จับต้นชนปลายชัดขึ้นเมื่อ กกต.เดินหน้ากระบวนการจัดการเรื่อง “หุ้นสื่อ” ที่ “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจาก “ก้าวไกล” ถูกร้องมติเอกฉันท์ 6 เสียงให้ยกคำร้องที่ยื่นมา 3 คน เนื่องจากเกินเวลาที่จะสั่งรับพิจารณา แต่เนื่องจากคำร้องดังกล่าวมีรายละเอียดเกี่ยวกับข้อเท็จจริง พฤติการณ์และมีข้อมูลเพียงพอที่จะสืบสวนไต่สวนลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเนื่องจากมีลักษณะ “ต้องห้าม” และรู้อยู่แล้วว่าตนไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง แต่ได้สมัครเลือกตั้งอันเข้าข่ายเป็นการกระทำที่ฝ่าฝืน ม.42 (3) และ ม.151 แห่ง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.จึงเห็นควรพิจารณาสั่งให้ดำเนินการไต่สวนเป็นกรณีที่มีเหตุอันควรสงสัยหรือความปรากฏโดยคณะกรรมการไต่สวนจะดำเนินการไต่สวนตามขั้นตอนและระยะเวลาที่กำหนดไว้ในระเบียบต่อไปสำหรับบทลงโทษตาม ม.151 นั้นมีโทษจำคุก 1-10 ปี ปรับ 20,000-200,000 บาท และตัดสิทธิทางการเมือง 20 ปีหากมีความผิดจริงก็ถือว่าหนักเอาการ!ส่วนเรื่องต้องพ้นจาก ส.ส. หรือไม่ ต้องรอให้มีการประกาศผลรับรองการเป็น ส.ส.อย่างเป็นทางการเสียก่อนตอนแรกที่แถลงว่ายกคำร้องก็นึกว่าจบกัน แต่ที่ไหนได้ยังมีเงื่อนปมแพร่เชื้อไปสู่ประเด็นอื่นๆที่สามารถสอบสวนได้อย่าง ม.151 ซึ่งเป็นข่าวมาก่อนหน้านี้ว่า กกต.จะเล่นงานได้ในเบื้องต้นคือรู้ว่ามีลักษณะต้องห้าม แต่ก็ยังไปลงสมัครและส่งชื่อเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีอีกด้วยการร้องคดีถือหุ้นยังร้องได้หลังมีการรับรอง ส.ส.แล้วตาม ม.82 โดย ส.ส. 50 คน หรือ ส.ว. 25 คน หรือ กกต.ร้องเองในฐานะความปรากฏ เพื่อให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเพิกถอนการเป็น ส.ส.และตัดการเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีได้อีกรอบเป็นไปตามนี้ถือว่าหนักกว่าที่คิดเอาไว้ดูจากความเคลื่อนไหวคร่าวๆของ กกต.ที่ปิดช่องเพื่อให้ได้รายชื่อ ส.ส.95% จำนวน 475 คน น่าเชื่อว่าสัปดาห์นี้คงประกาศผลอย่างเป็นทางการได้ถือว่าเป็นการเริ่มต้นฝ่าดงหนามที่ กกต.จะได้ปลดล็อกตัวเองจากการถูกกดดันอย่างหนัก เพื่อเรียกร้องให้ดำเนินการไวๆความจริงไม่ใช่คนดูเท่านั้นที่ลุ้น แม้แต่ว่าที่ ส.ส.เองก็ลุ้นเช่นเดียวกัน เนื่องจากยังไม่ประกาศผลอย่างเป็นทางการก็ไม่แน่ใจได้ว่าเป็น ส.ส.จริงๆเช่นกัน “รัฐบาลทิพย์” ของ “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” ที่ขับเคลื่อนอยู่ตลอดเวลาด้วยการเดินสายพบองค์กรต่างๆ และปลุกเร้ามวลชนในพื้นที่ที่ได้ ส.ส.ที่กำลังเกิดปัญหาทำท่าจะบานปลายในพื้นที่ 3 จังหวัดภาคใต้ว่าด้วยเรื่อง “ปาตานี” เมื่อมีกลุ่มนักศึกษาเรียกร้องให้ทำประชามติแยกดินแดน โดยมีว่าที่ ส.ส.ไปร่วมงานนั้นด้วยแม้ “ก้าวไกล” จะออกตัวว่าพรรคยืนยันเป็น “รัฐเดียว” ก็ตามนี่เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่จะทำให้ “พิธา” เกิดปัญหาในการโหวตเป็นนายกรัฐมนตรีแน่นอนว่าต้องถูกตั้งคำถามอย่างไม่ต้องสงสัยม.112 ก็เรื่องหนึ่ง“ปาตานี” ก็จะเป็นอีกเรื่องหนึ่งเพราะเรื่องละเอียดอ่อนอย่างนี้เป็นเรื่องสำคัญในสังคมไทยมากระทบต่อจิตใจของคนได้ง่ายกลายเป็นความไม่พอใจได้เส้นทางสู่ทำเนียบจึงเดินอยู่บนเส้นด้าย พร้อมจะร่วงลงมาได้ทุกขณะ.“สายส่อฟ้า”