“ก้าวไกล” ชักธงรบคดี “พิธา” ถือหุ้นสื่อไอทีวี “ชัยธวัช” แฉกระบวนการสกัด “ทิม” นั่งนายกฯ-ตั้งรัฐบาล ซัดมีไอ้โม่ง ตัวใหญ่ชักใย สร้างหลักฐานเท็จแก้เอกสารการประชุมผู้ถือหุ้น ไอทีวี ปี 66 ไม่ตรงกับคลิปบันทึกที่ประชุม แก้ไขเติมข้อความ ในงบการเงินให้มีรายได้ปี 65 จากสื่อโฆษณามั่นใจไม่มีหลักฐานพอเอาผิด ม.151 ขู่ฟ้องกลับเอาคืนขบวนการปลุกผีไอทีวี บ.อินทัชฯ เต้นแจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯ สั่งกรรมการและฝ่ายจัดการไอทีวี สอบข้อเท็จจริงเอกสารวงประชุมผู้ถือหุ้นไม่ตรงกัน “นพรุจ” หยันวาทกรรม มโนฟื้นไอทีวีโค่น “พิธา” ลุยยื่นคำร้องใหม่ฟันโอนหุ้น หลังเลือกตั้ง ยกคดี “สุรโชค” ถือหุ้น อสมท.แค่ 1 หุ้น 5 บาท ก็ผิดแล้ว “ทนายอั๋น บุรีรัมย์” โผล่ร้องสอย “เรืองไกร” ร้องเท็จ “สมชัย” แนะรีบส่งคลิปให้ กกต.ใช้เป็นหลักฐานสำคัญพลิกคดี ป.ป.ช.ชี้ หน.ก้าวไกลยังไม่ยื่นทรัพย์สินกรณีพ้น ส.ส. จับตาเข้มถือครองหุ้นไอทีวีคำร้องกรณีนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลและแคนดิเดตนายกฯของพรรค ก.ก. ถือครองหุ้นไอทีวี มีการต่อสู้กันอย่างเข้มข้น ล่าสุดนายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรค ก.ก. ออกมาแถลงตอกย้ำมีกระบวนการพยายามฟื้นสถานะความเป็นสื่อให้บริษัทไอทีวี ระบุมีการสร้างหลักฐานเท็จแก้ไขเอกสารการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2566 ไม่ตรงกับคลิปบันทึกการประชุมที่มีสื่อมวลชนนำมาเผยแพร่ก.ก.โวยพิรุธคลิปถกผู้ถือหุ้นไอทีวีเมื่อเวลา 11.45 น. วันที่ 12 มิ.ย. ที่พรรคก้าวไกล (ก.ก.) นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรค ก้าวไกล แถลงข่าวถึงคดีกล่าวหานายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรค ก.ก. ถือครองหุ้นบริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น ITV ว่า สืบเนื่องจากการรายงานข่าวของรายการข่าวสามมิติ เมื่อวันที่ 11 มิ.ย. มีข้อมูลที่มีนัยสำคัญมาก 2 ประการ ดังนี้ ประการแรก ความขัดแย้งระหว่างคลิปการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2566 ของ ITV เมื่อวันที่ 26 เม.ย.66 กับรายงานการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 66 ในประเด็นว่า ITV ยังดำเนินกิจการเกี่ยวกับสื่อหรือไม่ ถ้าดูคลิปการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 66 ของ ITV เมื่อวันที่ 26 เม.ย.เกิดขึ้นหลังการรับสมัครรับเลือกตั้ง ปี 66 ปรากฏข้อเท็จจริงว่านายภาณุวัฒน์ ขวัญยืน ในฐานะผู้ถือหุ้นฯ ได้ถามในที่ประชุมว่า บริษัทมีการดำเนินกิจการเกี่ยวกับสื่อหรือทีวีหรือไม่ นายคิมห์ สิริทวีชัย ประธานคณะกรรมการบริษัทฯ ในฐานะประธานในที่ประชุม ตอบชัดเจนว่าตอนนี้บริษัทยังไม่มีการดำเนินการใดๆ รอผลคดีความให้สิ้นสุดก่อน แต่ในเอกสารการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 66 ของ ITV กลับบันทึกไม่ตรงกับคลิปการประชุมอย่างสิ้นเชิงว่านายคิมห์ได้ตอบคำถามนายภาณุวัฒน์ว่าปัจจุบันบริษัทยังดำเนินกิจการอยู่ตามวัตถุประสงค์ของบริษัท มีการส่งงบการเงินและยื่นแบบภาษีเงินได้นิติบุคคลตามปกติแฉตัวละครร่วมกันปั้นหลักฐานเท็จนายชัยธวัชกล่าวอีกว่า หลังจากมีการจัดทำรายงานการประชุมสามัญฯดังกล่าวออกมา นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรค พปชร. นำเอกสารนี้ใช้เป็นหลักฐานสำคัญยื่นร้อง กกต.ตรวจสอบการถือหุ้น ITV ของนายพิธา เมื่อวันที่ 10 พ.ค.66 ก่อนนายเรืองไกร ร้อง กกต. นายนิกม์ แสงสิรินาวิน ผู้สมัคร ส.ส.กทม.พรรคภูมิใจไทย (ภท.) โพสต์เฟซบุ๊กก่อนการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นของ ITV 2 วันว่า นักการเมืองที่ถือหุ้น ITV เตรียมประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี และมอบตัว กกต.ด้วย หัวหน้าพรรคหนึ่งถือ 42,000 หุ้น โพสต์ดังกล่าวทำให้เป็นที่น่าสงสัยว่ามีการวางแผนจะให้นายภาณุวัฒน์ ผู้ถือหุ้นที่ได้รับการโอนหุ้นจากนายนิกม์ และเป็นผู้จัดการคลินิกครอบครัวของนายนิกม์ไปตั้งคำถามในที่ประชุมผู้ถือหุ้น ITV เพื่อต้องการให้ผู้บริหารตอบว่า ITV ยังดำเนินกิจการสื่อมวลชนอยู่ใช่หรือไม่ แต่เมื่อนายคิมห์ตอบว่า ตอนนี้ ITV ยังไม่มีการดำเนินกิจการสื่อ ภายหลังกลับมีการบันทึกการประชุมให้เข้าใจได้ว่า ปัจจุบัน ITV ยังดำเนินกิจการสื่ออยู่ พฤติกรรมเช่นนี้เข้าข่ายการทำรายงานการประชุมผู้ถือหุ้นเท็จหรือไม่ ถ้าเป็นจริงจะผิดตามกฎหมายหลายฉบับรายงานไม่ตรงปกสกัด “พิธา” หรือไม่“เรื่องนี้เป็นประเด็นสำคัญ ผู้มีอำนาจใน ITV รวมถึงนายจิตชาย มุสิกบุตร กรรมการบริษัท ในฐานะกรรมการผู้สอบทานและแก้ไขรายงานการประชุม ต้องตอบสังคมให้ชัดเจน เป็นที่น่าสังเกตว่านายจิตชาย ยังเป็นผู้บริหารสายงานกฎหมายและเลขานุการบริษัทของบริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ INTUCH ที่เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของ ITV ทำให้มีคำถามว่า บมจ.