หุ้นสื่อพ่นพิษ กกต.สั่งสอบ “พิธา” ผิดมาตรา 151 รู้ตัวขาดคุณสมบัติ แต่ดันทุรังลงสมัคร ส.ส. คาดโทษหนักติดคุก 1-10 ปี ตัดสิทธิการเมืองยาว 20 ปี ประธาน กกต.ขีดเส้น 5 วัน เคลียร์ผลนับคะแนนเลือกตั้งใหม่ 47 หน่วย คาดไม่มีผลเปลี่ยนแปลงจำนวน เก้าอี้ ส.ส. ปูดอาจชงนับแต้มใหม่-เลือกตั้งซ่อมเพิ่มเติมอีก “สมชัย” ไขก๊อกทิ้งพรรคเสรีรวมไทย อึดอัดคันปากวิจารณ์การเมืองลำบาก เพราะติดสถานะพรรคร่วมรัฐบาล “เศรษฐา” ลุยรีแบรนด์พรรคเพื่อไทยเลี่ยงตอบเสียบฟอร์มทีมตั้งรัฐบาลแทนพรรคก้าวไกล หาก “พิธา” วืดเก้าอี้นายกฯ อธิบดีกรมการปกครองทุบหม้อข้าว “ศรีสุวรรณ” สั่งเพิกถอนสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ยกเหตุยื่นคำขอจัดตั้งไม่ถูกต้องหลังจาก กกต.ประกาศให้มีการนับคะแนนเลือกตั้งใหม่ใน 47 หน่วย ล่าสุดนายอิทธิพร บุญประคอง ประธาน กกต. ระบุการนับคะแนนใหม่จะเสร็จสิ้นภายใน 5 วัน และอาจมีการเสนอให้นับคะแนนใหม่เพิ่มเติมในบางหน่วย ขณะที่เลขาธิการ กกต.บอกจำเป็นต้องรับรองคุณสมบัติการเป็น ส.ส.ของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ไปก่อนแล้วค่อยไปดำเนินการสอยภายหลังกกต.บวงสรวงครบรอบ 25 ปีเมื่อเวลา 08.09 น. วันที่ 9 มิ.ย. ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีการจัดงานสถาปนา ครบรอบ 25 ปี กกต. โดยนายอิทธิพร บุญประคอง ประธาน กกต. นำ กกต. เลขาธิการ กกต. และเจ้าหน้าที่บวงสรวงองค์พระพรหมบริเวณศาลพระพรหมศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ ถวายภัตตาหารเพล และถวายเครื่องจตุปัจจัยไทยธรรมแด่พระภิกษุสงฆ์จากวัดอาวุธวิกสิตาราม จากนั้นช่วงบ่ายนายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต.นำเสนอผลงาน กกต.ภายใต้แนวคิด “เส้นทางการจัดการเลือกตั้งสู่ประชาธิปไตยที่ยั่งยืน” ที่นำเทคโนโลยีมาใช้จัดการเลือกตั้งรองรับยุคดิจิทัล อำนวยความสะดวกแก่ประชาชนให้เข้าถึงข้อมูลได้ง่ายรวดเร็ว เพิ่มช่องทางการมีส่วนร่วมในกระบวนการเลือกตั้ง โดยให้ข้อมูลข่าวสารและบริการต่างๆ ผ่านแอปพลิเคชัน Smart Vote อำนวยความสะดวกการแจ้งเบาะแสทุจริตทางแอปพลิเคชันตาสับปะรด การรายงานผลคะแนนเลือกตั้งที่โปร่งใสและแม่นยำ ด้วยระบบ ECT Report รวมถึงการให้บริการทางสายด่วน 1444 จึงทำให้ทุกการเลือกตั้งเป็นไปด้วยความเรียบร้อย เป็นต้นปูดอาจมีนับแต้ม-เลือกซ่อมใหม่นายอิทธิพร บุญประคอง ประธาน กกต. กล่าวถึงกรณีคำสั่งให้นับคะแนน 47 หน่วยเลือกตั้งใหม่ว่า เนื่องจากคะแนนที่นับออกมาไม่ตรงกับจำนวนบัตรออกเสียงและจำนวนผู้มาใช้สิทธิ อาจมาจากการนับคะแนนผิดพลาด ต้องนับคะแนนใหม่โดยไม่ล่าช้า ไม่เกิน 5 วันจะเสร็จ จากนั้นต้องส่งผลนับคะแนนให้ กกต. การนับคะแนนใหม่จะไม่ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงจำนวน ส.ส.ที่แต่ละพรรคได้รับ เพราะนับเพียงบางหน่วย เมื่อถามว่ากฎหมายให้อำนาจ กกต.วินิจฉัย ถ้าไม่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงลำดับ ส.ส.ไม่ต้องนับใหม่ นายอิทธิพรตอบว่า มาตราดังกล่าวเป็นกรณีที่พบว่าบัตรออกเสียงไม่ตรงกับจำนวนผู้มาใช้สิทธิ เป็นคนละกรณีกับที่ กกต.สั่งนับคะแนนใหม่ ขณะนี้ยังมีกรณีสำนักงาน กกต. จะเสนอนับคะแนนใหม่หรือสั่งเลือกตั้งใหม่ให้ กกต.พิจารณาอยู่ ขึ้นอยู่กับที่ประชุมจะมีความเห็นอย่างไร แต่มีจำนวนไม่มาก หรืออาจไม่มีอะไรเลยก็ได้ ส่วนการรับรองผลการเลือกตั้งนั้น ไม่สามารถทยอยรับรองผลได้เหมือนการเลือกตั้งท้องถิ่น เพราะกฎหมายกำหนดให้ กกต.