เมื่อเร็วๆนี้มีกรณีผู้ใช้สื่อโซเชียลหลายรายเกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อน เรื่องการปรับขั้นตอนการยื่นความต้องการจ้าง “คนต่างด้าว”...สัญชาติกัมพูชา ลาว เมียนมา (Demand) หลังวันที่ 1 มิถุนายน 2566 ว่า “ประเทศไทย” จะไม่รับยื่นความต้องการจ้างคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชาและลาวนั้นไพโรจน์ โชติกเสถียร อธิบดีกรมการจัดหางาน บอกว่า ไม่เป็นความจริง กรมการจัดหางานขอยืนยันว่า หลังวันที่ 1 มิถุนายน 2566 หากนายจ้าง สถานประกอบการประสงค์จะนำคนต่างด้าวสัญชาติลาว กัมพูชา และเมียนมา เข้ามาทำงานในประเทศอย่างถูกกฎหมาย (MOU) ยังคงสามารถยื่นความต้องการจ้างคนต่างด้าวได้โดยกำหนดให้ “นายจ้าง”...“ผู้ประกอบการ” ยื่นความต้องการจ้างคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชาและสัญชาติลาว ที่สำนักงานจัดหางานจังหวัด สำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1-10 ซึ่งเป็นที่ตั้งของสถานประกอบการขณะที่กรมการจัดหางาน (ส่วนกลาง) จะไม่รับคำร้องขอนำเข้าฯ ของแรงงานทั้ง 2 สัญชาติดังกล่าวแล้ว ในส่วนของ...แรงงานสัญชาติเมียนมา กำหนดให้นายจ้างผู้ประกอบการ ยื่นความต้องการจ้างคนต่างด้าว (Demand) ได้ที่กรมการจัดหางาน (ส่วนกลาง) ต่อไป“ปัจจุบันสถานการณ์โควิดคลี่คลาย กรมการจัดหางาน จึงปรับเปลี่ยนขั้นตอนการยื่นความต้องการจ้างคนต่างด้าว เพื่อให้กระบวนการนำคนต่างด้าวเข้ามาทำงานในประเทศไทย มีความสะดวก รวดเร็ว ทันต่อความต้องการของนายจ้างผู้ประกอบการ” ไพโรจน์ ว่า“อย่างไรก็ตาม สำหรับการยื่นขอคนสัญชาติเมียนมา ยังคงต้องปฏิบัติตามแนวทางเดิมต่อไปก่อน เนื่องจากทางการเมียนมาได้ร้องขอให้การลงนามในหนังสือถึงกรมแรงงานเมียนมา ต้องมีอธิบดีเป็นผู้ลงนาม”ตอกย้ำทำความเข้าใจกันให้ชัดเจนเช่นนี้...นายจ้าง สถานประกอบการและคนต่างด้าวสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานจัดหางานจังหวัดทุกจังหวัด สำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1-10 หรือที่สายด่วนกระทรวงแรงงาน โทร.1506 กด 2 กรมการจัดหางานสรุปได้ว่า...หลังวันที่ 1 มิ.ย.66 นายจ้าง ผู้ประกอบการยังคงจ้างคนสัญชาติ ลาว กัมพูชา และเมียนมา ทำงานได้ เพียงปรับสถานที่ยื่น Demand เพื่อความสะดวกของผู้ประกอบการเท่านั้น ที่ผ่านมา...กรมให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการแรงงานข้ามชาติอย่างมาก เพราะถือเป็นฟันเฟืองสำคัญในการขับเคลื่อนภาคอุตสาหกรรม ภาคการผลิต...ส่งออก ตลอดจนภาคการท่องเที่ยวและบริการ ที่ส่งผลโดยตรงต่อเศรษฐกิจของประเทศไทยการบริหารจัดการการทำงานของแรงงานต่างด้าว 3 สัญชาติ กัมพูชา ลาว เมียนมา เพื่อประโยชน์ในการรักษาความมั่นคงและเศรษฐกิจของประเทศ โดยเป็นการผ่อนผันให้นายจ้างและแรงงานต่างด้าวกลุ่มเป้าหมาย ที่ต้องการทำงานต่อไป มีระยะเวลาดำเนินการจัดทำเอกสารในส่วนที่เกี่ยวข้องให้ครบถ้วนโดยเมื่อคนต่างด้าวเดินทางกลับประเทศต้นทางแล้วจะสามารถเข้ามาทำงานได้ตาม MOU ครั้งใหม่ ทั้งยังเป็นการช่วยสนับสนุนนายจ้าง สถานประกอบการที่ยังต้องการจ้างแรงงานเหล่านั้นต่อ โดยแรงงานยังอยู่ในกำกับและการบริหารจัดการของหน่วยงานภาครัฐ... เพื่อเศรษฐกิจเติบโตอย่างต่อเนื่อง“เน้นย้ำกำชับให้ติดตามการดำเนินการตามมติ ครม.