นับเป็นนักวิชาการอีกคนที่เดินอยู่บนถนนสายสันติวิธี มีข้อเสนอต่อสังคมเสมอถึงทางออกของประเทศในยามวิกฤติความขัดแย้งครั้งนี้ก็เช่นเดียวกันหลังรัฐบาลผ่านศึกซักฟอก บ้านเมืองยังติดหล่มขัดแย้งทางความคิด สุ่มเสี่ยงเกิดอุบัติเหตุทางการเมือง ในรูปแบบรัฐประหารหรือรัฐบาลแห่งชาติไปแย้มมุมคิดของ ดร.ชัยวัฒน์ สถาอานันท์ ศาสตราจารย์คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัย ธรรมศาสตร์ ถึงกลเม็ดผ่านด่านการเมืองนอกระบบ เพื่อเดินหน้าประเทศไทยโดยอาจารย์สะท้อนให้เห็นว่า ในแง่นี้การอภิปรายไม่ไว้วางใจช่วยให้ผู้คนได้รับรู้รับเห็นว่าสังคมที่เขาอยู่เป็นอย่างไร ถ้าสภาเป็นกระจกเงาสะท้อนความจริงในสังคม ก็เท่ากับว่าตอนนี้ความขัดแย้งกำลังถูกถ่ายเข้ามาอยู่ในรัฐสภา เพื่อให้ฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลได้ถกเถียงกัน ถือเป็นเรื่องที่ดีเพราะทุกสิ่งอย่างดำเนินอยู่ภายใต้กฎเกณฑ์ ระเบียบต่างๆที่ต้องปฏิบัติ เป็นกรอบคุมความขัดแย้งระหว่างฝ่ายต่างๆเอาไว้มิให้ระเบิดไปสู่ความรุนแรง อีกทั้งปัจจุบันระบบการเมืองแม้มีข้อจำกัดไม่น้อย แต่ที่เป็นอยู่ก็เปิดช่องทางให้พรรคการเมืองรุ่นใหม่ ได้นำเสนอข้อคิดความเห็น พร้อมคำอธิบายเบื้องลึกเบื้องหลังปัญหาด้วยประเด็นใหม่ๆที่แตกต่างไปจากเดิม ซึ่งไม่เคยพบเห็นกันมาแต่ก่อนเป็นภาพสะท้อนความขัดแย้งในสังคมปัจจุบัน ทั้งความเชื่อ แนวคิด คุณค่า หลายสิ่งอย่างซึ่งกำลังเผชิญกันอยู่จริงๆระหว่าง “ของที่เป็นประเพณี” ในสังคมกับความคิดที่กำลัง “ตรวจสอบประเพณี” เหล่านั้นในกรอบการเมืองรัฐสภา ในแง่นี้นับเป็นปรากฏการณ์ความก้าวหน้าของสังคมไทยมิใช่หรือเพราะความสำเร็จของสภาอยู่ที่สามารถถ่ายทอดสิ่งเหล่านี้เข้ามา และให้สาธารณชนได้รับฟังติดตามทั่วประเทศ เท่าที่รับฟังการอภิปราย แม้จะมีการประท้วงเป็นระยะๆ แต่นั่นคือ “พลังที่ปะทุในสภา” ผู้ทำหน้าที่ประธานการประชุมก็พยายามทำหน้าที่ควบคุม ให้การประชุมดำเนินการต่อไปได้ที่น่าสนใจต้องยอมรับว่าสังคมไทยขณะนี้เป็นอย่างนี้จริงๆ หากถามว่ามีทางออกหรือไม่ ถ้าไม่ตั้งความหวังมากจนเกินไป โดยตั้งความหวังแค่เข้าใจให้ได้ว่า การต่อสู้ในสภาสะท้อนความเป็นจริงในสังคม ก็ต้องถือว่า การเมืองระบอบประชาธิปไตยโดยรัฐสภาทำหน้าที่ของมันอยู่แล้ว แม้ภายใต้กฎเกณฑ์เช่นนี้ทุกคนรู้ว่าจะจบอย่างไรการอภิปรายแบบนี้สุดท้ายนำไปสู่ทางออกของประเทศอย่างไร ควรคิดถึงทางออกอย่างรัฐบาลแห่งชาติหรือการรัฐประหารหรือไม่ นายชัยวัฒน์ บอกว่า กลไกของสภาเป็นทางออกอยู่แล้ว