เจออิทธิฤทธิ์นิติสงครามพุ่งเป้าถล่มสะบักสะบอมพิษหุ้นสื่อกดดัน “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” หัวหน้าพรรคก้าวไกล ต้องโอนหุ้นไอทีวี 42,000 หุ้น ให้ทายาทอื่นจัดการต่อ ป้องกันกระบวนการปลุกไอทีวีคืนชีพ สกัดเส้นทางเข้าสู่เก้าอี้นายกฯย้อนแย้งจากที่เคยยืนยันหนักแน่น ถือหุ้นสื่อไม่ขัดคุณสมบัติลงสมัคร ส.ส. เข้าทางเหล่านักร้องได้ทีรุมขยี้จี้ตอบคำถาม “ถ้ามั่นใจไม่ผิด แล้วโอนหุ้นหนีทำไม”อารมณ์เริ่มออกลูกลังเล ไม่แน่ใจปมถือหุ้นสื่อจะเข้าองค์ประกอบเสี่ยงผิดกฎหมายหรือไม่ทีมกองแช่งรุกคืบหนัก งัดข้อกฎหมายแจงความไม่ชอบมาพากลเป็นฉากๆ ไม่เชื่อไอทีวีสิ้นสถานะความเป็นสื่อ ขยายความเหาะเหินเกินลงกาถึงขั้นที่นายพิธาไปเซ็นรับรองลูกพรรคลงสมัคร ส.ส. ในฐานะหัวหน้าพรรค อาจทำให้ผู้สมัครที่ชนะเลือกตั้ง มีผลเป็นโมฆะหนังซ้ำหุ้นไอทีวีถูกปั่นเป็นดราม่าการเมือง ชี้ชะตา “พิธา” จะร่วงหรือรอดพลอยสะเทือน 8 พรรคร่วมรัฐบาล ยิ่งปล่อยให้ยืดเยื้อนานเท่าไร ยิ่งเพิ่มความเสี่ยงการฟอร์มทีมจัดตั้งรัฐบาลโคลงเคลงมากขึ้น จำเป็นต้องกดดัน กกต.เร่งสรุปคดีหุ้นสื่อ ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญชี้ขาดก่อนถึงวันโหวตนายกฯขืนยังคาราคาซัง หาก กกต.ส่งเรื่องหุ้นสื่อให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยช่วงคาบเกี่ยวตอนโหวตนายกฯ ก็เข้าทางให้ ส.ว.เทกระจาด ไม่โหวตหนุน “พิธา” เพราะมีเรื่องขมุกขมัว หรือหากจับพลัดจับผลู ศาลรัฐธรรมนูญรับเรื่องหุ้นสื่อไว้วินิจฉัย อาจส่งผลให้นายพิธาถูกแช่แข็ง ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราว กระทบการส่งชื่อชิงนายกฯตามเค้าลางที่ยิ่งนานวัน ชื่อ “พิธา” ถูกจ้วงแผลใหม่พรุนไปทั่วตัว ไม่ได้หยุดอยู่แค่คดีหุ้นสื่อ หรือการแก้มาตรา 112 เท่านั้นแต่มีแนวโน้มติดเชื้อเพิ่มจากสารพัดข้อกล่าวหาที่ประดังเข้ามาทั่วสารทิศ อาทิ การไม่แจ้งรายการค้ำประกันหนี้สินของธุรกิจครอบครัวในบัญชีทรัพย์สินที่ยื่นต่อ ป.ป.ช.การถูกยื่นยุบพรรค กรณีภาพการ์ตูนพรรคก้าวไกลแนะนำผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ด้านแรงงาน ที่วาดสัญลักษณ์ค้อนเคียวมาเป็นองค์ประกอบภาพ ถูก กกต.เรียกชี้แจงไขข้อข้องใจ ข้อหาเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตย ตามที่ถูกยื่นร้องเรียนแม้กระทั่งการหลุดปากเอ่ยชื่อผลิตภัณฑ์สุราพื้นบ้านออกสื่อ ก็ถูกยื่นเอาผิด จ้องเล่นงานโทษฐานโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์คดีใหญ่ คดีเล็กคดีน้อยถูกเหวี่ยงแหมั่วกันไปหมด และอาจมีความผิดอื่นๆผุดตามมาเป็นดอกเห็ด หัวหน้าด้อมส้มเหนื่อยหนัก เจอกับดักนิติสงครามขึ้นบัญชีดำยาวเป็นหางว่าว เพิ่มความเสี่ยงถูกผลักตกสวรรค์ได้ทุกเวลาอย่างที่เห็น กกต.สตาร์ตเครื่อง ตั้งแท่นสอบคดีหุ้นสื่อ ตามความผิด พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. มาตรา 151 กรณีรู้ตัวขัดคุณสมบัติ แต่ยังดื้อดึงลงสมัครเลือกตั้งโชว์อาวุธหนัก อัตราโทษสูงจำคุก 1-10 ปี ปรับ 20,000-200,000 บาท เพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 20 ปี ห้ามไปใช้สิทธิเลือกตั้งและลงสมัคร ส.ส.ไม่ได้ พร้อมห้ามดำรงตำแหน่งทางการเมืองใดๆถ้าถูกสำเร็จโทษก็เท่ากับถูกปิดสวิตช์ หมดอนาคตการเมืองถาวรเกมเดิมพันอำนาจฟาดฟันกันดุเดือด เป็นการเผชิญหน้ากันระหว่างนิติสงครามสู้กับโซเชียลวอร์เครื่องจักรอำนาจเก่าเดินเครื่องเต็มสูบ ใช้กลไกกฎหมายทุกช่องทาง ทำลายความชอบธรรม “พิธา” บี้ยึดหลักตีความตามตัวอักษรเป๊ะๆขณะที่ฝ่ายอำนาจใหม่ชูความชอบธรรมเข้าสู้ ให้ดูเจตนารมณ์เป็นสำคัญ เร่งโชว์ฝีมือตรวจสอบทุจริต สร้างภูมิคุ้มกันให้ตัวเอง ตั้งแต่ยังไม่มีอำนาจเต็มตัวเป็นรัฐบาลต่างฝ่ายต่างเปิดศึกแย่งชิงมวลชนอุตลุด บทสรุปสุดท้ายยังไม่รู้จะลงเอยอย่างไรสมการการเมืองพร้อมพลิกคว่ำพลิกหงาย ดีลการจัดตั้งรัฐบาลมีโอกาสเปลี่ยนแปลงได้ตลอด หากคำตอบสุดท้ายชื่อ “พิธา” หลุดจากวงโคจรอำนาจไฟต์บังคับฝ่ายอนุรักษ์นิยมลุยถอดปลั๊กก้าวไกลตั้งรัฐบาล สกัดเกมเช็กบิลย้อนหลัง ตามคำขู่ที่นายพิธาประกาศตรวจสอบการใช้อำนาจช่วง 8 ปีของ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้เกิดกระบวนการรับผิดชอบคดีต่างๆ ตั้งแต่การทำรัฐประหาร การใช้อำนาจมาตรา 44 ในเรื่องต่างๆ การละเมิดสิทธิมนุษยชนลดความเสี่ยงที่อาจถูกเช็กบิลย้อนหลัง หากมีการเปลี่ยนโฉมหน้ารัฐบาลใหม่เดิมพันอำนาจที่ต้องสู้หมดหน้าตัก หากคิดจะลงจากหลังเสืออย่างปลอดภัย!!!ทีมข่าวการเมือง