ชักน่าเป็นห่วงว่าชะตากรรมของเหล่าทหารหาญยูเครนจะเป็นเช่นไร หลังปรากฏภาพอย่างชัดเจนว่า ปฏิบัติการตีโต้ครั้งใหญ่ที่ทุกฝ่ายรอคอย อาจไม่เป็นไปตามเป้าหมายโดยจากข้อมูลที่สื่อมวลชนพอจะทราบคือ เป็นการเจาะแนวป้องกันของรัสเซียที่จังหวัดซาโปริชเชียทางภาคใต้ยูเครน ที่กินแดนไปได้ไม่ถึง 2 กิโลเมตร ยังคงอยู่ที่ปราการชั้นที่ 1 ซึ่งฝ่ายรัสเซียวางไว้ถึง 5 ชั้น ยังไม่มีหลัก หรือสามารถสร้าง “หัวหาด” เพื่อทำการรุกคืบต่อไป ในตัวจังหวัดได้ชัดเจนบ่งชี้ให้เห็นว่า งานนี้ไม่ราบรื่นแต่อย่างใด ซึ่งก็สะท้อนออกมาด้วยภาพรถถังเลพเพิร์ด 2A6 รุ่นใหม่ จากเยอรมนี ยานเกราะแบรดลีย์-รถหุ้มเกราะแม็กซ์โปรจากสหรัฐฯ พังเสียหายเกลื่อนทุ่งสังหารมีรายงานอ้างแหล่งข่าวความมั่นคงว่าการบุกที่ดำเนินการผ่านมา 1 สัปดาห์แล้ว ดูเหมือนว่าจะได้รับอิทธิพลมาจากตำรากลยุทธ์ของยุโรป นั่นคือการบุกโจมตีแบบหัวหอก ทุ่มกำลังส่วนใหญ่เข้าไปยังจุดใดจุดหนึ่งของแนวรบเพื่อทะลวงแนวป้องกันให้ขาดวิ่น ก่อนตรึง “รูรั่ว” ที่เกิดขึ้น และเทกำลังผ่านรูรั่วดังกล่าวเพื่ออ้อมไปตลบหลังแนวป้องกันในพื้นที่ข้างเคียง คล้ายกับกลยุทธ์ “บลิตซ์ครีก” ของเยอรมนี ในยุคสงครามโลกครั้งที่ 2อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ยูเครนกำลังเผชิญปัญหา อยู่คือ 1.เรื่องของปริมาณ ไม่ได้มีรถถังยานเกราะหลายพันคันเหมือนในยุคมหาสงคราม ที่จะทำให้การบุกเป็นไปอย่างต่อเนื่องไม่ขาดช่วง 2.รัสเซียมีเวลาเตรียมตัวนานพอสมควร สามารถวางโซนสังหาร โซนกับระเบิด ต้อนขบวนทัพยูเครนให้ไปในจุดที่ต้องการ3.การขาดการสนับสนุนทางปืนใหญ่ อัตราการใช้กระสุนที่กำลังเกิดขึ้น ทางยูเครนยิงวันละราว 6,000 นัด ขณะที่รัสเซียยิงวันละประมาณ 60,000 นัด และที่สำคัญที่สุด 4.การขาดการคุ้มครองและการสนับสนุนทางอากาศ ปล่อยให้ทัพฟ้ารัสเซียปฏิบัติการได้อย่างอิสระส่งโดรนฆ่าตัวตายป่วนการเคลื่อนพล พุ่งชน ทำลายรถเสบียง ยานเกราะ รถถังไปจนถึง ปืนใหญ่และระบบต่อต้านอากาศยานหลังแนวรบ เฮลิคอปเตอร์-เครื่องบินรบปฏิบัติการออกล่ารถถังและยานเกราะของยูเครนไม่แน่เหมือนกันว่า การที่ยูเครนเร่งขอเครื่องบินรบ F-16 และอาวุธเพิ่มเติมจากตะวันตก ก็เพราะรู้ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น แต่แน่นอน... นกหวีดได้ถูกเป่าไปแล้ว สิ่งที่ทำได้คือรอผลลัพธ์เพียงเท่านั้น.ตุ๊ ปากเกร็ด