“ร้านยาคุณภาพของฉัน” ในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือ “บัตรทอง 30 บาท” โดยความร่วมมือ สปสช. และสภาเภสัชกรรม เริ่มระบบเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2565 โดยร้านยาที่เข้าร่วมจะเป็นเครือข่ายของหน่วยบริการประจำที่มีแพทย์ร่วมดูแล ดูแลเจ็บป่วยเล็กน้อย 16 กลุ่มอาการ ได้แก่ อาการปวดหัว เวียนหัว ปวดข้อ เจ็บกล้ามเนื้อ ไข้ ไอ เจ็บคอ ปวดท้อง ท้องเสีย ท้องผูก ถ่ายปัสสาวะขัด...ปัสสาวะลำบาก ปัสสาวะเจ็บ ตกขาวผิดปกติ อาการทางผิวหนัง ผื่น คัน บาดแผล ความผิดปกติต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับตา และความผิดปกติต่างๆที่เกิดขึ้นกับหูนพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) อธิบายว่า นอกจากนี้แล้วร้านยาที่เข้าร่วมจะต้องมีการติดตามผู้ป่วย ซึ่งเป็นการช่วยลดภาระของแพทย์ลงด้วย รวมถึงการแยกผู้ป่วยเพื่อส่งต่อให้แพทย์ในกรณีที่ติดตามการรักษาภายใน 72 ชั่วโมงแล้วอาการไม่ดีขึ้นประเด็นสำคัญมีว่า...จากการให้บริการในช่วงกว่า 7 เดือนที่ผ่านมา ปรากฏว่ามีประชาชนสิทธิบัตรทองที่เจ็บป่วยเล็กน้อย เข้ารับบริการที่ร้านยาอย่างต่อเนื่อง ข้อมูลล่าสุดเมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2566 มีผู้รับบริการแล้วจำนวน 142,091 คน เป็นการรับบริการ 239,519 ครั้ง ในร้านยาทั่วประเทศ 1,026 แห่งในการรับการรักษาเมื่อแยกข้อมูลตามกลุ่มโรคและอาการพบว่าเป็นการรับบริการด้วยอาการไข้ ไอ เจ็บคอ มากที่สุด 99,788 ครั้ง รองลงมาเป็น...ปวดข้อ เจ็บกล้ามเนื้อ 55,689 ครั้ง...อาการทางผิวหนัง ผื่น คัน 31,468 ครั้ง...ปวดท้อง 22,973 ครั้ง...ความผิดปกติต่างๆที่เกิดขึ้นกับตา 14,305 ครั้ง ปวดหัว 11,639 ครั้งท้องเสีย 10,014 ครั้ง...บาดแผล 9,698 ครั้ง...เวียนหัว 8,847 ครั้ง และปวดฟัน 6,817 ครั้ง นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารีภก.ฐานวีร์ ศุภนิมิตวงศ์ เภสัชกรประจำร้านยาบ้านอิ๋ว ย่านท่าน้ำนนท์ จ.นนทบุรี เสริมว่า หลังจากเริ่มให้บริการมาได้ระยะหนึ่งพบว่าประชาชนผู้มีสิทธิบัตรทองยังไม่ค่อยทราบถึงสิทธิประโยชน์ในโครงการนี้มากนัก จึงอยากให้ สปสช.ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้รับรู้ถึงสิทธิประโยชน์นี้ให้มากขึ้นยกตัวอย่างผู้ที่มารับบริการที่ร้านมีผู้ใช้สิทธิบัตรทองมารับบริการดูแลโรคทั่วไปวันละ 15-20 เคส หรือในช่วงที่โควิด-19 ระบาดมากก็จะเพิ่มเป็นวันละ 30 เคส แต่จะมีเพียงประมาณ 5 รายที่รับรู้สามารถใช้สิทธิ บัตรทองมารับบริการเมื่อเจ็บป่วยเล็กน้อยได้ที่ร้านยาโดยไม่มีค่าใช้จ่าย ส่วนที่เหลือไม่เคยทราบเรื่องนี้มาก่อนตัวเลข 15-20 เคสที่ยกตัวอย่างมานี้เป็นการทำงานเชิงรุกในการให้ข้อมูลสิทธิแล้ว เช่น น้องกรรมกรที่มีรายได้น้อยก็จะแจ้งให้ทราบว่าใช้สิทธิบัตรทองรับยาได้ฟรี เขาก็ประทับใจว่าใช้สิทธิได้ด้วยหรือ ไม่เคยรู้มาก่อนเลย ส่วนคนที่รู้สิทธิแล้วมารับบริการเฉลี่ยประมาณ 5 รายเท่านั้น ที่เหลือประมาณ 10 รายคือไม่เคยรู้มาก่อนหรือ...บางคนแย่กว่านั้นคือไม่รู้ว่าตัวเองมีสิทธิบัตรทอง และอีก 5 รายที่เหลือคือคนที่รู้สิทธิเพราะเคยมารับบริการแล้ว แต่ครั้งแรกที่มาเขาก็ไม่รู้สิทธิเหมือนกันนอกจากนี้ยังมีประเด็นที่อยากให้พัฒนาเพิ่มเติม เช่น รายการโรคบางอย่างที่น่าจะให้ยาต่อเนื่องกับคนไข้มากกว่านี้ เช่น กรดไหลย้อน แสบกระเพาะอาหารที่ตามไกด์ไลน์ในการดูแลควรต้องทานยาต่อเนื่องเพื่อให้คนไข้อาการดีขึ้นในระยะยาว แต่ก็ยังคลุมเครือว่าร้านยาสามารถให้ยาเพื่อบรรเทาได้เพียง 1-2 ครั้งเท่านั้นอีกทั้งรายการยาบางอย่าง เช่น ยารักษาโรคงูสวัด สปสช.สนับสนุนงบประมาณไม่เพียงพอกับค่ายา เช่นเดียวกับเรื่อง pharmacist fee แม้ปัจจุบันจะยังไปไม่ถึงจุดนั้นแต่ก็มีความกังวลบ้างเล็กน้อยเพราะ สปสช.อาจจะมองเรื่องค่ายา แต่จริงๆแล้วยังมีค่าใช้จ่ายแฝง เช่น การติดตามคนไข้ที่บางรายต้องใช้วิธีโทร.ติดตาม ภก.ฐานวีร์ ศุภนิมิตวงศ์แต่โดยรวมแล้วโครงการนี้ถือเป็นโครงการที่ดี ช่วยประชาชนรากหญ้าให้เข้าถึงบริการสุขภาพได้ดีมากขึ้น อาการเจ็บป่วยไม่มากสามารถมารับยาที่ร้านยาได้ฟรีโดยไม่ต้องเสียเวลาไปโรงพยาบาล ไม่ต้องหยุดงาน ไม่ต้องเสียค่าเดินทาง ถ้าประชาชนรับรู้สิทธิและมารับบริการมากขึ้นก็จะแบ่งเบาภาระโรงพยาบาลได้อีกมากภก.ปรีชา พันธุ์ติเวช อุปนายกสภาเภสัชกรรม คนที่ 2 บอกว่า ภาพรวมการให้ร้านยาร่วมให้บริการดูแลโรคทั่วไป หรือการเจ็บป่วยเล็กน้อย ต้องยอมรับว่าผู้ใช้สิทธิบัตรทองชื่นชมและพึงพอใจมาก เพราะการมารับบริการที่ร้านยามีความสะดวก ไม่ต้องลางาน ไม่ต้องเดินทางไปถึงโรงพยาบาล ไม่ต้องรอคิวนานที่สำคัญ...ยังได้ยาแบบเดียวกัน ใช้เพียงแค่บัตรประชาชนเพื่อตรวจสอบสิทธิและยืนยันตัวตนอย่างไรก็ดี สะท้อนมาจากสุ้มเสียงประชาชนทั่วไปด้วยว่าอยากให้ในอนาคตควรมีการเพิ่มขอบเขตให้บริการได้กว้างขึ้น เช่น พยาธิ ร้อนใน อาการเจ็บที่เกิดจากโรคเกาต์ ริดสีดวงเฉียบพลัน การเลื่อนประจำเดือน อาการเมารถ แผลไฟไหม้ระดับเล็กน้อย หรือแม้กระทั่งหูดถึงตรงนี้ นพ.