อินทัชรับรู้หรือเกี่ยวข้องกับการแก้ไขรายงานให้ไม่ตรงกับข้อเท็จจริงในการประชุมหรือไม่ เป็นแค่หนึ่งในข้อพิรุธที่นายพิธาได้เคยตั้งคำถามไว้ว่านี่คือความพยายามฟื้นคืนชีพ ITV ให้กลับมาเป็นสื่อมวลชนเพื่อสกัดกั้นการตั้งรัฐบาลตามฉันทานุมัติประชาชนผ่านการเลือกตั้งหรือไม่ พฤติกรรมเช่นนี้อาจเข้าข่ายกระทำการอันเป็นเท็จเพื่อจะแกล้งให้ผู้สมัคร ส.ส.ถูกเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง มีความผิดตามมาตรา 143 ของ พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.อีกด้วย” นายชัยธวัชกล่าว ยื่น สบช.3 วันเดียวกับที่ “เรืองไกร” ร้อง กกต.นายชัยธวัชกล่าวอีกว่า ประการที่ 2 คือความขัดแย้งระหว่างคลิปการประชุมกับแบบนำส่งงบการเงิน (สบช.3) ที่ ITV ยื่นต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เมื่อวันที่ 10 พ.ค.66 รวมถึงเอกสารงบการเงินไตรมาสแรกของปี 66 ของ ITV โดยการแก้ไขคำตอบของนายคิมห์ ประธานในที่ประชุมต่อนายภาณุวัฒน์ จากบริษัทยังไม่มีการดำเนินการใดๆรอผลคดีความให้สิ้นสุดก่อน กลายเป็นบริษัทยังดำเนินกิจการอยู่ ตามวัตถุประสงค์ของบริษัท และมีการส่งงบการเงิน และยื่นแบบภาษีเงินได้นิติบุคคลตามปกติ เกิดข้อสงสัยว่าเรื่องนี้มีความเกี่ยวข้องกับแบบนำส่งงบการเงิน สบช.3 ที่ ITV ได้ยื่นต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้าในวันที่ 10 พ.ค. ก่อนวันเลือกตั้งเพียง 4 วัน และเป็นวันเดียวกันกับที่นายเรืองไกร ไปยื่นร้องต่อ กกต.หรือไม่ปธ.ไม่รู้ แต่ระบุรายได้จากสื่อได้หรือนายชัยธวัชกล่าวอีกว่าในปีบัญชี 63-64 มีการระบุประเภทธุรกิจว่าสื่อโทรทัศน์ แต่ในส่วนสินค้าและบริการ ระบุว่าปัจจุบันไม่ได้ดำเนินการเนื่องจากติดคดีความ แต่สิ้นปี 65 กลับมีการแก้ไขข้อความเติมมาว่า สินค้าหรือบริการเป็นสื่อโฆษณาด้วย การเปลี่ยนแปลงในแบบ สบช.3 หลังสุดของ ITV ดังกล่าว ขัดแย้งกับการตอบของนายคิมห์ ประธานที่ประชุมผู้ถือหุ้น ณ วันที่ 26 เม.ย.66 ที่ผู้ถือหุ้นถามว่าหากมีคดีความต่างๆจนเสร็จสิ้นเรียบร้อย บริษัทจะมีปันผลหรือไม่ บริษัทมีแผนดำเนินการธุรกิจต่อไป หรือจะเข้าตลาดหลักทรัพย์อีกหรือไม่ บริษัทมีแผนชำระบัญชี หรือกิจการคืนเงินแก่ผู้ถือหุ้นหรือไม่ นายคิมห์ตอบว่าผลของคดีเป็นจุดสำคัญที่สุดของบริษัท ถ้าผลคดียังไม่ได้ออกมา มันเป็นไปได้ยากมากที่จะดำเนินการใดๆกับ ITV ในอดีตที่ผ่านมา ITV ว่าจ้างที่ปรึกษาการเงินมาดูทางเลือกต่างๆ ยังไม่มีทางเลือกใดที่เหมาะสม ทั้งหมดทั้งมวลต้องรอผลของคดี ถ้าผลคดีสิ้นสุดลงแล้ว บริษัทจะพิจารณาทางเลือกที่เหมาะสมให้ผู้ถือหุ้นต่อไป ไม่ว่าการพิจารณา จ่ายเงินปันผลอย่างไร จะดำเนินธุรกิจต่อไปหรือไม่ อย่างไร หรือจะชำระบัญชีอย่างไร ทางเราจะพิจารณาทางเลือกที่มีอยู่ทั้งหมด และเลือกทางเลือกที่เหมาะสมให้กับผู้ถือหุ้นต่อไป นี่คือคำตอบของประธานในที่ประชุมผู้ถือหุ้นของ ITV“คำตอบของนายคิมห์แสดงให้เห็นว่า ณ วันที่ 26 เม.ย.66 นายคิมห์ ประธานที่ประชุมผู้ถือหุ้น และประธานกรรมการบริษัท มิได้ทราบข้อเท็จจริงว่า ITV ประกอบกิจการสื่อโทรทัศน์ และมีรายได้จากสื่อโฆษณา นายคิมห์เป็นประธานกรรมการบริษัท แล้วจะเป็นไปได้อย่างไรว่าแบบ สบช.3 ปี 66 ที่ ITV นำส่งหลังประชุมผู้ถือหุ้นไม่กี่วันเมื่อ 10 พ.ค.66 จะระบุว่ารายได้ ITV ปี 65 มาจากสื่อโทรทัศน์ โดยสินค้าหรือบริการคือสื่อโฆษณา เป็นไปได้อย่างไร มิพักต้องพูดตอบผู้ถือหุ้นเรื่องแนวโน้มปิดบัญชีบริษัทหลังทราบผลคดีด้วยซ้ำ” นายชัยธวัชกล่าวซัดแก้เอกสารให้มีรายได้จากสื่อโฆษณานายชัยธวัชกล่าวด้วยว่า และเป็นไปได้อย่างไรที่ ITV จะมีรายได้จากผู้ให้บริการสื่อโฆษณาในช่วงไตรมาส 2 ของปีนี้ ทั้งๆที่ในวันประชุมใหญ่ผู้ถือหุ้น ในวันที่ 26 เม.ย.ที่ผ่านมา อยู่ช่วงไตรมาส 2 เป็นช่วงเวลารายงานฐานะการเงิน นายคิมห์ในฐานะประธานกรรมการบริษัท ยังตอบผู้ถือหุ้นว่า ITV ยังไม่มีการดำเนินการใดๆ ต้องรอผลคดีความให้สิ้นสุดเสียก่อน ชัดเจนว่าข้อความระบุในเอกสารงบการเงิน ขัดแย้งกับสิ่งที่นายคิมห์กล่าวในที่ประชุมผู้ถือหุ้นอย่างชัดเจน เพราะถ้า ITV มีแผนธุรกิจดังกล่าวจริง นายคิมห์ย่อมต้องแจ้งในที่ประชุมผู้ถือหุ้นตั้งแต่ 26 เม.ย.