ในคราวต่างๆอย่างใกล้ชิด เพื่อให้นายจ้าง สถานประกอบการ แรงงานต่างด้าว สามารถปฏิบัติตามขั้นตอนที่กำหนดตามประกาศกระทรวงแรงงาน และประกาศกระทรวงมหาดไทยได้อย่างราบรื่น”แน่นอนว่า หาก “นายจ้าง” ฝ่าฝืนกฎหมายจ้างคนต่างด้าวลักลอบเข้าเมืองทำงานโดยไม่มีใบอนุญาต มีโทษปรับตั้งแต่ 10,000-100,000 บาทต่อคนหากทำผิดซ้ำมีโทษถึงจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือทั้งจำทั้งปรับกระนั้นแล้วก็ยังพบเห็นการลักลอบเข้ามาทำงานของคนต่างด้าวอยู่เนืองๆ โดยการบูรณาการร่วมกับฝ่ายความมั่นคง ทหาร ตำรวจฝ่ายปกครอง จัด “ชุดเฉพาะกิจ” ตรวจสอบ ปราบปราม จับกุม ดำเนินคดี คนต่างด้าว นายจ้าง...สถานประกอบการ และผู้ที่เกี่ยวข้องกับการลักลอบทำงานผิดกฎหมายพุ่งเป้าป้องปรามมิให้กระทำความผิด ลงโทษผู้กระทำความผิดให้เกิดความหลาบจำไม่กระทำผิดซ้ำอีก ขอย้ำเตือนและขอความร่วมมือนายจ้าง เจ้าของสถานประกอบการ ไม่จ้างแรงงานต่างด้าวที่เข้ามาโดยผิดกฎหมาย หากมีความประสงค์ที่ต้องการใช้แรงงานต่างด้าวขอให้ดำเนินการตามกระบวนการนำแรงงานต่างด้าวมาทำงานกับนายจ้างในประเทศตาม MOU อย่างเป็นระบบต้องเข้าใจด้วยว่าในการบริหารจัดการเพื่อสร้างสมดุลแรงงาน กระทรวงแรงงานยังดำเนินมาตรการใช้กำลังแรงงานที่มีอยู่ในประเทศเป็นลำดับแรก มีการวางแผนให้ประเทศไทยมีแรงงานต่างด้าวในระบบการทำงานอย่างเพียงพอกับความต้องการจะเห็นได้ว่า “คนต่างด้าว” ที่ได้รับผ่อนผันตามมติคณะรัฐมนตรีในวาระต่างๆ หากดำเนินการตามขั้นตอนภายในระยะเวลาที่กำหนด จะสามารถอยู่ในราชอาณาจักรและทำงานในประเทศไทยได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย ไม่ต้องหลบซ่อน มีสวัสดิการ ได้รับสิทธิประโยชน์จากประกันสังคมที่สำคัญ...แรงงานต่างด้าวเหล่านี้ยังจะได้รับการคุ้มครองสิทธิตามกฎหมายแรงงานไม่ต่างจากคนไทย นั่นเป็นเพราะว่าเราให้ความสำคัญ...ดูแลแรงงานไทย แรงงานต่างด้าว อย่างเท่าเทียม ตามหลักสิทธิมนุษยชนกรณี “ชุดเฉพาะกิจ” ตรวจพบการกระทำผิดกฎหมายนายจ้างรับคนต่างด้าวเข้าทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงาน มีโทษปรับตั้งแต่ 10,000-100,000 บาท ต่อคนต่างด้าวหนึ่งคน หากทำผิดซ้ำมีโทษถึงจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับตั้งแต่ 50,000-200,000 บาท ต่อคนต่างด้าวที่จ้างหนึ่งคน หรือทั้งจำทั้งปรับ และห้ามจ้างคนต่างด้าวทำงานอีก 3 ปีประเด็นสำคัญมีอีกว่า...อัตราโทษของคนต่างด้าวที่ลักลอบทำงานโดยไม่ได้รับอนุญาตมีโทษปรับตั้งแต่ 5,000-50,000 บาท ถูกส่งตัวกลับประเทศต้นทาง และไม่สามารถขอรับใบอนุญาตทำงานได้จนกว่าจะพ้นโทษมาแล้วเป็นระยะเวลา 2 ปีกรมการจัดหางานจะใช้มาตรการลงพื้นที่สุ่มตรวจโดยไม่แจ้งล่วงหน้าในทุกจังหวัดอย่างเข้มงวดต่อไป จึงขอฝากไปยังผู้ที่พบเห็นการจ้างคนต่างชาติทำงานโดยผิดกฎหมาย หรือพบคนต่างชาติลักลอบทำงานโดยผิดกฎหมาย ให้ช่วยกันเป็นหูเป็นตาฝากไว้ว่า...หากผู้ใดพบเห็นหรือสงสัยว่ามีคนต่างด้าวลักลอบทำงานผิดกฎหมายสามารถแจ้งเบาะแสได้ที่สำนักงานจัดหางานจังหวัดทุกจังหวัด สำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1-10 หรือสายด่วนกระทรวงแรงงาน.