หลังจากแพ้สงครามโลกครั้งที่ 1 เยอรมนีผู้แพ้ถูกมหาอำนาจบังคับให้ลงนามในสนธิสัญญาสงบศึกเมื่อพฤศจิกายน 1918 กระแสต่อต้านการยอมแพ้สงครามแพร่ขยายกระจายไปทุกตรอกซอกมุมของประเทศ เพราะมีคนไปปล่อยข่าวว่าที่แพ้ ไม่ใช่เพราะกองทัพอ่อนแอ แต่เป็นเพราะพวกสังคมนิยมและพวกนักการเมืองในรัฐบาลยอมทำตามข้อตกลงอย่างไม่มีเงื่อนไข ประชาชนคนเยอรมันมีความรู้สึกเหมือนถูกรัฐบาลลอบแทงข้างหลังให้ยอมรับความพ่ายแพ้กระแสข่าวลือที่ว่าสร้างโดย Free Corps หรือกองกำลังอิสระ ซึ่งเป็นกองกำลังของพวกชาตินิยมติดอาวุธนอกเครื่องแบบ ประสงค์ของกองกำลังอิสระก็คือ เพื่อลดความเชื่อมั่นของประชาชนที่มีต่อประเทศ เมื่อกระแสแพร่สะพัดแล้ว กลุ่มการเมืองที่มีชื่อว่า ‘คณะกรรมาธิการอิสระเพื่อสันติภาพของแรงงานเยอรมัน’ ก็แปลงร่างเป็น ‘พรรคแรงงานเยอรมัน’ เอากระแสที่มีการปั่นขึ้นมาเป็นนโยบาย นโยบายหลักของพรรคแรงงานเยอรมันก็คือ ต่อต้านสนธิสัญญาแวร์ซายและเรียกร้องให้มีการสร้างประเทศใหม่เพื่อชาวเยอรมันเท่านั้นกองทัพกลัวกระแสนี้ของ ‘พรรคแรงงานเยอรมัน’ เพราะแรงและแพร่ขยายไปทุกตรอกซอกมุมด้วยใบปลิวและวิทยุ จึงส่งทหารชั้นประทวนนายหนึ่งไปสอดแนมหาข่าวสาร ทหารคนนั้นชื่อ สิบโท อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ หน้าที่ของผู้หมู่ผู้นี้ก็คือเข้าไปร่วมกิจกรรมเพื่อสอดแนมและรวบรวมข่าวส่งกองทัพ สิบโทฮิตเลอร์เข้าไปนั่งฟังบ่อยๆ ก็ซึมซับนโนบายชาตินิยมและการต่อต้านชาวยิว แต่แกไม่ชอบการบริหารจัดการพรรคที่ไม่มีประสิทธิภาพ แกจึงเสนอให้ปรับปรุงวิธีการดำเนินงาน ฮิตเลอร์ตอนนั้นอายุเพียง 30 ปี เป็นคนหนุ่มรูปหล่อ มีวาทะศิลป์เยี่ยมยอด การพูดของฮิตเลอร์ทำให้สมาชิกพรรคหลายคนคล้อยตามสิบโทฮิตเลอร์พูดเก่ง พูดจาไพเราะเพราะพริ้ง จับใจ และมีความเป็นเหตุเป็นผล ผู้บริหารพรรคจึงชวนให้เข้ามาเป็นสมาชิกพรรค แต่ฮิตเลอร์ปฏิเสธเพราะตัวเองเป็นทหาร มายุ่งกับการเมืองไม่ได้ ที่มาเกี่ยวดองหนองยุ่งด้วย เพราะมาตามหน้าที่ราชการเท่านั้นหลังจากผู้บังคับบัญชาอ่านรายงานการสอดแนม ก็เรียกสิบโทฮิตเลอร์ไปพบ “เฮ้ย เมื่อเขาชวนก็สมัครซีวะ จะได้มีข่าวลึกมารายงานกองบัญชาการ” เมื่อได้ไฟเขียวจากกองทัพแล้ว สิบโทฮิตเลอร์จึงไปสมัครและได้เป็นสมาชิกพรรคลำดับที่ 55 (พรรคไม่ดัง จึงยังมีสมาชิกน้อย) ด้วยวาทะศิลป์การพูดที่ประทับใจ กินใจ เสมือนหนึ่งเป็นผู้รอบรู้ ทำให้สมาชิกพรรคบางคนขอให้แกเป็นคณะกรรมการบริหารพรรค เมื่อกองทัพอนุมัติ สิบโทฮิตเลอร์ก็เข้าร่วมเป็นคณะกรรมการบริหารพรรคกรรมการบริหารพรรคมี 7 คน ฮิตเลอร์จึงดิ้นรนขอเปลี่ยนหมายเลขสมาชิกพรรคจากหมายเลข 55 เป็นหมายเลข 7 เพื่อให้เห็นว่าตัวเองเป็นสมาชิกพรรคคนแรกๆ เป็นผู้ร่วมก่อตั้งพรรค เมื่อได้เป็นคณะกรรมการบริหารพรรคแล้ว สิบโทฮิตเลอร์ก็ไปเล่าให้บรรดาเพื่อนทหารฟังถึงความรักชาติ ความเป็นชาตินิยม ความต้องกำจัดชาวยิว ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเศรษฐีจากการไปประจบประแจงเลียแข้งเลียขาผู้มีอำนาจระดับสูงเพื่อให้รับการอนุมัติได้สัมปทานผูกขาดเพื่อนทหารเยอรมันฟังฮิตเลอร์แล้วก็คล้อยเคลิ้ม ตามเข้าไปสมัครเป็นสมาชิกพรรคหลายคน หัวหน้ากองกำลังอิสระที่มีชื่อว่า ร้อยเอกแอนสท์ เริม เห็นว่าเป็นโอกาส ก็ไปเล่าเรื่องทั้งหลายให้อดีตผู้บังคับบัญชาที่มีชื่อว่า นายพล ริทเทอร์ ฟอน เอพพ์ ท่านนายพลฟังแล้วก็ผงกหัว เห็นด้วยหงึกๆ จากนั้นก็ลงนามจ่ายงบลับสนับสนุนพรรค ให้เงินไปจัดประชุม รวมทั้งนำไปพิมพ์นิตยสารรายสัปดาห์ที่มีชื่อว่า People Observerนอกจากงบลับจากกองทัพแล้ว สิบโทฮิตเลอร์ยังจัดกิจกรรมบรรยายปราศรัยเพื่อหาเงินเข้าพรรค คนมาฟังกันมากเพราะชอบวิธีการพูดและการอรรถาธิบายขยายความของสิบโทฮิตเลอร์ ซึ่งต่อมากลายเป็นผู้ปราศรัยหลักในการอบรมสัมมนา ห้วงเวลาไม่นาน พรรคแรงงานเยอรมันมีสมาชิกเพิ่มอีกหลายร้อยคน แถมมีคนบริจาคเงินให้ไม่น้อย ความสำเร็จอันนี้ ทำให้สมาชิกพรรคเลือกสิบโทฮิตเลอร์เป็นหัวหน้าฝ่ายประชาสัมพันธ์ของพรรค.นิติการุณย์ มิ่งรุจิราลัยsonglok1997@gmail.com