แล้ว ถึงความเป็นไปได้ในการที่จะมีแผนธุรกิจใหม่ แต่ปรากฏว่าหลังจากการประชุมผู้ถือหุ้นเพียง 2 วัน คือ 28 เม.ย. คณะกรรมการบริษัท กลับมีเอกสารบอกว่า มีมติรับทราบแผนธุรกิจใหม่ในช่วงไตรมาส 2/2566 และบริษัทจะรับรู้รายได้ภายในไตรมาส 2/2566 ซึ่งผิดวิสัย การดำเนินการเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อความในบันทึกรายงานการประชุมดังกล่าว ให้แตกต่างจากการตอบข้อซักถามตามคลิปการประชุม จึงไม่น่าจะใช่ความผิดพลาดโดยบังเอิญ หรือจัดทำเอกสารตามแบบแผนปกติ หากแต่เมื่อวิญญูชนได้ทราบพฤติการณ์ดังกล่าวแล้ว ย่อมสงสัยได้ว่า นี่เป็นการจงใจแก้ไขให้สอดรับกับบรรดาเอกสารต่างๆที่ได้ตกแต่งจัดทำขึ้นในภายหลังใช่หรือไม่เชื่อไม่มีหลักฐานพอเอาผิด ม.151 “พิธา”นายชัยธวัชกล่าวว่า พรรค ก.ก.ขอยืนยันว่าเราจะพยายามเต็มที่เพื่อปกป้องรักษาเสียงของประชาชนที่ผู้มีอำนาจสูงสุดของประเทศในระบอบประชาธิปไตยไว้ให้ได้ แม้จะมีความพยายามจากบุคคลบางกลุ่ม ใช้ประเด็นหุ้น ITV ส่งศาลรัฐธรรมนูญสั่งหัวหน้าพรรค ก.ก.หยุดปฏิบัติหน้าที่ ส.ส.ให้ได้ ก่อนประชุมรัฐสภาเพื่อโหวตเลือกนายกฯคนใหม่ พรรคเชื่อมั่นว่าอำนาจประชาชนจะได้รับชัยชนะในที่สุด กกต.รวมถึงองค์กรอื่นที่เกี่ยวข้องจะปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างบริสุทธิ์ยุติธรรม ตามเจตจำนงของรัฐธรรมนูญ ประกอบกับบรรทัดฐานของศาลรัฐธรรมนูญ และศาลฎีกาที่ผ่านมา ส่วนกรณี กกต.อาจดำเนินคดีกับนายพิธาในอนาคต ตามความผิดฐานรู้อยู่แล้วว่าไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง ตามมาตรา 151 ของ พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. มั่นใจว่าข้อกล่าวหานี้ ไม่มีพยานหลักฐานเพียงพอ เช่นเดียวกับ อสส.ไม่สั่งฟ้องนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ไปแล้วเมื่อ 30 พ.ย.65 คดีถือครองหุ้นบริษัท วีลัค มีเดีย จำกัด การเปิดโปงขบวนการปลุกผี ITV ต้องขอบคุณอดีตผู้สื่อข่าว ITV เก่า พิสูจน์แล้วว่าแม้ ITV จะยุติการดำเนินงานไปแล้วหลายปี แต่จิตวิญญาณสื่อมืออาชีพยังคงอยู่ในตัวผู้สื่อข่าวเหล่านั้นเสมอเตือนขบวนการปลุกผีเตรียมตัวถูกฟ้องนายชัยธวัชกล่าวถึงกรณีจะนำข้อมูลยื่นต่อ กกต.เพิ่มเติมหรือไม่ว่า เนื่องจากเรายังไม่ได้รับหนังสือจาก กกต.จึงยังตอบไม่ได้ ส่วนเอกสารหลักฐานต่างๆเราได้ติดตามมาอย่างต่อเนื่องอยู่แล้ว จึงมีความมั่นใจมาโดยตลอดว่าไม่มีปัญหาเรื่องคดีหุ้นไอทีวีแต่อย่างใด เมื่อถามว่าหลักฐานนี้จะไปหักล้างกรณีที่นายพิธาถือหุ้นไอทีวีได้หรือไม่ นายชัยธวัชกล่าวว่า คิดว่ามีส่วนสำคัญทำให้สังคมได้เห็นว่าเรื่องนี้ไม่ใช่การพยายามที่จะปกป้องเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญ ที่ไม่ต้องการให้นักการเมืองไปมีส่วนครอบงำสื่อเพื่อผลประโยชน์ในทางการเมือง แต่เป็นขบวนการที่พยายามหาเงื่อนไขมาขัดขวางการจัดตั้งรัฐบาลตามฉันทานุมัติของประชาชน นี่คือนัยสำคัญ เมื่อถามว่าเบื้องต้นเรื่องการถือหุ้นกับหลักฐานตัวนี้อาจไม่ได้หักล้างได้โดยตรง เพราะมีการถือหุ้นอยู่จริง การออกเอกสารมาภายหลังนี้จะไปแย้งอย่างไร ได้บ้าง นายชัยธวัชกล่าวว่า ถ้าฟังดีๆจะมีเนื้อหาบางส่วนที่มีนัยสำคัญมากในการพิสูจน์วินิจฉัยว่าตกลงไอทีวียังคงดำเนินธุรกิจสื่อมวลอยู่หรือไม่ อาจนำไปสู่การฟ้องร้องดำเนินคดีกับขบวนการปลุกผีไอทีวีโดยมิชอบด้วยกฎหมายหลายราย พรรคกำลังพิจารณาอยู่ว่าจะดำเนินคดีการทำเอกสารเท็จหรือไม่เห็นคนเบื้องหลังกลั่นแกล้งเอาคืนเเน่นายชัยธวัชกล่าวอีกว่า คลิปนี้พรรค ก.ก.ไม่เคยมีมาก่อน ได้เห็นพร้อมประชาชนทั่วประเทศ เห็นแล้วว่าใครเกี่ยวข้องบ้าง แต่ยังเร็วไปที่จะไปกล่าวหาใครคนใด คนหนึ่ง เมื่อถามว่าการสอบถามความเป็นสื่อของ ITV ในที่ประชุมเป็นความพยายามสร้างหลักฐานเท็จหรือไม่ นายชัยธวัชกล่าวว่า อย่างที่แถลงไปว่าพฤติการณ์ต่างๆทำให้เกิดข้อสงสัยได้ว่ามีความตั้งใจหรือวางแผนไว้แต่ต้นหรือไม่ที่จะชงคำถามเพื่อให้มีคำตอบในที่ประชุมผู้ถือหุ้น ITV ว่า ITV ยังดำเนินธุรกิจสื่อมวลชนอยู่ แต่ปรากฏว่าไม่ได้รับคำตอบที่อยากได้ รายงานการประชุมจึงถูกแก้ไขเปลี่ยนแปลงไปอีกแบบหนึ่ง จะมีพรรคการเมืองอยู่เบื้องหลังหรือไม่ ยังไม่ทราบ ส่วนจะดำเนินคดีผู้เกี่ยวข้องเมื่อใด ต้องรอข้อกฎหมายและความชัดเจนของพยานหลักฐานอีกครั้ง เรื่องอาจยังไม่จบแค่นี้ใจเย็นๆ ส่วนคนที่ไปร้องต่อองค์กรต่างๆ ตาม พ.ร.ป.การเลือกตั้ง ส.ส. มีฐานความผิดอยู่ ถ้าใครมีเจตนากระทำการกลั่นแกล้งให้ผู้ลงสมัคร ส.ส.