ประกาศรับรองผลเลือกตั้งไม่น้อยกว่าร้อยละ 95 จะทยอยประกาศไม่ได้ ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนพิจารณาได้รับการเลือกตั้งมาโดยสุจริตหรือไม่ หากมีการรับคำร้องจะนำไปสู่การตั้งคณะกรรมการสืบสวนไต่สวน หากดำเนินการไม่ทัน 60 วัน จะประกาศรับรองผลไปก่อน แล้วไปดำเนินการภายหลัง สัปดาห์หน้าจะมีความชัดเจน จะประกาศรับรองผลได้เมื่อใด จะประกาศรับรองผลได้เร็วกว่า 60 วัน เร็วกว่าปี 2562 ไม่อยากให้ล่าช้า3 คดีหุ้นสื่ออยู่ในมือ กกต.นายอิทธิพรยังกล่าวถึงกรณีการยื่นคำร้องตรวจสอบการถือหุ้นบริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) ของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ว่า มีการยื่นคำร้องมา 3 คำร้อง อยู่ในขั้นตอนสำนักงาน กกต.พิจารณาจะรับคำร้องหรือไม่ หากไม่รับเป็นคำร้องจะรับเป็นความปรากฏต่อ กกต.หรือไม่ หากรับจะตั้งคณะกรรมการไต่สวนมาสืบสวนไต่สวน เชิญผู้ถูกกล่าวหามาให้ถ้อยคำ กระบวนการสอบสวนสามารถทำควบคู่ไปกับการประกาศรับรองผลได้ ผู้สื่อข่าวถามว่าจำเป็นแขวนนายพิธาไว้ก่อนหรือไม่ นายอิทธิพรตอบว่า ยังพูดแบบนั้นไม่ได้ เพราะยังไม่เข้าสู่จุดที่ว่าจะรับหรือไม่รับคำร้องของนายพิธา หากรับแล้วกระบวนการสืบสวนสอบสวนต้องใช้เวลาอยู่บ้าง เพราะเป็นกระบวนการยุติธรรม ต้องให้ความเป็นธรรมนายพิธา หากกระบวนการยังไม่แล้วเสร็จ หรือคาดว่าไม่แล้วเสร็จ ก็ไม่มีประเด็นอะไรต้องมาขวางการประกาศผลเมินกระแสกดดันบีบไม่รับคำร้องเมื่อถามว่า นายพิธาได้เซ็นรับรองส่งผู้สมัคร ส.ส.ในฐานะหัวหน้าพรรค จะส่งผลให้ไม่ประกาศรับรอง ส.ส.พรรคก้าวไกลหรือไม่ นายอิทธิพรตอบว่า ไม่ถึงขนาดนั้น เมื่อถามว่า ข้อบังคับพรรคก้าวไกลกำหนดให้สมาชิกพรรคต้องไม่มีลักษณะต้องห้ามในการลงสมัครเลือกตั้ง ถ้านายพิธาถูกชี้ว่าผิด จะส่งผล ต่อการได้รับการรับรอง ส.ส.พรรคก้าวไกลหรือไม่ นายอิทธิพรตอบว่า เรื่องนี้อยู่ในกระบวนการพิจารณา การให้ความเห็นเบื้องต้นทำไม่ได้ เป็นเรื่องที่ กกต.ต้องพิจารณาร่วมกัน ยังต้องใช้เวลาอีกมาก เรื่องทั้งหมดเกี่ยวข้องกับหุ้นสื่อ การเชิญนายพิธามาชี้แจงจะดำเนินการ หลังมีการตั้งคณะกรรมการแล้ว ส่วนกรณีการกดดัน กกต.ไม่ให้รับคำร้องของนายพิธาทุกกรณีไม่กังวลที่สังคมกดดัน กกต.ให้รับหรือไม่รับคำร้องนายพิธา เรารับทราบความเห็นประชาชน แต่ต้องปฏิบัติตามกฎหมาย ไม่สามารถละเว้นการปฏิบัติงานได้ ส่วนที่นายพิธาระบุหากเข้าเป็นนายกฯ จะโละองค์กรอิสระที่ไม่อิสระนั้น ทุกคนมีสิทธิเสนอความเห็น ผลักดันให้เป็นไปตามนั้น กกต.เป็นเพียงผู้ปฏิบัติ ต้องรับรอง “พิธา” เป็น ส.ส.ก่อนนายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต. กล่าวว่า การพิจารณาคำร้องถือหุ้นไอทีวีของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล มีปัญหาทางเทคนิคคือ ผู้ร้องมาร้องก่อนวันเลือกตั้ง 2 วัน แต่กรณีมีปัญหาเรื่องคุณสมบัติต้องร้องภายใน 7 วันก่อนวันเลือกตั้ง ดังนั้น สำนักงาน กกต.ต้องพิจารณาว่าสิ่งที่ร้องมีมูลจะดำเนินการต่อไปหรือไม่ เพื่อเสนอให้ที่ประชุม กกต.พิจารณา โดย กกต.มีความเห็นให้ทำเรื่องเสนอขึ้นไปใหม่เพื่อความรอบคอบ ส่วนจะพิจารณารับคำร้องไว้พิจารณาหรือไม่ เป็นอีกประเด็น เรื่องนี้ยังอยู่ในขั้นตอนสำนักงาน กกต. เมื่อถามว่า มีกระแสข่าวว่านายพิธารู้อยู่แล้วไม่มีสิทธิลงสมัคร แต่ยังคงลงสมัคร นายแสวงตอบว่า ลักษณะต้องห้ามของการลงสมัคร หากเกิดขึ้นก่อนการเลือกตั้งต้องส่งศาลฎีกาวินิจฉัย แต่ถ้าเป็นช่วงหลังเลือกตั้งก่อนการประกาศผล ยังเป็นช่องโหว่อยู่ ส่วนถ้าประกาศรับรองผลไปแล้ว การให้พ้นจาก ส.ส. ต้องส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญ แต่ต้องมีหลักฐานข้อเท็จจริง ส่วนตัวมองว่าคดีเรื่องขัดคุณสมบัติ ส.ส.ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 82 เพราะมีลักษณะต้องห้าม ยังไม่สามารถพิจารณาได้ตอนนี้ เพราะยังไม่มีการรับรองการเป็น ส.