จเด็จ ย้ำว่า “ร้านยาคุณภาพของฉัน” บริการดูแลอาการการเจ็บป่วยเล็กน้อยหรือ common illnesses เป็นนวัตกรรมใหม่ในระบบบัตรทองที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้ประชาชนผู้มีสิทธิ กรณีที่เจ็บป่วยเล็กน้อยรับการรักษาดูแลโดยเภสัชกรที่ร้านยา...ไม่ต้องไปใช้สิทธิรับบริการที่โรงพยาบาลซึ่งที่มาของบริการนี้เนื่องจากผลการสำรวจพฤติกรรมการรับบริการสุขภาพที่พบว่ากรณีที่ประชาชนมีอาการเจ็บป่วยเล็กน้อย ส่วนหนึ่งจะซื้อยาจากร้านยามากินเอง สปสช. จึงได้ร่วมมือกับสภาเภสัชกรรม เพื่อให้ผู้ป่วยกลุ่มนี้สามารถใช้สิทธิบัตรทองในการรับบริการได้และเป็นอีกหนึ่งทางเลือกบริการสุขภาพของเราบริการ “common illnesses” โดยร้านยาที่ สปสช.ดำเนินการเป็นบริการสุขภาพที่มีคุณภาพและมาตรฐาน ร้านยาที่เข้าร่วมให้บริการ นอกจากต้องผ่านมาตรฐาน GPP ของกระทรวงสาธารณสุขแล้ว ยังต้องเข้าร่วมเป็นร้านยาคุณภาพตามเกณฑ์ที่สภาเภสัชกรรมกำหนดด้วย นอกจากนี้ยังต้องเข้ารับการอบรมเพื่อดูแลผู้ป่วยที่เจ็บป่วยเล็กน้อย เช่น วิธีซักถามอาการ วิธีการดูแลติดตามและวิธีการจ่ายยาให้ผู้ป่วย เป็นต้น ซึ่งทุกร้านยาที่เข้าร่วมต้องผ่านการสอบเพื่อรับใบประกาศนียบัตรรับรองในการให้บริการดูแลโรคทั่วไปสำหรับวิธีการเข้ารับบริการนั้น เริ่มจาก...“คนไข้” ติดต่อไปยังสปสช. ผ่านสายด่วน สปสช. 1330 เจ้าหน้าที่แนะนำร้านยาชุมชนอบอุ่นใกล้บ้านเพื่อเข้ารับบริการ ถัดมา...ดูรายชื่อร้านยาใกล้บ้านที่เข้าร่วมโครงการได้ที่เว็บไซต์ สปสช. https://www.nhso.go.th/downloads/204 หรือสังเกตสติกเกอร์ติดหน้าร้านยาภายใต้ชื่อ “ร้านยาคุณภาพของฉัน” ให้บริการเจ็บป่วยเล็กน้อยหลังจากนั้นเมื่อผู้ป่วยมาที่ร้านยา ให้นำบัตรประจำตัวประชาชนไปด้วย กรณีเด็กเล็กที่ยังไม่มีบัตรประชาชนใช้สำเนาสูติบัตรหรือใบเกิดพร้อมกับบัตรประชาชนของผู้ปกครอง เภสัชกรจะคัดกรองสิทธิคนไข้ว่าจะสามารถรับบริการตามสิทธิบัตรทองได้หรือไม่ หากมีสิทธิก็รับการดูแลโดยเภสัชกรซึ่งจะให้คำแนะนำและให้ยารักษาตามอาการ หรือแนะนำให้พบแพทย์ในกรณีที่มีอาการที่ต้องได้รับการรักษาจากแพทย์ และเมื่อจ่ายยาไปแล้วยังมีการติดตามอาการต่ออีกภายใน 72 ชั่วโมงถึงจะปิดเคสได้ และระหว่างนั้นหากคนไข้อาการไม่ดีขึ้น ร้านยาก็จะมีระบบส่งต่อไปพบแพทย์ต่อไปนี่คือแนวทางบริการดูแลอาการการเจ็บป่วยเล็กน้อย (common illnesses) ในร้านยาที่เข้าร่วมเป็นหน่วยบริการ พร้อมให้คำปรึกษาการใช้ยาโดยเภสัชกรที่หากลดจำนวน “ผู้ป่วย” เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลได้ก็เท่ากับว่าจะเป็นการแบ่งเบา ลดภาระงาน “หมอ... พยาบาล...เจ้าหน้าที่” ลงไปได้.