มีคุณสมบัติขัดต่อกฎหมาย ถ้ามีความชัดเจนพรรคจะดำเนินการแน่นอน ความพยายามจะยื่นศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อให้มีคำสั่งให้นายพิธาหยุดปฏิบัติหน้าที่ก่อนโหวตนายกฯ เราคงต่อสู้อย่างเต็มที่ทั้งข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย เพื่อไม่ให้ไปถึงศาลรัฐธรรมนูญ เชื่อมั่นว่าตอนนี้คงไม่มีใครกล้ารวบรัดกระบวนการสอบสวนและฟ้องเรื่องนี้โดยรวบรัดได้อีก จะเห็นว่าสิ่งที่เกิดขึ้น สลับซับซ้อนอย่างยิ่ง ปูดไอ้โม่งตัวใหญ่-โจทก์อาจเป็นจำเลยเมื่อถามถึงกรณีที่นายสมชัย ศรีสุทธิยากร นักวิชาการตั้งข้อสังเกตว่า คลิปอาจมีกระตุกและนายนิกม์ แสงศิรินาวิน ผู้สมัคร ส.ส.พรรค ภท.และอดีตผู้สมัคร ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ ระบุเนื้อหาในคลิปคนละเรื่องและคนละช่วงกัน นายชัยธวัชกล่าวว่า น.ส.ฐปณีย์ เอียดศรีไชย ผู้สื่อข่าว 3 มิติ ได้ตอบคำถามไปแล้วว่าคลิปนี้ไม่ได้มีการตัดต่อ แต่ดีที่สุดบริษัทไอทีวีที่ผู้ถือหุ้นใหญ่คือ บมจ.อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด ควรรีบเปิดคลิปเต็มการประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อให้สังคมหายสงสัยเร็วที่สุด ไม่มีเหตุผลใดที่จะชะลอการเปิดคลิปอันนี้แม้แต่วินาทีเดียว กระบวนการเบื้องหลังเรื่องนี้ อดีตผู้สมัครพรรคอนาคตใหม่นั้นตัวเล็กไป มีใหญ่กว่านั้นอีก เมื่อถามว่านายเรืองไกร ระบุว่า คลิปนี้ไม่มีน้ำหนักพอจะเปลี่ยนแปลงข้อเท็จจริง ว่า ITV เป็นสื่อ นายชัยธวัชกล่าวว่า ใช่ เกี่ยวข้องกับเอกสารอีกหลายชิ้นที่ตนพูดถึง มีข้อสงสัยว่าสร้างเอกสารเท็จย้อนหลังหรือไม่ด้วย คราวนี้โจทก์อาจกลายเป็นผู้ต้องหา แล้วผู้ต้องหาอาจกลายเป็นโจทก์ ก็ได้ ถ้าเรื่องนี้กระจ่างจะไม่มีข้ออ้างใช้ประกอบการตัดสินใจโหวตเลือกนายกฯคนใหม่ สังคมกำลังรอคำตอบจาก ITV รวมถึงผู้บริหารสายงานกฎหมายของอินทัชฯในการตรวจสอบรายงานการประชุม และอีกหลายคนที่อาจเกี่ยวข้องกับเอกสารงบการเงินของ ITV หวังว่าจะนำไปสู่ความกระจ่างว่ามีขบวนการการทางการเมืองที่หวังผลใช้ ITV เป็นเงื่อนไขลบล้างเสียงของประชาชนในการเลือกตั้งหรือไม่“โรม” มั่นใจเชื่อ หน.ก้าวไกลพ้นผิดที่สำนักงานจเรตำรวจ ถนนรามอินทรา นายรังสิมันต์ โรม โฆษกพรรค ก.ก. กล่าวว่า ยืนยันพรรค พร้อมสู้คดีทุกรูปแบบ แม้จะมีกระบวนการทางการเมือง ที่จะทำให้ไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ มีบุคคลบางกลุ่มที่จะขาดผลประโยชน์หากพรรค ก.ก.ได้จัดตั้งรัฐบาล ตลอด 4 ปีที่ผ่านมามีการกลั่นแกล้งทางการเมืองมาตลอด การร้องเรียนเรื่องนี้หากพบปลอมแปลงเอกสารต้องดำเนินคดีตามกฎหมายกับผู้ปลอมแปลงเอกสารดังกล่าว เชื่อว่าคลิปวิดีโอการประชุมดังกล่าวไม่มีการตัดต่อ ผู้ที่เกี่ยวข้องต้องออกมาชี้แจง หากการแก้ไขข้อมูลในรายงานการประชุมผู้ถือหุ้นทำให้เอกสารเป็นเท็จ อาจส่งผลให้นายพิธาไม่สามารถลงสมัคร ส.ส.ได้มีอัตราโทษกับผู้กระทำ กรณี กกต.เตรียมดำเนินคดีนายพิธา ตามมาตรา 151 ไม่ได้กังวลอะไร นายพิธาพร้อมพิสูจน์ตัวเองตามกระบวนการ กฎหมายอินทัชฯสั่งเช็กบันทึกการประชุมวันเดียวกัน นายคิมห์ สิริทวีชัย กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ INTUCH แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ว่า ตามที่มีข่าวที่เกี่ยวข้องกับบริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) หรือ ITV บริษัทย่อย ที่ INTUCH ถือหุ้นอยู่ 52.92% ปรากฏตามสื่อต่างๆที่เกี่ยวข้องกับการประชุมผู้ถือหุ้นของ ITV ที่ผ่านมา เป็นที่สนใจต่อสาธารณชนจำนวนมากในขณะนี้นั้น ทางบริษัทได้รับทราบข้อมูลและได้ให้ทางคณะกรรมการและฝ่ายจัดการของ ITV ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงในประเด็นดังกล่าวที่เกิดขึ้น และหากมีประเด็นใดๆที่จะต้องดำเนินการให้สอดคล้องกับข้อเท็จจริง ทาง ITV จะดำเนินการให้เร็วที่สุด เพื่อให้มีความโปร่งใสเป็นธรรมตามหลักธรรมาภิบาลและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง“เศรษฐา” ไม่เห็นด้วยทำเอกสารปลอมเมื่อเวลา 10.30 น. ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯพรรคเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์กรณีสื่อมวลชนเปิดเผยคลิปการประชุมผู้ถือหุ้นไอทีวีไม่ตรงกับรายงานบันทึกการ ประชุมเรื่องสถานะไอทีวี ว่า ไม่เห็นด้วย หากมีการ ทำเอกสารปลอมต้องให้ความยุติธรรมกับนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรค ก.ก. หน้าที่เราคือเป็นพรรคเบอร์สอง เราเป็นกำลังใจให้คณะทำงานของพรรคร่วมรัฐบาลยังต้องทำงานต่อไป ส่วนโผ ครม.ที่มีชื่อตนเป็นรองนายกฯ ไม่จริงหรอก ไม่ได้อยู่ตรงนั้นแน่นอน และไม่ได้อยู่ในคณะที่ร่วมกับพรรค ก.