ส. เป็นเรื่องอนาคตที่ยังมาไม่ถึง จึงต้องประกาศผลให้เป็น ส.ส.ไปก่อน เพราะพ้นช่วงการยื่นของศาลฎีกามาแล้ว กกต.ไม่มีอำนาจไม่ประกาศ ขณะนี้พิจารณาได้เฉพาะคดีอาญา มาตรา 151 พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. กรณีรู้ตัวไม่มีคุณสมบัติ แต่ยังลงสมัครกกต.สั่งสอบ “พิธา” ผิดมาตรา 151ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในการประชุม กกต.วันที่ 9 มิ.ย. มีการพิจารณา 3 คำร้อง กรณีนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล มีคุณสมบัติลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญในการลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. กรณีการถือหุ้นสื่อไอทีวี 42,000 หุ้น โดย กกต.มีมติเป็นเอกฉันท์ 6 เสียง ไม่รับคำร้องนายพิธามีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญในการสมัครรับเลือกตั้งจากการถือหุ้นสื่อ โดยเห็นว่าทั้ง 3 คำร้องยื่นมาเกินระยะเวลาที่จะสั่งรับคำร้องไว้พิจารณาว่า ผู้สมัครรายใดขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามใช้สิทธิรับสมัครเลือกตั้งตามระเบียบ กกต.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. จึงเห็นควรไม่รับคำร้องไว้ตามระเบียบ แต่เนื่องจากคำร้องดังกล่าวมีรายละเอียดข้อเท็จจริงและพฤติการณ์มีหลักฐานพอสมควร มีข้อมูลเพียงพอที่จะสืบสวนไต่สวนต่อไปว่า นายพิธาเป็นบุคคลมีลักษณะต้องห้าม มิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้ง และรู้อยู่แล้วว่า ตนไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง เนื่องจากมีลักษณะต้องห้าม แต่ได้สมัครรับเลือกตั้ง อันเข้าข่ายเป็นการกระทำฝ่าฝืนมาตรา 42(3) และมาตรา 151 พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. จึงเห็นควรพิจารณาสั่งให้ดำเนินการไต่สวนเป็นกรณีที่มีเหตุอันควรสงสัย หรือความปรากฏ โดยคณะกรรมการสืบสวนไต่สวนที่ได้รับแต่งตั้งจะดำเนินการไต่สวนตามขั้นตอนและระยะเวลาที่กำหนดไว้ในระเบียบต่อไปโทษหนักติดคุก-ตัดสิทธิ 20 ปีผู้สื่อข่าวรายงาน สำหรับเนื้อหามาตรา 151 พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ระบุว่า ผู้ใดรู้อยู่แล้วว่า ตนไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง เนื่องจากขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะ ต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ได้สมัครรับเลือกตั้งหรือทำหนังสือยินยอมให้พรรคการเมืองเสนอรายชื่อ เพื่อสมัครรับเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อ ต้องระวางโทษจําคุกตั้งแต่ 1-10 ปี และปรับตั้งแต่ 20,000-200,000 บาท และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้นั้น มีกำหนด 20 ปี ในกรณีที่ผู้กระทำความผิดตามวรรคหนึ่ง เป็นผู้ซึ่งได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ให้ศาลมีคำสั่งให้ผู้นั้น คืนเงินประจำตำแหน่งและประโยชน์ตอบแทนอย่างอื่นที่ได้รับมาเนื่องจากการดำรงตำแหน่งดังกล่าวให้แก่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรด้วยจิก พท.ไม่เลิกล้มแจกเงินหมื่นต่อมาเวลา 11.40 น. นายสนธิญา สวัสดี อดีตที่ปรึกษากรรมาธิการกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร ยื่นเรื่องต่อ กกต.ให้สอบถามพรรคเพื่อไทยกรณีขอชะลอนโยบายแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท โดยนายสนธิญากล่าวว่า ขอให้ กกต.