เป็นเรื่องปกติธรรมดาถ้าสนับสนุนใครก็อยากให้ไปถึงจุดสูงสุดขนาด 14 ล้านคนเทเสียงให้จนชนะเลือกตั้งเป็นพรรคอันดับ 1ก็คาดหวังว่าจะได้เป็น “นายกรัฐมนตรี”...แต่ที่เป็นปัญหาทำท่าจะกลายเป็นอุปสรรคจนไปไม่ถึงฟากฝั่งนั้นมีอยู่ 2 เรื่อง คือ 1.ได้เสียงโหวตไม่ถึงกึ่งหนึ่ง 376 เสียง และ 2.การถือหุ้นสื่อประเด็นแรกนั้นเป็นเรื่องของการจ้างผีโม่แป้งที่กลุ่มอำนาจเก่าทิ้งไว้ในรัฐธรรมนูญ ซึ่งผู้สนับสนุน 14 ล้านคนรับทราบกันดีแต่ประเด็นถัดมาคือ การถือ “หุ้นสื่อ” ส่วนใหญ่คงไม่มีใครทราบมาก่อน หากไม่มีการยื่นคำร้องให้ กกต.สอบสวนเว้นแต่ตัว “ผู้ถูกร้อง” ย่อมทราบอะไรเป็นอะไรดีอยู่ เพราะเป็นเรื่องส่วนตัวของเขาเองจึงไม่แปลกที่จะมีการสอบสวนว่า เมื่อรู้ตัวว่าคุณสมบัติขัดกับข้อกฎหมายก็ไม่ควรจะลงสมัครเลือกตั้ง ไม่ควรคิดจะเป็นรัฐมนตรี ไม่ควรคิดจะเป็นนายกรัฐมนตรีเนื่องจากเป็น “ข้อห้าม”ที่สำคัญก็คือไม่ใช่โกหกตัวเอง แต่ยังโกหกผู้สนับสนุนที่เทคะแนนให้เมื่อเกิดปัญหาจึงไม่ควรนำ 14 ล้านเสียงมาเป็นเครื่องมือในการกดดันองค์กรที่ทำหน้าที่ตรวจสอบแต่ต้องโทษตัวเองเป็นสำคัญ...ปมประเด็นนี้นักการเมืองมักจะใช้ “ประชาชน” มาเป็นข้ออ้างเสมอเมื่อยามที่ตัวเองทำผิดหรือประพฤติปฏิบัติที่ไม่ถูกต้องเหมาะสมกรณีนี้เหมือนจะพยายามปลุกระดมกลายๆว่า หากไม่สามารถเป็นนายกรัฐมนตรีได้ก็เพราะถูกกลั่นแกล้งเป็น “นิติสงคราม” ทำนองนั้น...เมื่อถูกถามว่าทำไมต้องโอนหุ้นก็บอกว่า ตอนแรกก็มั่นใจว่าไม่มีปัญหาสามารถแก้ต่างได้ แต่พอมาถึงตรงนี้คล้ายกับว่ามีความพยายามที่จะปลุกผีให้ไอทีวีคืนชีพกลับมาดำเนินกิจการต่อ เพื่อให้ตัวเขาขาดคุณสมบัติ1.เพื่อดำเนินธุรกิจต่อไป2.เป็นเรื่องการเมืองที่วางแผนอย่างแยบยลการเป็นผู้จัดการมรดกตั้งแต่แรกและมั่นใจว่า ไม่มีปัญหาเพราะหุ้นตัวนี้แทบไม่มีราคา เนื่องจากบริษัทมีปัญหาและไม่ได้ดำเนินธุรกิจแล้วนั่นเท่ากับประมาทเมื่อไม่มีมูลค่าแล้วก็ควรขายหรือโอนให้ผู้อื่นแต่เพิ่งมาโอนเอาตอนที่กำลังเกิดปัญหาเท่ากับยอมรับว่าถือ “หุ้น” จริงจึงต้องโอนให้ผู้อื่น เพราะมันเป็นหลักฐานตำตาที่ยิ่งแก้ยิ่งพันเข้าตัวพร้อมป่าวประกาศว่าถูกกลั่นแกล้งใครบอกว่าที่ปรึกษากฎหมายของ “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจาก “ก้าวไกล” เก่งสุดยอดเกรงว่าจะพาเข้ารกเข้าพงมากกว่าคืนตั้งแต่เริ่มต้นแทนที่จะขายหรือโอนให้ผู้อื่นก็จบเรื่องไปแล้ว เพราะมีตัวอย่างให้เห็นมาแล้ว และไม่สามารถที่จะแก้ได้จนเรื่องมาถึงหัวเลี้ยวหัวต่อก็กินเนื้อตัวเองเข้าไปลึกแล้ว และผูกมัดจนดิ้นไม่ออกต้องปลุกกองเชียร์ให้เดินหน้าชนแล้วบอกว่าเป็น “คนรุ่นใหม่” หัวใจประชาธิปไตย!“สายล่อฟ้า”