ก.ในการจัดตั้ง ครม. เมื่อถามย้ำว่า หากมีการเสนอตำแหน่งนี้จริงๆ นายเศรษฐากล่าวว่า ไม่มีการคุย เป็นหน้าที่ของคณะกรรมการต้องไปคุยกัน หน้าที่ตนคือดูแลการรีแบรนด์พรรค พท.“อิทธิพร” เผยทีมไต่สวนเรียกข้อมูลได้นายอิทธิพร บุญประคอง ประธาน กกต.กล่าวว่า เรื่องคลิปที่ประชุมผู้ถือหุ้น ITV ไม่ตรงกับบันทึกรายงานการประชุมที่เผยแพร่ออกมานั้น มีคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนในการแสวงหาข้อเท็จจริงและรวบรวมพยานหลักฐานของ กกต.รับผิดชอบอยู่แล้ว เนื่องจาก กกต.ได้ตั้งคณะกรรมการสืบสวนไต่สวนขึ้นมาพิจารณาคดีคุณสมบัติตามมาตรา 151 ดังนั้น คณะกรรมการสืบสวนไต่สวนฯคงจะเรียกข้อมูลดังกล่าวจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาพิจารณาในส่วนนี้ด้วย “นพรุจ” ยื่นฟัน “พิธา” โอนหุ้นหลังเลือกตั้งเมื่อเวลา 10.00 น. ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายนพรุจ วรชิตวุฒิกุล อดีตแกนนำกลุ่มพิราบขาว 2006 ยื่นคำร้องขอให้ กกต.ตรวจสอบการถือครองหุ้นสื่อของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรค ก.ก. เข้าข่ายมีคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญมาตรา 98 (3) หรือไม่ใหม่อีกครั้ง หลัง กกต.ตีตกคำร้องที่ยื่นเกินเวลา โดยนายนพรุจระบุว่า เมื่อเป็นความปรากฏต่อ กกต.จึงสั่งดำเนินคดีอาญามาตรา 151 จึงมายื่นคำร้องให้ กกต.ตรวจสอบเป็นกรณีใหม่ ยื่นหลังการเลือกตั้ง ประเด็นนายพิธาโอนหุ้นให้บุคคลอื่นหลังการเลือกตั้ง หาก กกต.ไม่ดำเนินการหรือล่าช้า จะไปยื่นต่อ ส.ส. พร้อมข้อมูลหลักฐานให้เข้าชื่อ 1 ใน 10 คน ยื่นผ่าน ประธานรัฐสภา ส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัย และยื่นให้คณะกรรมการตรวจสอบหุ้นของวุฒิสภาตรวจสอบถ่วงดุลกับ กกต.ยกคดี “สุรโชค” ถือแค่ 1 หุ้นก็ผิดแล้วนายนพรุจกล่าวอีกว่า ส่วนการเปิดคลิปไอทีวี เชื่อมโยงความพยายามฟื้นไอทีวีให้เป็นสื่อ เป็นวาทกรรม และอาจเป็นมโน นายพิธามีสิทธิคิดและต่อสู้ แต่ทุกอย่างและข้อเท็จจริงจะปรากฏในชั้นศาล ข้อเท็จจริงแม้แต่หุ้นเดียวหรือปิดกิจการเหมือนวีลัค มีเดียของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ศาลจะตรวจดูว่าถ้าชื่อตรงกับสื่อมวลชน จะไม่แปลความเป็นอย่างอื่น แม้แต่ปิดกิจการไปแล้วต้องได้รับโทษ เช่น กรณีนายสุรโชค ทิวากร ผู้สมัคร ส.ส.พรรคไทยภักดี ถือหุ้นบริษัท อสมท. จำกัด มหาชนแค่ 1 หุ้น หุ้นละ 5 บาท ไม่มี โอกาสครอบงำสื่อเลยและไม่น่าจะเป็นไปได้ แต่ตาม กฎหมายเมื่อเข้ามาสมัครแล้ว คุณรู้อยู่แล้วแต่จงใจสมัครต้องได้รับโทษ เรื่องบริษัทไอทีวีปิดหรือไม่ปิด จะยื่นหลักฐานเพิ่มเติมหลัง กกต.ประกาศรับรอง ส.ส.ประกอบการพิจารณาโจทก์โผล่สอย “เรืองไกร” ร้องเท็จต่อมา เวลา 14.30 น. ที่สำนักงาน กกต.นาย ภัทรพงศ์ ศุภักษร หรือทนายอั๋น บุรีรัมย์ ยื่นคำร้องต่อ กกต.ให้สอบข้อเท็จจริงกรณีคำร้องของนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรค พปชร. ที่ยื่นร้องเรียนหุ้น สื่อไอทีวีของนายพิธา โดยนายภัทรพงศ์กล่าวว่า นายเรืองไกรได้เสนอหลักฐานอ้างว่านายพิธา เป็นผู้ถือหุ้นสื่อไอทีวีเป็นการส่วนตัว ไม่ใช่ถือในฐานะ ผู้จัดการมรดก ตนพบข้อมูลว่านายพิธา ถือหุ้นในฐานะ ผู้จัดการมรดกเท่านั้นไม่ได้ถือในนามส่วนตัว ล่าสุด มีการเปิดเผยคลิปการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นที่ระบุชัดเจนว่า บริษัทไอทีวีไม่ได้ดำเนินกิจการสื่อมวลชนอาจขัดต่อเอกสาร ที่นายเรืองไกรนำมาร้องอาจเข้าข่าย การกระทำผิดตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. มาตรา 143 ผู้ใดกระทำการอันเป็นเท็จให้ผู้อื่นเข้าใจผิดว่าผู้สมัครฝ่าฝืนและไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย อาจมี ความผิด ต้องโทษจำคุกในที่สุด อยากเรียกร้องให้ กกต.ปฏิบัติกับคำร้องของตนเช่นเดียวกับคำร้องของนักร้องคนอื่น“สมชัย” แนะดีที่สุดส่งคลิปให้ กกต.นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีต กกต.โพสต์เฟซบุ๊ก ว่า กรณีมีคลิปการประชุมผู้ถือหุ้นไอทีวี ไม่ตรงกับ บันทึกการประชุม ว่า ข้อแนะนำสำหรับหลักฐานใหม่ ไอทีวี 1.ผู้พบหลักฐานควรนำหลักฐานส่งมอบให้ กกต.โดยมีการลงนามรับรอง ให้ กกต.ใช้เป็นหลักฐาน พิจารณา ทั้งกรณีอาญามาตรา 151 และคดี ส.ส.ถือหุ้นสื่อที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต 2.หากไม่มีการส่ง จะให้ กกต.ถือเป็นความปรากฏจากข่าวรับรู้ทั่วไป กกต. นำไปพิจารณาเองได้หรือไม่ คำตอบคือได้และไม่ได้ ดีที่สุดคือต้องมีผู้นำส่งคลิปอย่างเป็นทางการ 3.