สอบถามพรรคเพื่อไทย การชะลอนโยบายแจกเงิน 10,000 บาท จะชะลอถึงปีไหนหรือชาติไหน จะแจกหรือไม่ เพราะเป็นนโยบายหลักพรรคเพื่อไทยที่โฆษณากับประชาชนทั้งประเทศ คนไทยหลายล้านคนเลือกพรรคเพื่อไทยด้วยนโยบายนี้ หากบอกนโยบายนี้ไปทับซ้อนนโยบายพรรคก้าวไกล ก็อยากถามพรรคก้าวไกล หากพรรคเพื่อไทยชะลอแจกเงิน 10,000 บาท พรรคก้าวไกลจะทำนโยบายแจกเงิน 3,000 บาท ให้ผู้สูงอายุหรือไม่ หรือถ้าพรรคเพื่อไทยได้เป็นแกนนำตั้งรัฐบาลแทนพรรคก้าวไกล นโยบายแจกเงิน 10,000 บาท จะหยิบมาเป็นนโยบายแรกหรือไม่ การที่พรรคเพื่อไทยฟ้องตนนั้น หากศาลพิจารณาว่าผิด ก็ต้องเดินเข้าคุก แต่ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง มาตรา 101 วรรคสอง ระบุหากพรรคการเมืองไปแจ้งต่อ กกต.ว่า การกระทำของตนที่ให้ตรวจสอบนโยบายแจกเงินเป็นเท็จนั้น แต่อย่าลืมโทษมาตรา 101 พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองระบุ พรรคการเมืองที่กล่าวหาประชาชนที่มาร้อง จะมีโทษ 2 เท่าคือยุบพรรค ตัดสิทธิกรรมการบริหาร หัวหน้าพรรคการเมืองนั้นด้วย ของให้พึงสังวรไว้ด้วย ยืนยันไม่มีเจตนาร้ายต่อพรรคเพื่อไทยตัดเกรด กกต.สอบตกการสื่อสารวันเดียวกัน นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตประธานยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนนโยบายพรรคเสรีรวมไทย เดินทางมาที่ กกต. เพื่อร่วมแสดงความยินดีในโอกาสครบรอบ 25 ปี กกต. โดยนายอิทธิพร บุญประคอง ประธาน กกต. มอบพระธรรมวชิรสุธีให้นายสมชัย 1 องค์ จากนั้นนายสมชัยให้สัมภาษณ์ว่า ได้คุยกับ กกต. และขอโทษที่วิจารณ์ประเด็นต่างๆ กกต.เข้าใจและขอบคุณ เพราะหลายเรื่องที่ทักท้วงเป็นประโยชน์ในการปรับปรุงการทำงาน ส่วนตัวให้กำลังใจ กกต. อะไรทำดีก็ชม บางครั้งก็สะท้อนให้ กกต.รับรู้ถึงความเคลือบแคลงใจของประชาชน ให้คะแนนการทำงาน กกต.ชุดนี้ 7 เต็ม 10 คะแนน ให้สอบตกหมวดการสื่อสารกับประชาชน เพราะไม่ค่อยสื่อสารกับประชาชน แต่การทำงานโดยรวมประสบความสำเร็จ ตั้งใจแก้ปัญหา สมัยตนเป็น กกต.ทำงานยากกว่าเยอะ ไม่มีสำนักงาน ต้องไปเร่ร่อนตามที่ต่างๆ เพราะศูนย์ราชการถูกยึดเป็นเดือนๆ เป็นยุคที่ถูกคุกคาม ไม่ใช่คุกคามธรรมดา แต่คุกคามถึงชีวิตอึดอัดไขก๊อกทิ้งเสรีรวมไทยนายสมชัยกล่าวว่า ได้ยื่นหนังสือลาออกจากสมาชิกพรรคเสรีรวมไทย เมื่อวันที่ 9 มิ.ย. เพราะเสร็จภารกิจพรรคเสรีรวมไทยหลังเลือกตั้งแล้ว การลาออกจะทำให้วิพากษ์วิจารณ์ทางการเมืองทุกฝ่ายได้เต็มที่ ที่ผ่านมาการให้ความเห็นตรงไปตรงมาอาจส่งผลกระทบกับพรรคได้ พรรคการเมืองต่างๆ หากเห็นว่าตนมีความสามารถ อยากให้ปรึกษาหารืออะไร โดยเฉพาะเรื่องกฎหมายยินดีให้คำปรึกษา ยืนยันการลาออกไม่เกี่ยวกับน้อยใจที่ไม่ได้รับเชิญให้ร่วมจัดตั้งรัฐบาล ในฐานะเป็นประธานยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนนโยบายพรรคเสรีรวมไทย อึดอัดใจพอสมควรเวลาไปออกรายการต่างๆ บางครั้งวิจารณ์รัฐบาลปัจจุบันหลายเรื่อง หรือพูดเรื่องข้อกฎหมายที่เป็นไปได้ อาจเกิดความเข้าใจผิดกัน การลาออกจึงเป็นการแสดงจุดยืนดีที่สุด ในโอกาสอันใกล้นี้คงไม่กลับมาเป็นนักการเมือง ขอทำหน้าที่วิชาการเป็นหลัก แต่สนใจการแก้รัฐธรรมนูญ การร่างรัฐธรรมนูญใหม่ รัฐธรรมนูญปัจจุบันมีปัญหาเยอะ ถ้ามีโอกาสไปเป็นสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) อาจจะสนใจส่วนนั้น เพื่อให้กติกาบ้านเมืองเป็นธรรมทุกฝ่าย “เศรษฐา” ลุยรีแบรนด์เพื่อไทยเมื่อเวลา 10.15 น. ที่พรรคเพื่อไทย นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย เดินทางเข้าร่วมประชุมคณะกรรมการเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย ภายหลังเดินทางกลับจากประเทศอังกฤษ โดยนายเศรษฐากล่าวว่า จะมารายงานการรีแบรนด์พรรคให้ นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช ประธานกรรมการนโยบายพรรคเพื่อไทย และนายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย รับทราบ เพื่อขอคำแนะนำจากคนที่อยู่ในพรรคมานานว่า