“หลังออกจากงานประจำแล้วกลับมาอยู่บ้าน เห็นพื้นที่ข้างบ้านถูกปล่อยให้รกร้าง จึงทดลองปลูกพริกไทยเพราะผลผลิตขายได้ทั้งเมล็ดสด หรือจะแปรรูปรอราคา และยังขายกิ่งพันธุ์ได้ พร้อมกับปลูกแก้วมังกรเสริม พืชทั้งสองชนิดหากดูแลจัดการดีๆ ปลูก 1 ครั้ง แต่ละรุ่นจะให้ผลตอบแทนนาน 10-15 ปี” นายวรวัฒน์ สอนจันทร์ ชาวบ้านหนองแซง ต.สันตม อ.ภูเรือ จ.เลย วัย 32 ปี บอกถึงที่มาของการทำสวนแก้วมังกร...ช่วงแรกทางบ้านไม่สนับสนุน เพราะใช้เงินลงทุนมาก แถมจังหวัดเลยเป็นแหล่งปลูกแก้วมังกรมากที่สุด ผลผลิตส่วนใหญ่จะขายในพื้นที่และจังหวัดใกล้เคียง ยังไม่มีรายไหนสามารถส่งออกไปตลาดต่างประเทศได้จึงวางเป้าหมาย...จะต้องเป็นรายแรกที่ส่งออกแก้วมังกรให้ได้ช่วงปี 2554 เริ่มหาข้อมูลการส่งออกสินค้าต้องทำอย่างไรบ้าง ให้ตรงตามเกณฑ์มาตรฐานการส่งออก ทั้งการจัดการสวน รวมถึงเอกสารต่างๆ ควบคู่กับขายกิ่งพันธุ์พริกไทยและกิ่งพันธุ์แก้วมังกร เก็บออมเป็นทุนขยายพื้นที่ปลูกเรื่อยๆ รวมพื้นที่ 15 ไร่ก่อนปลูกต้องปรับสภาพหน้าดินขุดหลุม นำเสาปูนมาปักไว้เตรียมทำค้างระยะห่าง 3×3 เมตร พื้นที่ 1 ไร่ ได้ 177 เสา แต่ละหลุมใส่ปุ๋ยคอกปริมาณ 30 กก.ปั่นดินรอบโคนเสาให้ดินร่วนซุย ลดความร้อนในพื้นดิน พร้อมปรับสภาพแล้วลงสายพันธุ์...ช่วงแรกใช้พันธุ์แก้วมังกรขาวเวียดนาม เพราะทนต่อโรค ให้ผลผลิตปริมาณ 50-100 กก.ต่อเสาต่อปี หลังปรับได้ตามเกณฑ์มาตรฐาน เน้นทำเกษตรปลอดภัย ลดการใช้สารเคมี กระทั่งได้รับตรารับรองเกษตรปลอดภัย Global GAP และ GAP ทำให้สามารถส่งออกแก้วมังกรไปตลาดต่างประเทศได้ในปี 2556แต่จะส่งออกได้ก็จริง หากต้องการจะให้ตลาดมั่นคงต้องเข้าหาตลาดเพื่อให้รู้ว่าแต่ละแห่งผู้บริโภคต้องการอะไร...ถ้าหากนำแก้วมังกรพันธุ์ใหม่มาปลูกในพื้นที่ภูเรือได้ นอกจากกลายเป็นอาชีพที่มั่นคง ยังเพิ่มทางเลือกให้กับชาวบ้านในพื้นที่ปี 2560 วรวัฒน์ จึงนำเข้าแก้วมังกรพันธุ์เหลืองเอกวาดอร์ แดงเอกวาดอร์ และอีกหลายสายพันธุ์ตามมา ซึ่งแต่ละสายพันธุ์ให้ผลผลิตไม่ตรงกัน ทำให้มีเงินเข้าตลอด...ผลผลิตที่ได้บางส่วนส่งขายจีน ญี่ปุ่น ฮ่องกง ออสเตรเลีย ภายใต้ข้อตกลงการค้าเสรีที่กระทรวงพาณิชย์แนะนำ นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ บอกว่า พื้นที่ อ.ภูเรือ จ.เลย เป็นแหล่งที่ปลูกแก้วมังกรมากที่สุดในประเทศไทย วันนี้เกษตรกรให้ความสำคัญกับการพัฒนาหาสายพันธุ์ใหม่ที่สามารถตอบโจทย์ความนิยมของผู้บริโภคในบ้านเรา และยังมุ่งขยายตลาดส่งออก และหลังจากการแลกเปลี่ยนข้อมูลกันพบว่าวันนี้เกษตรกรมีความสนใจกิจกรรมการจับคู่ธุรกิจเพื่อหาตลาดใหม่ของกระทรวงพาณิชย์ ภายใต้การใช้ประโยชน์จากความตกลงการค้าเสรี (FTA) เพื่อขยายไปสู่ตลาดต่างประเทศโดยประเทศไทยมี FTA กับ 15 ประเทศ ได้แก่ อาเซียน 8 ประเทศ ยกเว้นมาเลเซียที่ยังคงเก็บภาษีศุลกากรแก้วมังกรที่ส่งออกจากไทยที่ร้อยละ 5 ส่วนจีน ญี่ปุ่น ฮ่องกง ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ชิลี เปรู ได้ยกเลิกการเก็บภาษีศุลกากรกับแก้วมังกรส่งออกจากไทยแล้ว ยังเหลือแต่เกาหลีใต้ที่ยังคงเก็บภาษีศุลกากรที่ร้อยละ 36จากการยกเว้นภาษีดังกล่าว นับว่าเป็นโอกาสดีของเกษตรกรในการขยายตลาดส่งออกไปยังประเทศดังกล่าว รวมไปถึงตลาดในแถบซาอุดีอาระเบีย ที่วันนี้กลับมาฟื้นความสัมพันธ์กับไทย น่าจะเป็นโอกาสดีของการขยายตลาดแก้วมังกรไปยังตะวันออกกลางเพิ่มขึ้นด้วย. เพ็ญพิชญา เตียว