เราต้องเข้าใจการทำงานและให้โอกาสมันทำงานหากไปคิดถึงรัฐประหาร คิดถึงรัฐบาลแห่งชาติเป็นการคิดที่ไม่ให้โอกาสกลไกสภาทำงาน ไม่ให้ความจริงปรากฏเพราะเป็นการเอาอำนาจนอกระบบบางอย่างไปกดบังคับ ย่อมมีปัญหาใหญ่ตามมา เพราะทั้งรัฐบาลแห่งชาติและการรัฐประหาร ไม่ใช่วิธีการแก้ปัญหา แต่เป็นการนำปัญหาอีกชุดหนึ่งโถมทับลงบนสังคมที่ประสบปัญหาสาหัสต่างๆอยู่แล้วแม้อาจดูเหมือนจะหยุดเรื่องต่างๆไว้ได้บ้าง แต่ก็เป็นการชั่วคราวไม่ใช่การแก้ปัญหายิ่งทุกวันนี้มันมีแนวโน้มทำให้แรงกดดันเพิ่มมากขึ้น เพราะตอนนี้ประเทศไทยมีปัญหาเยอะแยะไปหมด บางสิ่งอย่างก็ไม่เคยพบเจอมาเช่น ปัญหาโควิด-19 โรคระบาดร้ายกาจนี้เปลี่ยนแปลงความสัมพันธ์ของมนุษย์ไปแทบหมดสิ้น คำถามคือโรคนี้มันฉลาด ปรับตัวกลายพันธุ์ วัคซีนอาจใช้ไม่ได้ยิ่งกว่านั้นโรคระบาดนี้จะดำเนินไปยาวนานแค่ไหน ความยากจนย่อมต้องเพิ่มขึ้น คนไม่มีจะทำอย่างไร อาชญากรรมตามมา รัฐจะมีปัญหามากขึ้น ทรัพยากรที่รัฐเคยมีก็ไม่มี ภาษีอากรต่อให้ไม่โกงก็ลดลง เอางบประมาณที่ไหนมาจัดการปัญหาเหล่านี้เอาเข้าจริงสังคมไทยมีปัญหาอย่างอื่นอีกมาก ไม่ต้องไปคิดถึงการทำรัฐประหาร เอาแค่นี้ก่อน คนแก้ก็พยายาม แต่มันไม่ง่าย ล่าสุดนักเศรษฐศาสตร์อาวุโสของไอเอ็มเอฟระบุว่า โรคโควิด-19 นี้จะหายก็ต่อเมื่อทุกประเทศหายหมด ไม่ใช่เฉพาะประเทศไทยหรือประเทศใดประเทศหนึ่งตอนนี้โลกทั้งใบพัวพันกันอยู่จนปัญหาในที่หนึ่งย่อมกระทบในอีกที่หนึ่งชนิดที่เลี่ยงได้ยาก ยิ่งในประเทศอย่างเราที่เอาระบบเศรษฐกิจผูกไว้กับการส่งออกและการท่องเที่ยวมานานมากยิ่งมีเหตุที่ต้องกังวลมากในเมื่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนลำบากยากแค้นปัญหาพวกนี้รุมสังคมก็ต้องหาวิธีจัดการพวกนี้ไม่ใช่คิดจะเรียกร้องรัฐบาลแห่งชาติหรือถามหารัฐประหารเพราะจะยิ่งเป็นชนวน ทำให้เกิดการกดทับทางอำนาจมากขึ้นจนที่สุดอาจสุมไฟจนระเบิดกลายเป็นความรุนแรงในสังคมไทยไปได้ขณะนี้ทางออกของประเทศไทย ต้องให้กลไกของรัฐสภาเดินหน้าทำหน้าที่ต่อไป ให้ฝ่ายค้านและรัฐบาลยังทำหน้าที่ได้พอสมควรตามรัฐธรรมนูญแน่นอนสุดท้ายรัฐธรรมนูญก็ต้องถูกแก้ตามที่มีเสียงเรียกร้อง แถมยังมีเสียงเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีลาออก จะลาออกเมื่อไรก็เมื่อเงื่อนไขพร้อมมูลบีบให้ลาออก รวมถึงข้อเรียกร้องปฏิรูปสถาบัน ก็เป็นพัฒนาการที่น่าสนใจเพราะจากข้อเรียกร้องที่ไม่มีกติกาควบคุมในที่สาธารณะ มาถูกหยิบยกขึ้นมาพูดโดยมีกติกาควบคุมในสภาบ้าง ซึ่งอนุญาตให้พูดได้เท่านั้นเท่านี้ ทุกคนก็ทำตาม คนฟังก็รู้ ก็ดีแล้ว