วิธีการทำงานแบบใหม่เพื่อเตรียมพร้อมการเลือกตั้งครั้งหน้านั้น มาถูกทางหรือไม่ การรีแบรนด์พรรคมีความคืบหน้าตามลำดับ ขอให้ใจเย็นๆ ถ้ามีความคืบหน้าพอแถลงได้ จะทยอยเปิดเผยเลี่ยงตอบฟอร์มรัฐบาลแทนก้าวไกลเมื่อถามว่า 8 พรรคร่วมรัฐบาลทาบทามให้ไปร่วมทำงานหรือไม่ นายเศรษฐาตอบว่า ไม่มีตนไม่ได้โฟกัสการฟอร์มรัฐบาล โฟกัสแค่พรรคเพื่อไทยอย่างเดียว แต่ให้กำลังใจการฟอร์มรัฐบาลให้สำเร็จ เมื่อถามว่าขณะนี้นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล มีเรื่องร้องเรียนมาก ในฐานะแคนดิเดตนายกฯพรรคเพื่อไทย หากนายพิธาเกิดอุบัติเหตุการเมือง จะไปรับหน้าที่แทนหรือไม่ นายเศรษฐาตอบว่า ไม่ได้คิดตรงนั้น เป็นหน้าที่พรรคก้าวไกลในฐานะพรรคอันดับ 1 ต้องให้เกียรติเป็นคนจัดการ เมื่อถามว่าพรรคก้าวไกลมีแคนดิเดตนายก รัฐมนตรีแค่คนเดียว นายเศรษฐาตอบว่า ต้องให้พรรคก้าวไกลเป็นคนจัดการเพราะเป็นพรรคอันดับ 1 พรรคเพื่อไทยเป็นพรรคอันดับ 2 ตนไม่เกี่ยวข้องการฟอร์มรัฐบาล ทำเรื่องพรรคเพื่อไทยอย่างเดียวไม่รู้ข่าวเบรก “ทักษิณ” กลับบ้านผู้สื่อข่าวถามถึงกระแสข่าวครอบครัวชินวัตร อยากให้นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ชะลอการกลับประเทศไทย นายเศรษฐาตอบว่า ไม่ทราบเรื่อง เมื่อถามว่า กระแสข่าวระบุว่าครอบครัวชินวัตรมองว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร แคนดิเดตนายกฯพรรคเพื่อไทย ยังไม่เหมาะเป็นนายกฯขณะนี้ นายเศรษฐาตอบว่า น.ส.แพทองธารมีความเหมาะสม และเป็นแคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย น.ส.แพทองธารอายุ 37 ปีแล้ว มีวุฒิภาวะ ที่ผ่านมาคณะกรรมการบริหารพรรคเห็นชอบให้เป็นแคนดิเดตนายกฯแล้ว ส่วนกรณีพรรคเพื่อไทยเตรียมฟ้องนายสนธิญา สวัสดี อดีตที่ปรึกษากรรมาธิการกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร ที่ร้องเรียนพรรคเพื่อไทย กรณีนโยบายกระเป๋าเงินดิจิทัล 10,000บาทนั้น ต้องถามฝ่ายกฎหมาย ตนไม่ได้รับหน้าที่ดูแลเรื่องนี้ไม่ปลื้ม “มิ้นต์ช็อก” ติหวานเกินผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนนายเศรษฐาเดินเข้าร้าน Think Lab ร้านกาแฟภายในพรรคเพื่อไทย โดยสั่งเมนูอเมริกาโน่เย็น ไม่ใส่น้ำตาล ผู้สื่อข่าวจึงถามว่า จะลองเมนูมิ้นต์ช็อกที่ขึ้นชื่อของร้านอีกหรือไม่ นายเศรษฐาตอบว่า ไม่ รสหวานไปหน่อย ไม่ไหว ผู้สื่อข่าวถามว่า นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล บอกร้านกาแฟพรรคก้าวไกล มีกาแฟส้ม จะไปชิมหรือไม่ นายเศรษฐาบอกว่า ไม่รู้จะไปในฐานะอะไร ไม่รู้จักใคร เดี๋ยวเป็นข่าวอีก ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า เมนูกาแฟส้มร้าน Think Lab ได้ลองหรือยัง นายเศรษฐาตอบว่า ลองแล้ว ให้ 4.1 คะแนน เต็ม 10 มากกว่ามิ้นต์ช็อกนิดนึง ส่วนอเมริกาโน่เย็น ไม่ใส่น้ำตาล ให้ 9 เต็ม 10 คะแนน ก่อนเดินขึ้นไปประชุมคณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย “เสี่ยหนู” ยันไร้ดีล ภท.ร่วมรัฐบาลที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์กรณี กกต.สั่งนับคะแนนใหม่ 47 หน่วยเลือกตั้งว่า ยังไม่ได้ตรวจสอบมีพรรคภูมิใจไทยหรือไม่ ขณะนี้ยังไม่มีใครมาดีลเรื่องการร่วมรัฐบาล ตอนนี้คุยเรื่องนี้ไม่ได้ ต้องทำตามมารยาท ให้พรรคได้อันดับ 1 จัดตั้งรัฐบาล พรรคภูมิใจไทยได้ที่ 3 ไม่ใช่ที่ 2 ต้องอยู่เฉยๆ ส่วนการโหวตประธานสภาผู้แทนราษฎร พรรคภูมิใจไทยยังไม่วางหลักการโหวต รอให้ กกต.รับรอง ส.ส.อย่างเป็นทางการก่อน ไม่ถือว่า กกต.ช้า หากเทียบกับการเลือกตั้งครั้งที่แล้ว ยังอยู่ในกรอบเวลา 60 วัน เมื่อถามว่า พรรคอันดับ 2 อาจขึ้นมาเป็นพรรคอันดับ 1 เป็นไปได้ใช่หรือไม่ นายอนุทินตอบว่า อยากให้ไม่มีปัญหาดีที่สุด เราเคารพกติกาและทำตามมารยาททางการเมือง ส่วนกระแสข่าวนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะกลับไทยเดือน ก.