ออกอาการไม่มั่นใจ กรณีถือหุ้นไอทีวี ถูกหยิบยกมาขยี้ขยายจนกลายเป็นลางร้ายอันดับ 1 ที่จะทำให้ “เดอะทิม” พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล “ตกสวรรค์” ไปไม่ถึงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีตามที่นักกฎหมายบางคนบอกไว้ ถ้าว่ากันตามตัวอักษร จะให้รอดก็ได้ ไม่รอดก็ได้จับสังเกต “พิธา” จากเดิมที่มั่นใจมาตลอด ต้องรีบโอนหุ้นเจ้าปัญหาไปให้ทายาทคนอื่น ส่อให้เห็นถึงความหวาดระแวง ชิ่งหนีเลี่ยงตอบนักข่าว ขอไปตั้งหลักก่อน แล้วค่อยอธิบายยาวเหยียดผ่านเพจเฟซบุ๊กยืนยันไม่ได้หนีปัญหา สาเหตุที่โอนหุ้นเพราะศาลปกครองใกล้ตัดสินคดีพิพาทระหว่างสำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีกับไอทีวี เกรงว่าหากไอทีวีชนะจะถูกคืนชีพให้เป็นสื่ออีกครั้ง จึงต้องสร้างความปลอดภัยให้ตัวเองก่อนกระนั้นก็ยังไม่รู้ว่า “พิธา” จะรอดจากวิบากกรรมครั้งนี้หรือไม่นอกจากต้องลุ้นเสียงโหวตจะถึงไหม ยังต้องลุ้นเรื่องคุณสมบัติขัดต่อรัฐธรรมนูญอีกดอกและคำถามต่อไปคือจะตัดสินกันเมื่อไหร่ ก่อนหรือหลังวันโหวตเลือกนายกฯ ช่วงเดือน ส.ค.ถ้าไปตัดสินกันหลังวันโหวตคงรอดยาก ตามที่นายสมชัย ศรีสุทธิยากร ประธานยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนนโยบายพรรคเสรีรวมไทย อดีต กกต.ว่าไว้ เรื่องนี้จะเป็นสาเหตุข้ออ้างให้ ส.ว.ไม่ยกมือสนับสนุน “พิธา”เครื่องจักรของอำนาจเดิมกำลังทำงานอย่างเต็มที่ เพื่อต้านทานการเปลี่ยนแปลงของสังคม อย่าได้ประมาทว่าเป็นเครื่องเก่า กำลังผุพัง หรือล้าสมัย เพราะมันยังกำลังทำงานของมันไม่เคยหยุดนิ่ง ฟันธงตรงประเด็นเหมือน “อาจารย์ป๊อก” ปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า ว่าด้วยเรื่องของ 2 กลไกนิติสงคราม ที่ยังเดินเครื่องไม่หยุดกลไกแรก กระบวนการทำให้ประเด็นทางการเมืองเป็นคดีและอยู่ในกระบวนการยุติธรรมล้อมคอกรอประหาร ก่อนเขี่ยลูกเปิดเกมโดย “นักร้อง” ปฏิบัติการ “ระเบิดแดงให้แทงหมดโต๊ะ”เปรียบเหมือนการเล่นสนุ้กเกอร์ ฝ่ายแรกเปิดเกมด้วยการแทงลูกขาวด้วยความรุนแรงไปใส่กลุ่มลูกแดงจนกระจายเกลื่อนกลาด เปิดทางให้ฝ่ายหลังไล่เก็บกวาดสบายมือตามด้วยกลไกที่สอง กระบวนการทำให้ประเด็นอยู่ในมือสื่อ ปั่นข่าว ชี้นำสังคม ใช้เกมจิตวิทยาจูงใจให้คล้อยตาม จนกลบหลักการเหตุผลไปหมดและเวลานี้ “พิธา” กำลังเผชิญหน้าอยู่กับ “นิติสงคราม” ที่ตามวนเวียนหลอกหลอนมาตั้งแต่ปี 2548ปลุกสังคมให้รู้เท่าทัน และต่อสู้ยันกลับไปด้วย “การเมือง+กฎหมาย”กระนั้นหลายครั้งที่รู้ทั้งรู้จะมาทรงไหน มุกเก่าแผนเดิมยังไง แต่ก็ต้านทานไม่ไหวอยู่ดีมองสถานการณ์ยามนี้ เห็นจังหวะไล่นวด ไล่ต้อน ด้อยค่าให้ศรัทธาอ่อนยวบ ตีกระหน่ำจากเหตุการณ์ “โอนไว” ของ “พิธา” บอกกล่าวสังคมว่าส่อพิรุธ ออกอาการร้อนตัวยิ่งเซ ยิ่งซ้ำ การเมืองเดิมพันแย่งชิงอำนาจ ไม่มีคำว่าปรานีแต่แม้อาการไม่ค่อยดี แต่ “เดอะทิม” ก็ยังดูหล่อหน้าตาดี ขึ้นแท่นซุปเปอร์สตาร์เบอร์ 1หยิบจับทำอะไรเป็นเงินเป็นทอง กลายเป็นกระแสไวรัลไปหมดทั้งโภชนาการ งานบันเทิง แย่งซีนเด่นทุกวงการ แต่ไม่รู้ว่าจะได้เป็นพระเอกอีกนานแค่ไหนบทที่เขียนไว้ในมือผู้กำกับ อาจเหลือไม่กี่ตอนก่อนปิดกล้องจบบริบูรณ์บนหมากกระดานการเมือง หากตัด “พิธา” ออกไปสักคน สมการเปลี่ยนแปลงทันที โอกาสเกมพลิกกลับตาลปัตร ถึงขั้นย้ายข้างมีสูงมากเพราะก้าวไกลยึดหลักการ “ปิดทางตัวเอง เปิดทางประชาชน” มีแต่ลุยเดินหน้า ไม่เหลือทางถอยแข็งกร้าว ชัดเจน จะชูใครเป็นนายกฯ หรือไม่จับมือใครตั้งรัฐบาล จึงเสนอ “พิธา” เป็นแคนดิเดตนายกฯ แต่เพียงผู้เดียวเมื่อเกิดอุบัติเหตุขึ้นมาหนีไม่พ้นบาดเจ็บรุนแรง หากโชเฟอร์ “พิธา” วูบไป พลพรรคก้าวไกลก็เสี่ยงไถลตกเหวอยู่ที่เพื่อนร่วมทางที่ขึ้นรถมาด้วยอีก 7 พรรค จะกระโดดหนีตายหรือไปประคองพวงมาลัยไว้แทน จุดวัดใจเกิดขึ้นแน่ การเมืองกำลังรอจุดหักเห จุดเปลี่ยนเพียงแค่ไม่รู้ว่าเร็วช้าหรือว่าแง่มุมไหน เหตุบ้านการเมืองประเทศไทยต้องเป็นแบบนี้เรื่อยไปไม่รู้ใครกำหนดไม่เคยมีประเภทว่าทุกอย่างเคลื่อนตัวไปตามสภาพฟ้า ฝนภัยพิบัติเหนือคาดเดาเกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา พยากรณ์ไม่ได้ณ วันนี้การเมืองไทยเลยยังมองไม่เห็นอนาคต.ทีมข่าวการเมือง