คงได้แค่ตามไปดูเรื่อง “หุ้นไอทีวี” ที่เป็นปมเงื่อนพันกับคุณสมบัติของ “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจาก “ก้าวไกล”ความจริงเรื่องนี้ตีคู่มากับการโหวตนายกรัฐมนตรีที่ต้องใช้เสียงถึง 376 เสียงเพราะ ส.ว.มีสิทธิร่วมด้วยนํ้าหนักว่าจะได้เป็นนายกฯ หรือไม่จึงมองไปที่ ส.ว.มากกว่าเรื่องหุ้นจึงแทบจะถูกตัดออกไปจากความเป็นอุปสรรค ขนาดเจ้าตัวยังไม่พยายามเอ่ยถึง หรืออีกนัยหนึ่งคือไม่ให้ความสำคัญ...ว่างั้นเถอะแต่เมื่อมีการยื่นร้องต่อ กกต.เท่านั้นแหละ กลายเป็นเรื่องใหญ่ขึ้นมาทันที เพราะมันเกี่ยวพันกับ “คุณสมบัติ” อันเป็นข้อห้ามอย่างหนึ่ง“พิธา” ระบุว่าเขาไม่ได้เป็นผู้ถือหุ้น แต่เป็นผู้จัดการมรดกเท่านั้น และเชื่อว่าหุ้นตัวนี้น่าจะถูกตัดออกไปจากสารบบแล้วเพราะไม่มีการดำเนินกิจการมานานแล้วด้วยความเชื่อว่าสารตั้งต้นตัวนี้ไม่น่าจะมีปัญหา เกี่ยวกับคุณสมบัติของเขา จนกระทั่งมีข่าวออกมาว่าการประชุมผู้ถือหุ้นดังกล่าวมีรายงานจากบันทึกประชุมว่า“บริษัทยังดำเนินกิจการอยู่”นั่นแหละทำให้ “พิธา” ตื่นจากพะวงทันที เพราะหุ้นตัวนี้ยังมีชีวิตอยู่ จึงรีบทำการโอนหุ้นไปให้ญาติอ้างว่าป้องกันการเปลี่ยนแปลงในภายหลัง“มีขบวนการที่จะฟื้นคืนชีพหุ้นไอทีวี เพื่อหวังจะทำให้เขามีปัญหาเรื่องคุณสมบัติ ไม่ว่าจะดำเนินธุรกิจต่อไป หรือทำให้เกิดปัญหาทางการเมือง”ที่ตามมาก็คือ กกต.เห็นชอบที่จะให้มีการไต่สวนเรื่องนี้ เพราะเชื่อว่าข้อมูลต่างๆจากการยื่นร้องนั้น “มีมูล”เนื่องจากมีลักษณะ “ต้องห้าม” และรู้อยู่แล้วไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง แต่ได้สมัครอันเข้าข่ายเป็นการกระทำที่ฝ่าฝืน ม.42(3) และ ม.151ขณะเดียวกันก็มีการเผยแพร่ “คลิปปริศนา” ที่ระบุว่ารายงานการประชุมผู้ถือหุ้นนั้น มีการตัดต่อไม่ตรงกับข้อเท็จจริงเพื่อหวังปลุกผีไอทีวีให้คืนชีพขึ้นมา เพื่อทำลายทางการเมืองเรื่องนี้จึงเป็นประเด็นใหม่ที่ “ก้าวไกล” เชื่อว่ามีขบวนการที่ต้องการทำให้เขาไม่สามารถดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีได้แต่ก็ไม่ได้ระบุว่าเป็นใคร? กลุ่มไหน?นอกจากทำให้สังคมคิดไปว่าน่าจะเป็นกลุ่มอำนาจเก่า ที่วางแผนเตะตัดขาเขาทุกวิถีทาง ด้วยการใช้แผน “นิติสงคราม” อย่างเป็นขั้นเป็นตอนเรื่องนี้อยู่ในมือของ กกต. ที่จะตั้งคณะกรรมการเพื่อไต่สวน จึงต้องสืบสวนและสอบสวนข้อเท็จจริง เพื่อนำความจริงมาตีแผ่ให้สังคมได้รับรู้เนื่องจากมีอำนาจที่จะขอข้อมูลกับองค์กรที่เกี่ยวข้อง ได้ทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อนำไปสู่การพิจารณา“พิธา” ขาดคุณสมบัติหรือไม่?เพราะผู้ที่จะดำรงตำแหน่งผู้นำประเทศ จะต้องถูกตรวจสอบอย่างถี่ถ้วนและรอบคอบ ก่อนที่จะเข้ารับตำแหน่งผิดก็ว่าไปตามผิด ไม่ผิดก็สามารถทำหน้าที่ได้อย่างสง่างามถ้าเข้าใจตรงกันอย่างนี้ได้และยอมรับสังคมก็จะเดินต่อไปได้!“สายล่อฟ้า”