ค.แต่ถูกครอบครัวเบรกไว้ นายอนุทินตอบว่า เคารพนายทักษิณเสมอ แต่เราไม่ใช่คนในครอบครัว ต้องเคารพการตัดสินใจของครอบครัว ไม่มีความเห็นเรื่องนี้ เมื่อถามว่า การกลับมาหรือไม่กลับของนายทักษิณจะทำให้ทิศทางการเมืองเปลี่ยนไปหรือไม่ นายอนุทินตอบว่า พรรคภูมิใจไทยคิดว่าคนไทยทุกคนมีสิทธิภายใต้กฎหมายอยู่แล้วโอ่ชาวภูเก็ตรอรับความร่ำรวยเมื่อเวลา 11.50 น. ที่สนามกีฬาหน้าที่ว่าการ อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล นำว่าที่ ส.ส.ภูเก็ต พรรคก้าวไกล ลงพื้นที่ขอบคุณชาวภูเก็ต ที่เลือก ส.ส.พรรคก้าวไกลยกจังหวัดมีประชาชนมาต้อนรับให้กำลังใจล้นหลาม โดยนายพิธาปราศรัยว่า ขอบคุณความไว้วางใจชาวภูเก็ต วันนี้มาในฐานะว่าที่นายกฯคนต่อไปของไทย นอกจากภูเก็ตเป็นไข่มุกอันดามันแล้ว ยังเป็นไข่มุกในใจตนด้วย อีกเป้าหมายหนึ่งที่เร่งด่วนมาก ต้องการเอา จ.ภูเก็ต ไข่มุกอันดามันเป็นไข่มุกของโลกให้ได้เร็วที่สุด ในวันที่ 21 มิ.ย. ที่ประเทศฝรั่งเศส จะมีการตัดสินจะใช้เมืองใดจัดงาน World Expo ประเทศไทยส่ง จ.ภูเก็ตเข้าประกวด เราลงทุน 5,000 กว่าล้านบาท เศรษฐกิจหมุนขึ้น 10 กว่าเท่า ชาวภูเก็ตจะได้รวยๆๆ ตอนนี้เหลืออีกแค่ 10 กว่าวัน ทั่วโลกจะโหวตว่า จะเอาภูเก็ตเป็นเมืองจัดงาน World Expo หรือไม่ ขอทักทายเป็นภาษาอังกฤษว่า Phuket are you ready ตนทำการบ้านมาแล้ว ปกติจะมีนักท่องเที่ยวมาภูเก็ต 8 ล้านคน ปีนี้มี 1.7 ล้านคน ยังหายไป 4 เท่า ตนจะเป็นนายกฯที่ไปจัดการ 1.เศรษฐกิจ 2.สุขภาพ 3.แรงงานหมอพยาบาล 4.สิ่งแวดล้อม ยังมีอีก 2 ค. ที่ต้องเอาออกไปคือค้ายาและคอร์รัปชันต้องหมดไปจากภูเก็ตชูเห็นความเปลี่ยนแปลงใน 4 ปีจากนั้นนายพิธารับฟังความคิดเห็นจากตัวแทนผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรม การท่องเที่ยว อสังหาริมทรัพย์ และกลุ่ม SMEs มีการหารือแลกเปลี่ยน กันเรื่องสถานการณ์ท่องเที่ยวยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัด การยกระดับสาธารณูปโภค สิ่งแวดล้อม โดยนายพิธากล่าวว่า ข้อสรุปที่เห็นตรงกันในการพูดคุยคือ เศรษฐกิจการท่องเที่ยว จ.ภูเก็ต ต้องถูกยกระดับ ไม่ใช่แค่การท่องเที่ยวรูปแบบเดิม แต่ต้องกระจายไม่กระจุก ขยายหลากหลายรูปแบบ เราจะรักษาคำสัญญา เมื่อคนภูเก็ตให้ความไว้วางใจ เลือกพรรคก้าวไกลเพิ่มจาก 20% เป็น 40% กว่า ต้องไม่ทำให้ผิดหวัง นโยบายดีๆ อาทิ สุราก้าวหน้า ปลดล็อกท้องถิ่น การบริหารสิ่งแวดล้อม ต้องทำให้ประชาชนสัมผัสถึงการเปลี่ยนแปลงได้ภายใน 4 ปีล่าชื่อต้านกัญชากลับสู่ยาเสพติดที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ ทำเนียบรัฐบาล นายประสิทธิ์ชัย หนูนวล แกนนำเครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทย จัดกิจกรรมวันกัญชาไทยที่เครือข่ายกำหนดให้วันที่ 9 มิ.ย.เป็นวันกัญชาไทย มีการจัดเสวนาแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นเรื่องกัญชา เพื่อนำข้อเสนอยื่นต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายก รัฐมนตรี และตั้งโต๊ะล่ารายชื่อยืนยันเจตนารมณ์ไม่นำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติด โดยนายประสิทธิ์ชัยกล่าวว่ากัญชามีข้อดี 90% นำไปผลิตเป็นยารักษาโรค ขณะที่ข้อไม่ดี 10% เกี่ยวกับการเสพ ควรควบคุมกัญชาโดยพระราชบัญญัติ ไม่เห็นด้วยที่จะนำกลับไปเป็นยาเสพติด เนื่องจากจำกัดเสรีภาพประชาชนเข้าถึงความมั่นคงทางยา ฝาก 8 พรรคร่วมรัฐบาลให้รับฟังความคิดเห็นประชาชน นำมาพิจารณาในสภาฯ อย่าดึงกลับไปเป็นยาเสพติด ใช้กฎหมายเผด็จการจำกัดมากำหนดอนาคตกัญชา