ถูกแล้วเหล่านี้คือการพัฒนาการของสังคมที่กำลังดำเนินไป ในแง่นี้สภาจึงเป็นกระจกสะท้อนความเป็นจริงของสังคมและช่วยระบายความอึดอัดต่างๆได้บ้าง ภายใต้รัฐธรรมนูญที่กำกับการทำงานของสภาอยู่ เพราะรัฐธรรมนูญทุกฉบับย่อมเป็นตัวสะท้อนสัมพันธภาพทางอำนาจที่เป็นอยู่ในแต่ละห้วงเวลา ไปมองหารัฐบาลแห่งชาติทำไมที่พูดมาทั้งหมดเป็นการมองโลกอย่างที่เป็นจริง ไม่ได้มองอย่างอุดมคติที่ทุกอย่างโรยด้วยกลีบกุหลาบ เพราะสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญคือสิ่งที่อยู่นอกสภาด้วย ซึ่งไม่ใช่เฉพาะเพียงม็อบราษฎรที่พยายามใช้การประท้วงเชิงสัญลักษณ์ซึ่งอยู่ในแบบสันติวิธีอยู่แล้ว ที่สำคัญคือถ้าสภาทำหน้าที่ตามสิ่งที่ควรจะเป็น แรงกดของม็อบราษฎรก็ไม่น่าจะเยอะแต่ถ้าแก้ปัญหาคนจน ชาวนาไม่ได้ ย่อมกลับมาที่การเมืองบนท้องถนน ดังที่อาจารย์ประภาส ปิ่นตบแต่ง ผู้เขียนหนังสือเกี่ยวกับสมัชชาคนจนเคยอภิปรายว่า คนยากคนจนจากอีสานเขาต้องมาเดินขบวนบนถนน เพราะอำนาจของชาวบ้านอยู่ที่เท้า ปรากฏการณ์แรงหรือเบาในสังคมจึงขึ้นอยู่กับสิ่งที่เกิดขึ้นในสภาด้วยถ้าตัวแทนประชาชนคือ ส.ส.ทำงานไม่ได้อำนาจตัวจริงคือประชาชนก็ย่อมจะปรากฏตัวในแง่นี้สภาจึงควรเป็นพื้นที่การเปลี่ยนแปลงทางสร้างสรรค์และประคับประคองสถานการณ์ ไม่ให้เกิดความรุนแรง ความรุนแรงใช้ไปก็มีความสูญเสีย สังคมก็จะมีความโกรธเกรี้ยว เจ็บแค้น หยามเหยียดกันมากขึ้น เป็นตัวผลักให้การชุมนุมที่สร้างสรรค์และสันติหยุดลง ไม่อยากเห็นความสูญเสีย บาดเจ็บ เพราะส่งผลต่อการเมืองและสังคมในอนาคตและระบอบรัฐสภามีปุ่มรีเซ็ตการเมืองใหม่อยู่แล้ว หากถึงทางตันจริงๆนายกรัฐมนตรีอาจยุบสภา หรือ ลาออก แต่ไม่ใช่รัฐประหารหรือวิธีอื่นอีก เช่นเมื่อไม่สามารถล้มรัฐบาลได้จากเหตุผลการโหวตลงคะแนนไม่ไว้วางใจ อีกไม่นานก็ต้องมีการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 2565 ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับการไหลเวียนของอำนาจในสภาและรัฐบาลผสม ทุกสิ่งก็เปลี่ยนแปลงได้เสมอ โดยไม่ต้องคิดถึงการทำรัฐประหารเราอยู่กับประเพณีการใช้รัฐประหารเยอะไปหน่อย จนหลงคิดไปว่าเป็นวิธีปกติ ทำอะไรไม่ได้ก็ทำรัฐประหาร ถ้าเป็นยา ยาแขนงนี้หยุดอาการเท่านั้นไม่ได้รักษาโรค ยิ่งกว่านั้นยังเป็นยาพิษทำให้กระดูกกร่อน สมองบาดเจ็บประเทศแคระแกร็นไม่ไปไหน สั่งสมความไม่พอใจทั้งในหมู่ประชาชนและทหารมากขึ้นเพราะการรัฐประหารเป็นการใช้ความรุนแรงเพื่อหยุดนวัตกรรมสันติวิธีที่ดีที่สุดอย่างหนึ่งในประวัติศาสตร์มนุษย์นั่นคือประชาธิปไตยแบบรัฐสภา.ทีมการเมือง