำให้เข้มแข็งทั้งคู่ 2.เปลี่ยนวิธีการทำงานโดยให้ประชาชนเป็นศูนย์กลาง ไม่ต้องยึดที่ตัวผู้ว่าฯ กทม. เป็นหลัก เช่น การแก้ไขปัญหาผ่านทราฟฟีฟองดูว์ 3.ใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยขับเคลื่อนการทำงาน เพราะเชื่อว่าเทคโนโลยีจะเป็นตัวเปลี่ยนและเพิ่มประสิทธิภาพในอนาคต 4.ให้ความสำคัญเรื่องความโปร่งใส โดยเปลี่ยนกรอบความคิดของข้าราชการ และ 5.สร้างภาคีเครือข่ายทั้งในและนอกประเทศ แนวทางการทำงานดังกล่าวจะทำต่อเนื่องไปในปีที่ 2-3 ต่อไปทั้งนี้นโยบายวันแรกที่เข้ามาทำงาน มี 216 นโยบาย จะขยายสู่ 226 นโยบาย 1 ปี ที่ผ่านมา เริ่มดำเนินแล้ว 211 นโยบาย มี 11 นโยบาย และ 4 นโยบาย ยุติไปเพราะบางเรื่องไม่ได้ใช้ประโยชน์จริง เช่น ห้องให้นมบุตร ห้องสมุดเคลื่อนที่ในชุมชน เป็นต้น สำหรับการทำงานช่วงปีแรก ได้เน้นการทำงาน แซนด์บ็อกซ์ในเรื่องต่างๆ ทั้งการศึกษาและสาธารณสุข เป็นการทดสอบแนวคิดทำต้นแบบ เพื่อขยายต่อในปี 2-3 ให้เพิ่มมากขึ้น และจะประสบสำเร็จในปีที่ 4 โครงการใหญ่ๆหลายเรื่อง เป็นเรื่องที่ทำต่อกันมาตั้งแต่สมัย พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง และ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ทั้งอุโมงค์ระบายน้ำขนาดใหญ่ ทางยกระดับ สะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา หรือ โครงการรถไฟฟ้า เป็นต้น แต่ที่ทำในสมัยตน คือ โรงบำบัดน้ำเสียคลองเตย การก่อสร้างอาคาร รพ.ทวีศักดิ์ เป็นต้นนายชัชชาติกล่าวว่า ถ้าให้ประเมินการทำงานตัวเองที่ผ่านมาแล้ว 1 ปี คะแนนเต็ม 10 ให้ 5 คะแนน เพราะยังมีอีก 11 นโยบายที่ยังไม่ได้ทำ ทั้งเรื่องระบบการจราจรและเศรษฐกิจ ส่วนการทำงานกับข้าราชการ อาจจะมีปัญหาทั้งสองฝั่ง ซึ่งข้าราชการมองว่าเราทำงานเร็วไป และกระบวนการต่างๆ ต้องทำอย่างรอบคอบ ยืนยันว่าอีก 3 ปีที่เหลือ จะทำงานได้เกินเป้าตามที่รับปากประชาชนไว้แน่นอนส่วนกระแสในโซเชียลที่ระบุว่าตน ไม่มีผลงานนั้น แล้วแต่คนจะมอง ตนลงพื้นที่ชุมชนคนในชุมชนชีวิตเปลี่ยน เพราะงานของ กทม. ไม่ได้ให้กับทุกคน เพราะบางคน ไม่เดินทางเท้า ไม่ใช้ไฟตามถนน ไม่มีลูกมาเรียน ร.ร.กทม. ไม่ได้มา รพ.สังกัด กทม. แต่เราก็น้อมรับ เป็นธรรมดา บางเรื่องไม่รู้ว่ามีการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องหรือไม่ มีหลายมิติ ส่วนการดูแลข้าราชการและบุคลากรนั้น กทม.ดูแลและให้กำลังใจมาโดยตลอด ทั้งการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการ การบรรจุลูกจ้างชั่วคราว เป็นลูกจ้างประจำอย่างเป็นธรรม ตามความสามารถของบุคคล รวมทั้งเรื่องการกลั่นแกล้งในตำแหน่งหน้าที่ด้วย ขณะเดียวกันกรณีการกลั่นแกล้งต้องมีการตรวจสอบกันเอง เพราะบางเรื่องเข้าไปก้าวก่ายไม่ได้ แต่เราต้องเป็นหลักให้ข้าราชการ และไม่โอนอ่อนต่อการทำไม่ดี ส่วนการประเมินผลงานรองผู้ว่าฯ กทม. ทั้ง 4 คนนั้น ก็ดีทุกคน ยืนยันว่ายังไม่มีการเปลี่ยนทีมผู้บริหารชุดนี้.