ที่พรรคก้าวไกล นายรัฐพล แสนรักษ์ ผู้ประสาน งานสมาพันธ์กัญชาเพื่อประชาชนยื่นหนังสือต่อพรรคก้าวไกล คัดค้านการนำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติด ที่จะส่งผลเสียต่อสังคมในวงกว้าง ทำให้ผู้ใช้กัญชาหรือคนทำถูกกฎหมายต้องโทษจำคุก โดยเรียกร้องให้ออกกฎหมายควบคุมการใช้กัญชาเชิงสันทนาการให้ชัดเจนแยกระหว่างการใช้ทางการแพทย์และสันทนาการ เอ็มโอยู 8 พรรคร่วมรัฐบาลที่จะนำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติดนั้น ขอคัดค้านเพราะยังมีทางออกดีกว่านี้ ควรมีกฎหมายบังคับใช้ โดยไม่ต้องนำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติด“อนุทิน” ย้ำกัญชาเพื่อการแพทย์นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์กรณี 8 พรรค ร่วมรัฐบาลจะนำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติดว่าเป็นนโยบายแต่ละพรรค แต่พรรคภูมิใจไทยยืนยันว่าการนำกัญชามาใช้ ประโยชน์ทางการแพทย์และเพื่อสุขภาพยังเป็นประโยชน์ พรรคได้ปฏิบัติตามนโยบายที่ให้กับประชาชนในการเลือกตั้งปี 2562 ว่าจะนำกัญชาออกจากยาเสพติด และใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ แต่การนำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติดเป็นเรื่องของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ไม่ใช่กระทรวงสาธารณสุข ที่ผ่านมากว่าจะนำกัญชาออกจากยาเสพติดได้ ต้องใช้เวลามากถึงปี 2565 จึงจะสำเร็จ เชื่อว่าแม้จะมีรัฐบาลใหม่ แต่งานกระทรวงสาธารณสุขจะยังมีความต่อเนื่อง ไม่มีปัญหาไม่ว่าใครจะเข้ามาในกระทรวง จะเป็นใครก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นหมอหรือไม่ใช่หมอ ถ้าเข้าใจระบบบริหารทำได้หมด มท.ทุบหม้อข้าว “ศรีสุวรรณ”วันเดียวกัน นายแมนรัตน์ รัตนสุคนธ์ อธิบดีกรมการปกครองลงนามในคำสั่งนายทะเบียนสมาคมกรุงเทพมหานครที่ 1015/2566 สั่ง ณ วันที่ 9 มิ.ย.2566 เรื่องเพิกถอนคำสั่งรับจดทะเบียนจัดตั้งสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ที่มีนายศรีสุวรรณ จรรยา เป็นเลขาธิการสมาคมฯ โดยระบุว่าตามที่นายทะเบียนสมาคมกรุงเทพมหานครรับจดทะเบียนจัดตั้งสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ลงวันที่ 13 พ.ค.2552 สำนักงานใหญ่อยู่เลขที่ 15 ซอยปทุมคงคา ถ.ทรงสวัสดิ์ เขตสัมพันธวงศ์ กทม. จากการตรวจสอบข้อเท็จจริงปรากฏว่า บุคคลที่ร่วมกันยื่นคำขอจดทะเบียนสมาคมฯ 3 คน ให้ถ้อยคำสอดคล้องกันว่า ไม่เคยเป็นสมาชิกสมาคมฯ และผู้มีรายชื่อในบัญชีสมาชิกสมาคม 2 ราย จากทั้งหมด 11 รายให้ถ้อยคำยืนยันไม่เคยเข้าร่วมประชุมคณะผู้เริ่มก่อตั้งสมาคมฯ มิได้รู้เห็นกับรายงานการประชุมคณะริเริ่มก่อตั้งสมาคมฯ พยานหลักฐานมีน้ำหนักเพียงพอรับฟังได้ว่า การยื่นขอจดทะเบียนสมาคมฯ มิได้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ตาม ป.แพ่งและพาณิชย์มาตรา 81 มีสมาชิกไม่ครบ 10 คน จึงอาศัยอำนาจตามมาตรา 49 ประกอบมาตรา 52 พ.ร.บ.วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ.2539 เพิกถอนคำสั่งรับจดทะเบียนและใบสำคัญแสดงการจดทะเบียนจัดตั้งสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย โดยให้อุทธรณ์หรือคำสั่งภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งอดีต ส.ส.ฟ้องกลับ “ศักดิ์ดา”ที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง นายอนุรักษ์ ตั้งปณิธานนท์ อดีต ส.ส. มุกดาหาร พรรคเพื่อไทย ยื่นฟ้องนายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ อดีตอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และนายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นจำเลยที่ 1-3 ฐานร่วมกันทำเอกสารข้อความอันเป็นเท็จ ทำให้ได้รับความเสียหาย และเป็นเจ้าพนักงานละเว้นหรือปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ศาลนัดฟังคำสั่งชั้นตรวจฟ้องวันที่ 5 ก.