ในกรณี กกต.ได้รับและเห็นว่าเป็นหลักฐานสำคัญ เชื่อถือได้ กกต.วินิจฉัยยุติเรื่อง ไม่มีการดำเนินคดีอาญา ไม่ส่งต่อ ศาลรัฐธรรมนูญ 4.คำแนะนำ ไม่ใช่คำชี้นำใดๆยกเป็นหลักฐานสำคัญใช้พลิกคดีต่อมานายสมชัยโพสต์เฟซบุ๊กอีกครั้งระบุว่า ดูคลิปเต็มจาก The Reporter (3 นาที) แล้ว มีการ Trim ออกเพียงเสี้ยววินาที ในช่วงต่อของคำถามคำตอบสำคัญ ทำให้ภาพกระตุก ช่วงเวลาดังกล่าวเรียกว่า dead air คือ ไม่มีการพูดเลยเฉือนทิ้งออก ทำให้ภาพกระตุก ดังนั้น คลิปนี้จึงเป็น หลักฐานสำคัญที่ต้องส่งให้ กกต.และทำให้การวินิจฉัยของ กกต.น่าจะมีทิศทางไปในทางที่ดีขึ้นมาก เจ้าของคลิปต้องนำส่ง กกต.โดย กกต.จะปิดชื่อเป็นความลับ ไม่มีผลเสียใดๆ แต่ต้องพร้อมเปิดตัวกับ กกต. หากไม่สะดวกให้นายพิธาส่งพร้อมรับรองก็น่าจะได้ ส่วนกรณีหากมีการจดรายงานการประชุมเป็นเท็จ หากเป็นจริงผู้ถือหุ้นและนายพิธา พรรคก้าวไกล สามารถเป็นผู้เสียหายฟ้องได้เผย “ทิม” ยังไม่ยื่นทรัพย์สินพ้น ส.ส.ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการ ป.ป.ช. กล่าวว่า มีอดีต ส.ส.ยื่นบัญชีทรัพย์สินต่อ ป.ป.ช.กรณีพ้นตำแหน่ง ส.ส.มาแล้ว 384 รายหรือ 70% เหลืออีกกว่า 100 คนยังไม่ได้ยื่น หลายรายขอขยายเวลายื่นบัญชีทรัพย์สินได้ 30 วัน จะครบกำหนดวันที่ 18 มิ.ย. ส่วนนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรค ก.ก. ยังไม่ได้ยื่น ทราบว่าขอขยายเวลา 30 วัน จะครบกำหนดวันที่ 18 มิ.ย. เมื่อถาม ว่ากรณีนายพิธาถูกสังคมจับตาเป็นพิเศษ ป.ป.ช.ต้องตรวจสอบเข้มข้นเป็นพิเศษหรือไม่ นายนิวัติไชยตอบว่า เป็นการตรวจสอบปกติ ไม่ได้เพ่งเล็ง ทุกคนต้องเข้าสู่กระบวนการ บรรทัดฐานเดียวกัน เป็นไปตามหลักการสแกนเข้มการถือครองหุ้นไอทีวีเมื่อถามว่ากรณีนายพิธายื่นทรัพย์สินเพิ่มในส่วนหุ้นไอทีวีมา ป.ป.ช.ตรวจสอบคืบหน้าอย่างไร นายนิวัติไชยตอบว่า อยู่ระหว่างการตรวจสอบ กรณีหุ้นไอทีวีนายพิธายื่นเพิ่มเติมภายหลังเมื่อเข้ารับตำแหน่ง ส.ส.ปี 62 และเมื่อมีข้อมูล มีข้อกล่าวหา ป.ป.ช.ต้องไปตรวจสอบข้อเท็จจริงว่าเป็นหุ้นไอทีวีหรือไม่ มีมูลค่าเท่าไร ยื่นในฐานะผู้จัดการมรดกตามที่มีหมายเหตุไว้หรือไม่ ส่วนที่นายพิธาโอนหุ้นไอทีวีไปแล้ว ป.ป.ช.ต้องคอยดูข้อมูลประกอบกรณียื่นบัญชีทรัพย์สินพ้นตำแหน่ง ส.ส.จะไปดูประกอบระหว่างวันเข้ารับตำแหน่งและพ้นจากตำแหน่ง เปรียบเทียบกัน เพื่อดูว่ายังมีหุ้นอยู่หรือไม่ แต่ นายพิธายังไม่ยื่นมาหากยื่นมาแล้วไม่มีหุ้นไอทีวี ต้องดูว่าหุ้นที่หายไปมีมูลค่าเท่าไร เจ้าหน้าที่อาจตรวจสอบเพิ่มเติมได้ ถ้าเห็นว่าเป็นสาระสำคัญ โฆษก ปชป.เตือนทุกฝ่ายอย่าชี้นำนายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวว่า กรณีหุ้นสื่อของหัวหน้าพรรค ก.ก.เมื่อมีการสงสัยเป็นหน้าที่โดยตรงของ กกต.ต้องไต่สวนให้กระจ่างชัด เมื่อไม่สามารถวินิจฉัยคุณสมบัติผู้สมัคร ส.ส.ในช่วงที่ยื่นสมัคร ส.ส.ได้ แต่เมื่อ กกต.ทราบเรื่องแล้วจำเป็นต้องตรวจสอบต่อไปตามกฎหมายกำหนดกรณีเมื่อได้ประกาศรับรองให้หัวหน้าพรรคก้าวไกลเป็น ส.ส.แล้ว หาก กกต.เห็นว่ามีคุณสมบัติต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญมีอำนาจยื่นศาลรัฐธรรมนูญได้ตามมาตรา 82 วรรคท้าย แห่งรัฐธรรมนูญ 2560 อีกช่องทางหนึ่ง ส.ส.อาจเข้าชื่อกันไม่น้อยกว่า 1 ใน 10 เพื่อให้ประธานสภาฯ ยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ทั้งหมดมีกระบวนการรองรับตามรัฐธรรมนูญทั้งหมด ทุกกรณีจะไปจบที่ศาลรัฐธรรมนูญ ไม่อยากให้มีการชี้นำไปก่อน จะทำให้ประชาชนสับสนม็อบเหลืองตบเท้าให้กำลังใจ ส.ว.เมื่อเวลา 10.00 น. ที่รัฐสภา นายประยูร จิตรเพ็ชร ประธานประชาชนคนรักในหลวง นำมวลชนสวมเสื้อเหลืองยื่นหนังสือถึง พล.อ.อกนิษฐ์ หมื่นสวัสดิ์ และนายศรีศักดิ์ วัฒนพรมงคล ส.ว. ให้กำลังใจและขอให้ไม่ลงมติสนับสนุนพรรคการเมืองที่ล้มล้างสถาบัน โดยนายประยูรกล่าวว่า การรวมตัวของกลุ่มประชาชนรักในหลวงไม่มีประเด็นการเมือง ไม่มีความรุนแรง เพียงแค่ต้องการมาให้กำลังใจ ส.ว.เท่านั้น และเรียกร้องวุฒิสภาไม่ให้ลงมติให้พรรคการเมืองที่คิดล้มล้างสถาบัน การรวมตัวของมวลชนถือเป็นบางส่วนเท่านั้น หากมีคนคิดล้มล้างสถาบันเกิดขึ้น กลุ่มประชาชนคนรักในหลวงจะออกมาชุมนุมเป็นหลักล้านคนส.ว.อาสาโซ่ข้อกลางดับไฟขัดแย้งนายศรีศักดิ์ วัฒนพรมงคล ส.ว.กล่าวว่า ส.ว.หลายคนเป็นห่วงสถานการณ์การเมืองขณะนี้ โดยเฉพาะกรณีมวลชนบางกลุ่มเตรียมเคลื่อนไหวชุมนุมบนถนน หากนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ไม่ได้รับโหวตเป็นนายกฯ ส.ว.