เมื่อวันที่ 7 มิ.ย. สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า สำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (UNODC) ได้เผยแพร่รายงานสถานการณ์ยาเสพติดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ประจำปี 2565 ที่พบว่า ขบวนการยาเสพติดได้ปรับเปลี่ยนวิธีการลักลอบขนยาเสพติด เพื่อหลบหนีการไล่ล่าของทางการประเทศต่างๆ ทั้งยังสามารถรักษาปริมาณยาเสพติดหมุนเวียนในตลาดไว้ได้ ดูจากราคาของยาเสพติดที่ต่ำมากทั้งนี้ เมื่อปีที่ผ่านมาทางการประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกและอาเซียนประสบความสำเร็จในการยึดยาเสพติดได้เกือบ 151 ตัว ในจำนวนนี้ 138 ตัน ยึดในภูมิภาคอาเซียน แต่ขบวนการยาเสพติดถือว่าประสบความสำเร็จมากกว่าปี 2564 หลังสามารถขยายฐานการผลิตและเปิดเส้นทางลักลอบขนยาเสพติดเพิ่มเติมรายงานของสหประชาชาติระบุต่อไปว่า ขบวนการยาเสพติดในรัฐฉาน ทางภาคตะวันออกของเมียนมา ยังคงเป็นผู้ผลิตยาไอซ์อันดับหนึ่ง ยาเสพติดปริมาณมหาศาลถูกขนผ่านพื้นที่พรมแดนเมียนมา-ลาว-ไทย อย่างไรก็ตาม ขบวนการยาเสพติดได้เปิดเส้นทางใหม่คือขนยาเสพติดผ่านภาคกลางของเมียนมาและนำลงเรือออกสู่ทะเลอันดามัน ก่อนลักลอบขึ้นฝั่งไทยและผ่านต่อไปยังมาเลเซียสำหรับการลักลอบทางเรือ ซึ่งเป็นเส้นทางใหม่นั้น การตรวจสอบพบว่าผู้ลักลอบจะทำการติดเครื่องส่งสัญญาณวิทยุหรือจีพีเอสก่อนทิ้งยาเสพติดลงทะเลน่านน้ำสากลและให้เรือลำอื่นมาเก็บไปอีกทอด หรืออีกวิธีคือทำการแลกเปลี่ยนกันกลางทะเลในน่านน้ำสากล โดยจะมีเรือขนาดใหญ่มารับสินค้า บางครั้งเรือที่มารับสินค้าเหล่านี้สามารถเดินทางต่อไปได้ไกลถึงออสเตรเลีย ฟิลิปปินส์ หรือไต้หวันจากความร่วมมือในการปราบปราบการลักลอบ ขนยาเสพติดระหว่างรัฐบาลไทย-จีน พบว่า ปริมาณยาเสพติดที่ยึดได้มีจำนวนน้อยลง แสดงให้เห็นว่าแก๊งยาเสพติดเริ่มใช้เส้นทางทะเลมากขึ้น ซึ่งเป็นเรื่องที่ตรวจจับได้ยาก เนื่องด้วยภูมิภาคอาเซียนมีเรือประมงออกจับปลาหลายพันลำ และการจะไปตรวจสอบทีละลำไม่ใช่เรื่องง่ายนอกจากนี้ สหประชาชาติยังพบด้วยว่า กัมพูชากำลังกลายเป็นจุดเปลี่ยนผ่านยาเสพติด รวมถึงอาจกลายเป็นแหล่งผลิตยาเสพติดแห่งใหม่ หลังทางการกัมพูชาเพิ่งทำการบุกทลายแหล่งผลิตเคตามีนในระดับอุตสาหกรรม ทั้งนี้ แม้ทางการประเทศต่างๆจะยึดยาเสพติดได้มหาศาล แต่ราคายาเสพติดในตลาดตลอดปี 2565 ถือว่าอยู่ในระดับต่ำเป็นประวัติการณ์ ซึ่งหากดูตามกฎอุปสงค์-อุปทานแล้ว แสดงว่าเส้นทางการลักลอบขนส่งหลักๆไม่ได้ถูกขัดขวางแต่อย่างใด.