ค. โดยนายอนุรักษ์กล่าวว่า คดีนี้ไม่ใช่การฟ้องเพราะไม่ยอมรับผลคำพิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ที่ตัดสินจำคุกตน 6 ปี คดีเรียกรับเงิน 5 ล้านบาท จากนายศักดิ์ดาแลกกับการผ่านงบประมาณ แต่ฟ้องเพราะนายศักดิ์ดาบอกว่า กรมทรัพยากรน้ำบาดาลไม่เคยทำงบฯต่ำกว่า 5 แสนบาทนั้น ไม่เป็นความจริง ทำให้ตนเสียหาย กรณีพิพาททั้งหมดมาจากโครงการงบฯต่ำกว่า 5 แสนบาท และนายศักดิ์ดาทำรายงานว่า นายภาดล ถาวรกฤชรัตน์ อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำถูกเรียกเงินจากตนด้วย แต่นายภาดลเบิกความต่อศาลว่า ไม่เป็นความจริง ไม่เคยถูกตนเรียกรับเงินสั่งจับตาปลุกปั่นแยกปัตตานีส่วนกรณีที่ขบวนการนักศึกษาแห่งชาติ จัดงานอภิปรายเรื่องการกำหนดอนาคตตนเองกับสันติภาพปาตานี ที่คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี โดยให้ทำแบบสอบถามความเห็นประชาชนปาตานี เพื่อออกเสียงประชามติแยกตัวเป็นเอกราชได้อย่างถูกต้องนั้น พล.อ.สุพจน์ มาลานิยม เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เปิดเผยว่า สมช. ได้รายงานกรณีดังกล่าวให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐ มนตรี และ รมว.กลาโหม รับทราบ โดย พล.อ.ประยุทธ์ แสดงความห่วงกังวลว่า จะเกิดการยุยงปลุกปั่นให้เกิดความแตกแยก ได้สั่งการให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงและผู้เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการตามกฎหมาย ควบคู่ทำความเข้าใจประชาชนในพื้นที่ การออกเสียงประชามติแยกเป็นเอกราชผิดกฎหมาย รัฐบาลมีนโยบายสนับสนุน เรื่องวัฒนธรรม ประเพณีอัตลักษณ์ในพื้นที่อยู่แล้ว มีกลไกการพูดคุยสันติสุขที่มีหลายภาคส่วนเข้าร่วม ไม่จำเป็นต้องแยกตัวสุ่มเสี่ยงให้เกิดความแตกแยก โดยวันที่ 12 มิ.ย. สมช.จะประชุมติดตามเรื่องก่อนสรุปรายงานต่อนายกฯ พล.ต.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ รองแม่ทัพภาคที่ 4 ในฐานะโฆษก กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า กล่าวว่า กิจกรรมดังกล่าวมีความล่อแหลมละเมิดกฎหมาย การลงประชามติแยกตัวเป็นเอกราชไม่สามารถทำได้ เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน ตรวจสอบพฤติกรรมผู้มีส่วนเกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการต่อไป8 พรรคค้านประชามติแยกดินแดนที่พรรคก้าวไกลมีการประชุมคณะทำงานย่อยพรรคร่วมรัฐบาลว่าด้วยสันติภาพชายแดนใต้ มีตัวแทน 8 พรรคร่วมรัฐบาลร่วมหารือ ภายหลังการประชุมนายรอมฎอน ปันจอร์ ว่าที่ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวว่า การแก้ปัญหาสันติภาพในจังหวัดชายแดนใต้ต้องลดบทบาทกลไกทางทหารลง และเพิ่มบทบาทพลเรือน ส่วนแนวทางของขบวนการนักศึกษาแห่งชาติที่จะทำประชามติแยกปาตานีออกเป็นเอกราชนั้น ไม่เห็นด้วย เราอยู่ในกรอบของรัฐบาลไทย ต้องทำงานภายใต้กรอบรัฐธรรมนูญถ้าถกเถียงเรื่องนี้กันจริงๆ มีทางเลือกเยอะแยะถ้ามีสติ อดทนอดกลั้น จะเห็นทางเลือกที่ดีกว่านี้ แต่ต้องรับฟังพูดคุยกับคนทุกกลุ่ม จากสถิติความรุนแรงลดลงจริง แต่ความขัดแย้งยังอยู่ การหาทางออก ต้องเผชิญหน้ากับความขัดแย้ง จึงแก้ปัญหาได้ ไม่ใช่หลีกเลี่ยงความขัดแย้ง ทั้งนี้การเจรจาพูดคุยเรื่องสันติภาพ การสนทนากับคู่ขัดแย้งถือเป็นส่วนหนึ่งการสร้างสันติภาพทั้งหมด การพูดคุยเป็นวิธีใหม่ๆที่สร้างความแตกต่างจากรัฐบาลก่อน ส่วนจะต้องมีการยุบ กอ.รมน.หรือไม่ เป็นเรื่องที่พรรคร่วมรัฐบาลต้องคุยกัน เพื่อหาฉันทามติร่วมกัน