ไม่อยากเห็นบ้านเมืองตกอยู่ในสภาวะวิกฤติเหมือนอดีต ไม่อยากเห็นประชาชนทะเลาะถึงขั้นเสียชีวิต บาดเจ็บ พิการ คนไทยหลายคนเบื่อหน่ายสิ่งเหล่านี้ หากกลุ่มสนับสนุนนายพิธาลงถนน จะมีมวลชนอีกกลุ่มออกมาเช่นกัน โดยเฉพาะหากมีการพาดพิงถึงสถาบัน จึงได้หารือกันว่า ควรมีใครสักคนหรือหน่วยงานใดเป็นตัวกลางให้มวลชนทั้ง 2 กลุ่ม จับเข่าคุยกัน เบื้องต้นได้สอบถามตัวแทนกลุ่มประชาชนผู้รักในหลวงที่เดินทางมาให้กำลังใจ ส.ว.ว่า พร้อมเปิดใจรับฟังเหตุผลอีกฝ่ายหรือไม่ ได้รับคำยืนยันว่า พร้อมพูดคุย ไม่มีปัญหา เราจะส่งตัวแทนไปหารืออีกฝ่ายเช่นกันว่า ยินดีที่จะวางอคติแล้วมาพูดคุยกันบนเหตุผล ข้อเท็จจริงหรือไม่“อกนิษฐ์” ชง กมธ.ตัวกลางดึง 2 ฝ่ายคุยพล.อ.อกนิษฐ์ หมื่นสวัสดิ์ ส.ว. กล่าวว่า ส.ว.เป็นผู้ทรงคุณวุฒิ มีวุฒิภาวะดี เชื่อว่าทุกคนจะทำงานเพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เพื่อประโยชน์สูงสุดประเทศ การโหวตเลือกนายกฯของ ส.ว.จะตัดสินใจบนผลประโยชน์ประเทศ และประชาชนเป็นหลัก ยังเร็วเกินไปที่จะตอบเรื่องจุดยืนของ ส.ว.เพราะยังไม่ชัดเจนเรื่องคนที่เป็น ส.ส. กกต.ยังไม่รับรอง สเปกคนเป็นนายกฯต้องเป็นคนเก่งและคนดีคู่กัน ไม่ใช่เก่งแล้วไม่ดี หรือดีแล้วไม่เก่ง ต้องเก่งและดี การพยายามกดดันให้ ส.ว.โหวตเลือกนายกฯ จากพรรคที่ได้คะแนนอันดับ 1 ไม่ใช่ว่าเสียงอันดับ 1 ต้องเป็นนายกฯ คนที่ได้รับเลือกตั้งอันดับ 1 ไม่ใช่เสียงส่วนใหญ่ หลายคนเข้าใจผิด เสียงส่วนใหญ่กับเสียงส่วนน้อยเป็นขั้นตอนข้างหน้า ยังไม่รู้ว่าเสียงส่วนใหญ่เป็นใคร เพียงแต่วางแผนกันเท่านั้น ตนพร้อมรับฟังทุกพรรค เป็นเพื่อนทุกพรรค แต่ฝ่าย ส.ส.ไม่นิ่ง จึงตัดสินใจอะไรไม่ได้ ในฐานะประธานกรรมาธิการบริหารราชการแผ่นดิน วุฒิสภา พร้อมนำแนวคิดเรื่องการนำคู่ขัดแย้ง 2 ฝ่ายหารือกันในที่ประชุม กมธ. พร้อมเป็นตัวกลางประสาน 2 ฝ่ายมาคุยกัน ไม่ให้ประเทศติดหล่มวังวนเดิมๆ หาก 2 ฝ่ายเผชิญหน้ากันเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่ปะทะ จึงควรมาหารือกับก่อนจะเลือกนายกฯสมช.ถกรับมือม็อบวันโหวตนายกฯเมื่อเวลา 12.30 น.ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.สุพจน์ มาลานิยม เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ให้สัมภาษณ์หลังการประชุมฝ่ายความมั่นคงถึงสถานการณ์ช่วงเปลี่ยนผ่านรัฐบาลว่า ในที่ประชุมสมช.ได้คุยกัน ทั้งการชุมนุม ความขัดแย้งทางการเมือง การก่อความไม่สงบ เจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นกลไกหลัก และ ผบ.ตร.รับทราบเตรียมการมาอย่างต่อเนื่อง ต้องพร้อมรับมือกับการปลุกระดมกดดันการโหวตนายกฯคนใหม่ ถ้าชุมนุมโดยสงบ ตำรวจต้องดูแลอำนวยความสะดวกให้ปลอดภัยกับทุกฝ่าย แต่หากก่อเหตุร้ายเหตุรุนแรงต้องเข้าไปยุติเหตุ เมื่อถามว่าคนโพสต์ปลุกระดมผ่านโซเชียลมีความผิดหรือไม่ พล.อ.สุพจน์ตอบว่าถือเป็นการแสดงความเห็นและเชิญชวน เหตุยังไม่เกิด แต่เจ้าหน้าที่ต้องติดตามต่อไป ประเทศไทยจะเดินหน้าทุกมิติอย่างราบรื่น ต้องมีรัฐบาลที่มั่นคง จะเป็นที่มั่นใจของภาคเศรษฐกิจ ถ้าทุกฝ่ายเดินหน้าไปตามกรอบกฎหมายเราน่าจะไปได้ดีผบ.ตร.พบ “ลุงตู่” แจง ก.ม.อุ้มหายด้านความเคลื่อนไหวของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เมื่อเวลา 09.30 น. พล.อ.ประยุทธ์เข้าปฏิบัติภารกิจที่ทำเนียบรัฐบาลตามปกติ มี พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. เข้าพบหารือเกือบ 2 ชั่วโมง จากนั้น พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์เปิดเผยทางโทรศัพท์ว่า มารายงานความคืบหน้ากรณีศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า พ.ร.ก.แก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการซ้อมทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหายขัดรัฐธรรมนูญ โดยนายกฯไม่มีข้อกังวลอะไร กำชับให้ตำรวจปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์เปิดเผยว่า นอกจากนี้ นายกฯหารือประเด็นความมั่นคงอื่นๆ“ลุงป้อม” ลุยตรวจงานเพชรบูรณ์ที่ จ.เพชรบูรณ์ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง และ พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รมช.กลาโหม ลงพื้นที่ตรวจราชการ มี 6 ว่าที่ ส.ส.เพชรบูรณ์ รอต้อนรับ โดยไปทำพิธีมอบหนังสืออนุญาตเข้าทำประโยชน์ หรืออยู่อาศัยภายในป่าสงวนแห่งชาติ ให้ผู้ได้รับคัดเลือก และมอบหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ในเขตปฏิรูปที่ดิน (ส.ป.ก.4-01) ป่าเขาโปลกหล่น ต.ทุ่งสมอ และ ต.แคมป์สน อ.เขาค้อ 231 คน 261 แปลง รวม 1,722 ไร่ ที่ที่ว่าการอำเภอหนองไผ่ ก่อนติดตามความคืบหน้าการก่อสร้างระบบส่งน้ำอ่างเก็บน้ำคลองลำกง ต.วังท่าดีสมช.ถกปม นศ.แยกดินแดนที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.สุพจน์ มาลานิยม เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ประชุมหารือกรณีขบวนการนักศึกษาแห่งชาติ จัดทำโพลหัวข้อให้ปาตานีแยกออกมาปกครองตัวเองจากรัฐไทย โดย พล.อ.สุพจน์กล่าวหลังหารือว่า เจ้าหน้าที่หน่วยความมั่นในพื้นที่ ทั้งกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรภาค 4 ส่วนหน้า (กอ.รมน. ภาค 4 สน.) และตำรวจภาค 9 กำลังตรวจสอบข้อมูลในเนื้อหาสาระของกิจกรรม และผู้เกี่ยวข้องทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลัง และดูข้อมูลผลผลิตต่างๆที่ปรากฏต่อสื่อ และโซเชียลมีเดียว่ากระทำที่ผิดกฎหมายเรื่องใดบ้าง อย่างยุติธรรมไม่มีเจตนาจ้องดำเนินการต่อผู้กระทำผิด เท่าที่ทราบมีพรรคการเมืองเกี่ยวข้องด้วย ตรงนี้ขอให้เจ้าหน้าที่เป็นผู้ดำเนินการ มีการหาเสียงค่อนข้างจะสุดโต่งแรงและหลายเรื่องที่ สมช.กังวล แต่หลังผลการเลือกตั้งคิดว่านโยบายเหล่านั้นจะนุ่มนวลลง สมช.ยังไม่ได้คุยกับหัวหน้าพรรคที่หาเสียงลักษณะนั้น แต่น่าจะทราบ นโยบายแก้ปัญหาชายแดนภาคใต้ของรัฐบาลอยู่แล้ว“ท็อป-ผึ้ง” โชว์คลังสมบัติอื้อซ่าวันเดียวกัน สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เปิดเผยบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองหลายราย กรณีพ้นจากตำแหน่ง ส.ส. อาทิ นายวราวุธ ศิลปอาชา หัวหน้าพรรค ชทพ. มีทรัพย์สิน 826,090,160 บาท เป็นของนายวราวุธ 655,257,138 บาท ของนางสุวรรณา ศิลปอาชา คู่สมรส 159,709,597 บาท นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ มี 184,916,065 บาท เป็นของนายมงคลกิตติ์ 168,635,141 บาท ของ น.ส.พัทธนันท์ ฤทธิ์ชัยเรืองเดช คู่สมรส 16,260,082 บาท น.ส.ศุภมาส อิศรภักดี พ้นจาก ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภท.มี 1,581,609,233 บาท เป็นของ น.ส.ศุภมาส 150,961,768 บาท ของ พ.ต.อ.ล้ำพันธุ์ พรรธนประเทศ คู่สมรส 1,430,647,465 บาท และนายประภัตร โพธสุธน พ้นจาก ส.ส. สุพรรณบุรี พรรค ชทพ.มี 93,433,313 บาท นายสุชาติ ตันเจริญ พ้นจาก ส.ส.ฉะเชิงเทรา พรรค พปชร.มี 53,515,557 บาท และ พ.อ.เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ พ้นจาก ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรค ภท. มี 107,339,909 บาทลูกจ้าง สธ.ร้อง พท.ช่วยเพิ่มสวัสดิการที่พรรคเพื่อไทย ตัวแทนสมาคมลูกจ้างส่วนราชการและผู้รับบำเหน็จรายเดือน และสมาคมลูกจ้างสาธารณสุข นำโดยนายวิชาญ ชัยชมภู นายกสมาคมลูกจ้างฯ ยื่นหนังสือเพื่อให้ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย สนับสนุนร่างแก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.ฎ.เงินสวัสดิการเกี่ยวกับการรักษาพยาบาล พ.ศ.2553 และเสนอแก้ไขเพิ่มเติมระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยบำเหน็จลูกจ้าง (ฉบับที่ 8) พ.ศ.2552 นายวิชาญกล่าวว่า ขณะนี้มีลูกจ้างประจำส่วนราชการ 5.3 หมื่นคน และผู้รับบำเหน็จรายเดือน 8.4 หมื่นคน เดือดร้อนจากนโยบายรัฐที่ให้สิทธิไม่เท่าเทียมกัน โดยเฉพาะเรื่องการรักษาพยาบาลกับลูกจ้างประจำเมื่อเกษียณอายุราชการไม่ครอบคลุมเหมือนข้าราชการมายาวนานเป็น 10 ปี จึงมายื่นเรื่องกับพรรค พท.ช่วยผลักดันการแก้ปัญหา ขณะที่ นพ.ชลน่านกล่าวว่า พรรค พท.พร้อมผลักดันเรื่องดังกล่าวเข้าสู่สภาฯหลังได้เป็นรัฐบาลแล้วรอลงอาญา “กวิ้น” จัดม็อบ “ใครไม่ทนฯ”ที่ศาลอาญาศาลนัดฟังคำพิพากษาในคดีที่พนักงานอัยการยื่นฟ้องนายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน กับพวกรวม 12 คน กรณีกลุ่มผู้ชุมนุมทางการเมืองในนามกลุ่มเยาวชนปลดแอก จัดกิจกรรมชุมนุม “ใครไม่ทนให้ไปกันที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย” เมื่อวันที่ 18 ก.ค.63 ต่อมาพนักงานอัยการโจทก์ฟ้องจำเลยทั้ง 12 คนเป็นคดีหมายเลขดำที่ 1688/2564 และคดีหมายเลขดำที่ 2763/2564 ศาลนำ 2 สำนวนนี้มาพิจารณารวมกัน จำเลยทั้ง 12 คนให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา พิพากษาจำเลยทั้งหมดมีความผิดตาม พ.ร.บ.รักษาความสะอาด และความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมืองและ พ.ร.บ.จราจรทางบก การกระทำของจำเลยทั้งหมดเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป รวมจำคุกจำเลยคนละ 2 เดือน ปรับคนละ 2,000 บาท ไม่ปรากฏจำเลย ทั้งหมดเคยรับโทษจำคุกมาก่อน เห็นควรให้รอการลงโทษจำคุกไว้ 2 ปี